- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 May 2018 17:25
- Hits: 1740
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึนได้ตามคาดในช่วงครึ่งเช้านำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงขายออกมาและทำให้ตลาดปิดทรงตัว ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 11 อีก 1.4 พันลบ. (แต่ Long ใน Index Futures 2.5 พันสัญญา) ส่วนสถาบันในประเทศพลิกมาซื้อราว 600 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up โดยกลุ่มพลังงานยังได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นทะลุ 70 เหรียญต่อบาร์เรลหลังทรัมป์จะตัดสินใจว่าจะถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านหรือไม่ในคืนนี้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เรามองน้ำมันและหุ้นกลุ่มพลังงานมีโอกาสเผชิญแรงขายระยะสั้น ขณะที่ปัจจัยประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงสัปดาห์คือผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q18 ที่จะประกาศออกมาหนาแน่น ซึ่งหากไม่ได้มี Surprise ในเชิงบวกอย่างมีนัยยะเรายังมองกรอบบวกของตลาดในระยะนี้จำกัดบริเวณ 1,800 จุด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่ Laggard และมีกำไร 1Q18 แข็งแกร่ง//ทำกำไรระยะสั้นหุ้นในกลุ่มพลังงาน
หุ้นเด่นเดือน พ.ค. : BEM, CHG, EA, SC, THANI
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$290ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$176ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$43ล้าน ไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออก ตัวเลขการว่างงานที่แข็งแกร่ง ทำให้ตลาดคาดการณ์ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ROBINS <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 78 บาท
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 จะเติบโตดี 12% Y-Y จาก SSSG ที่จะพลิกฟื้นเป็นบวกราว 2.5% Y-Y ถือเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในต่างจังหวัด แนวโน้มกำไรจะดีต่อเนื่องใน 2Q18 และจะทำจุดสูงสุดของปีใน 4Q18 โดยมีแผนเปิด 2 สาขาใหม่ในช่วง 2H18
เราคาดกำไรสุทธิปี 2018 จะเติบโตราว 13.5% Y-Y และถือเป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard กว่ากลุ่ม และราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น Forward PE เพียง 23 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 28-30 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากทั้งอุปทานที่ตึงตัวในเวเนซุเอลา และโอกาสที่สหรัฐฯจะถอนตัวออกจากข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและกลุ่ม P5+1 และกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง โดยมีกำหนดเส้นตายวันที่ 12 พ.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯที่กลับมาเพิ่มขึ้น จำนวนแท่นขุดเจาะสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นอีก 9 แท่นอยู่ที่ 834 แท่น สูงสุดตั้งแต่ มี.ค. 15 การปรับขึ้นของราคาน้ำมันจึงเป็นเพียงภาพระยะสั้น แต่จะกระตุ้นให้เกิดแรงเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน ซึ่งโดยหลักคือ PTT และ PTTEP ตลอดทั้งสัปดาห์
(+) PTTGC กำไรปกติ 1Q18 -10% Q-Q, +1% Y-Y เป็น 11,775.2 ล้านบาท ดีกว่าคาด โดยมีธุรกิจโอเลฟินส์เป็นพระเอก ส่วนธุรกิจโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ชะลอลง โดยเฉพาะค่าการกลั่นที่ -9% Q-Q จาก crude premium ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับโรงกลั่นอื่น ส่วนต่างของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ -14% Q-Q, -48% Y-Y เหลือ US$166/ตัน เพราะแนฟทาและก๊าซ LPG ปรับลงมาก เราปรับกำไรปี 2018-19 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% จากแนวโน้มธุรกิจโอเลฟินส์ที่ยังเป็นทิศทางขาขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูงยาวนานกว่าคาด ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 115 บาทจากเดิม 105 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PE เพียง 9.6 เท่า และคาด Dividend yield 5% ต่อปี ยังคงคำแนะนำซื้อ
