- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 May 2018 17:41
- Hits: 1445
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ฟื้นตัว แต่โฟลว์ขายยังจำกัดอัพไซด์อยู่
KGI คาด SET วันจันทร์รีบาวด์ หนุนโดยจิตวิทยาหุ้นโลกที่ดีขึ้น และราคาน้ำมันดิบทำนิวไฮรอบ 3 ปีครึ่ง หนุนหุ้นพลังงานขนาดใหญ่ (เมื่อวันศุกร์ ดัชนีฯ แกว่งลง อ่อนกว่าเราประเมินเล็กน้อย) ทั้งนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แรลลี่เมื่อวันศุกร์ หลังจากหุ้นเทคโนโลยีฟื้นตัวโดดเด่นตามรายงานข่าวว่า บ.เบิร์กไชร์ แฮทาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟต ซื้อหุ้น บ.แอปเปิลเพิ่มอีกในไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เป็นบวกต่อตลาดการเงินเช่นกัน โดยค่าจ้างแรงงานเดือน เม.ย. +2.6% YoY ต่ำกว่า consensus คาด และชะลอตัวจาก 2.7% YoY ในเดือน มี.ค. น่าจะทำให้ตลาดคลายกังวลต่อเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในระยะถัดไป อย่างไรก็ดีอัพไซด์ของดัชนีฯ ยังถูกจำกัดโดยนักลงทุนต่างชาติที่น่าจะอยู่ในฝั่งขายต่อไป เนื่องจากความกังวลต่อเงินเฟ้อในตลาดหุ้นอาเซียนเช่นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อาจส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ของอาเซียนโดยรวมไม่แข็งแกร่งและกระทบ SET ไปด้วย ด้านปัจจัยภายใน ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับธีม i) หุ้นที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/61 แข็งแกร่ง และดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/61 และ ii) หุ้นเชื่อมโยงประเด็นบวกทางการเมือง ซึ่งน่าจะมีข่าวบวกเกี่ยวกับการเลือกตั้งออกมาในช่วงปลายเดือนนี้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร CK*, COM7*, WHA*
CK* (เป้าพื้นฐาน 32.1 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้น Laggard ทั้งตลาดฯ และ หุ้นลูกอย่าง BEM*, CKP* ขณะที่ราคาหุ้น Sideway สร้างฐานบริเวณ ±24 บาท ประเมินรอสัญญาณซื้อเมื่อ Break ผ่านกรอบแนวต้าน 24.4 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 25.5 บาท (Stop loss 23.6 บาท) / แนวรับ 23.8 บาท 2) สคร.เตรียมยื่นไฟลิ่งเสนอขายหน่วยกองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ กทพ. และคาดจะเสนอขายในช่วง มิ.ย.-ก.ค. นี้ เราประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ จากเม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาทำให้โครงการลงทุนต่างๆในอนาคตเริ่มโครงการได้ตามที่ฝ่ายวิจัยฯคาดไว้ใน 2H61
COM7* (เป้า Consensus 20.2 บาท) 1) เราคงมุมมองที่เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกโดยเฉพาะสินค้าไอทีจาก i) การขยายตัวของความต้องการสินค้าไอทีตามนโยบายรัฐฯและยุคดิจิตอล ii) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย.ทำนิวไฮรอบ 40 เดือน iii) ฝ่ายวิจัยฯคาดการบริโภคในประเทศปีนี้จะเติบโตเด่น 2) Consensus ประเมินแนวโน้มกำไร 1Q61 เติบโต 25 - 30% YoY 3) คาดผลการดำเนินงาน 2Q - 3Q จะได้แรงหนุนจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้งของ HUAWEI (P20 เพิ่งวางขาย ผลตอบรับดี) และ iPhone (คาดเตรียมเปิดตัว iPhone รุ่นราคาประหยัดภายในกลางปีนี้) รวมถึงสินค้าอื่นๆ เช่น iPad สำหรับสถานศึกษา (COM7* ตั้งทีมขายสินค้าเข้าสถานศึกษาตั้งแต่ปีก่อน), Smart Wtach ยี่ห้อต่างๆ เป็นต้น 3) ประเมินแนวรับ 18.9 บาท / แนวต้าน 19.6 - 19.9 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 18.5 บาท)
WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.6 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.94 บาท / แนวต้าน 4.10 บาท หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.3 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 3.90 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มกำไร 1Q61 = 639 ล้านบาท (+691% YoY) กำไรที่โตเด่น YoY เป็นผลจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ใน 1Q61 ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่ ในเดือน ม.ค. และ ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้า(ตามสัดส่วนการถือหุ้น) เพิ่มขึ้น +7% เป็น 511 MW ... วันนี้ นสพ ข่าวหุ้นลงข่าว "แจ็ค หม่า เช่าที่ WHA* หนึ่งแสนตารางเมตร"
หุ้นมีข่าว
(-) ธปท. เตรียมออกใบอนุญาตการปล่อยสินเชื่อรูปแบบใหม่ P2P lending โดยรูปแบบการปล่อยกู้ Peer-to-Peer lending หรือ P2P ถือเป็นธุรกรรมใหม่ที่อนุญาตให้บุคคลสามารถปล่อยกู้ได้โดยตรงกับลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อ ซึ่งธปท.หวังว่ารูปแบบ P2P จะเป็นประโยชน์กับธุรกิจ SME ที่ปัจจุบันไม่สามาถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของ SME มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลง ความเห็น ในทางทฤษฏี P2P นับว่าแรงกดดันต่อธนาคาร และนอนแบงก์ เพราะรูปแบบการปล่อยกู้จะไม่มีธนาคารเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้การให้ใบอนุญาตนี้ยังถือเป็นการอนุญาตให้มีผู้ประกอบการปล่อยกู้มากขึ้นในอุตสาหกรรม แต่ในทางปฏิบัติการผลกระทบจะขึ้นกับผู้ลงทุนรายใหม่ และเงินทุน เพราะที่ผ่านมาธปท.ก็ได้ให้ใบอนุญาตการประกอบการพิโกไฟแนนซ์ที่ให้คำนวณดอกเบี้ย 36% แต่ก็ไม่ได้การตอบรับที่ดีนัก
(+) 'แจ็ค หม่า’เช่าที่ WHA* หนึ่งแสนตารางเมตร เล็งตั้งเป็น 'ดิจิทัลฮับ’ ในนิคมฯที่ฉะเชิงเทรา (ข่าวหุ้น) WHA* จ่อปิดดีลใหญ่ให้ "กลุ่มอาลีบาบา" ของ “แจ็ค หม่า” เช่าพื้นที่ 1 แสนตารางเมตรในนิคมฯ ที่ฉะเชิงเทรา เพื่อตั้งศูนย์ดิจิทัลฮับ ฟากโบรกฯ คาดงบ Q1 ฟาดกำไรสุทธิ 879 ล้านบาท โตอลังการเฉียด 1,000% หลังบุ๊ครายได้ขายสินทรัพย์เข้า HREIT แถมบุ๊คโอนขายที่ดินกว่