(0) TU กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 869 ลบ. (-38.1% Q-Q, -40.8% Y-Y) ใกล้เคียงคาด (เราคาดไว้ 880 ลบ.) หากไม่รวมรายการพิเศษ จะมีกำไรปกติเพียง 139 ลบ. ต่ำสุดในรอบ 20 ไตรมาส สาเหตุมาจากการแข็งค่าของเงินบาท และการปรับลดราคาขายตามต้นทุนวัตถุดิบ อีกทั้งมีต้นทุนปลาทูน่าแพงขึ้นกว่าที่สต็อกไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม กำไร 1Q18 ที่ออกมาน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี แนวโน้ม 2Q18 จะดีขึ้นจากทั้งราคาปลาทูน่าที่ฟื้นตัว และค่าเงินบาทที่ผันผวนน้อยลง เรายังคงคาดกำไรทั้งปีที่ 5.75 พันลบ. -4% Y-Y และคงราคาเป้าหมายที่ 21 บาท แนะนำซื้อลงทุน
(+) SPVI กำไรสุทธิ 1Q18 เพิ่มขึ้นถึง 447% Y-Y อยู่ที่ 9 ลบ. แต่เมื่อเทียบ Q-Q จะลดลง 27% ตามฤดูกาล แรงหนุนหลักมาจากรายได้ที่โต 26% Y-Y และ Net Margin ที่เพิ่มเป็น 1.5% จากที่ทำได้เพียง 0.4% ใน 1Q17 ผลประกอบการของ SPVI ที่สดใสตั้งแต่ต้นปี และเป็นไตรมาส 1 ที่ดีที่สุดตั้งแต่เข้าตลาด เป็นบวกต่อกำไร 1Q18 ของ IT ที่อาจออกมาดีกว่าคาดการณ์ของเราที่ 15 ลบ. +9% Q-Q, +145% Y-Y เรายังคงคำแนะนำซื้อ IT ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท
(+) BOL กำไรสุทธิ 1Q18 อยู่ที่ 19.79 ลบ. เพิ่มขึ้น 35% Q-Q และ 7% Y-Y แม้รายได้รวมจะลดลง Y-Y เพราะมีลูกค้าเริ่มบางรายเปลี่ยนรูปแบบบริการ ทำให้ต้องทยอยรับรู้รายได้ จากก่อนหน้านี้ที่รับรู้เป็นก้อนใหญ่ทั้งหมด แต่อัตรากำไรสุทธิดีขึ้นเป็น 19.1% จาก 12.8% ใน 4Q17 และ 17.1% ใน 1Q17 จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการตั้งหนี้สงสัยจะสูญที่น้อยลง ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 ราว 19 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 22 เท่า Downside จึงค่อนข้างจำกัด แนะนำซื้อ หากอิง PE 22 เท่า บนคาดการณ์กำไรปีนี้ +10% Y-Y ราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 2.30 บาท
(+) ADB แนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q18 จะโตโดดเด่นเมื่อเทียบ Y-Y เพราะ 1Q17 ประสบปัญหาต้นทุน PVC ผันผวนจนทำให้งบพลิกเป็นขาดทุน แต่หลังจากเปลี่ยนนโยบายบริหารต้นทุนและตั้งราคาขายให้สอดคล้องกัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นกลับมาปกติอีกครั้ง เราคาดพลิกมามีกำไรสุทธิ 10 ลบ. แม้ธุรกิจกาวและยาแนว ซึ่งตลาดส่วนใหญ่คือส่งออก จะชะลอตัวจากบาทแข็ง แต่จะถูกหักล้างด้วยการเติบโตที่ดีของธุรกิจพีวีซีคอมปาวด์ ที่ได้แรงหนุนจากการเติบโตของตลาดสายไฟ เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น ADB)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 พ.ค.- จีน: ดุลการค้า (เม.ย.)
12 พ.ค.- สหรัฐฯ: พิจารณามาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่
21 พ.ค.- ไทย: 1Q18 GDP
23 พ.ค.- ไทย: ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ กม. ลูก เลือกตั้ง ส.ว. และ ส.ส.
(+) ตลาดสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้น จากหุ้นในกลุ่ม FAANG และหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอีกเมื่อคืนนี้
(+) ตลาดยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียนยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการประกาศความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง เนสท์เล่และสตาร์บัคส์
(+) ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น โดยคาดว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออกของจีนที่ตลาดคาดว่าจะออกมาดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ตลาดยังคงรอดูตัวเลข CPI ของไต้หวัน และตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่น
() ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าขึ้นหลังผลประกอบบริษัทจดทะเบียนออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.80-31.90 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.73 ดอลลาร์/บาเรลล์ สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 โดยต้องรอดูผลการตัดสินใจของสหรัฐต่อการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ในคืนนี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 0.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,314.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO8505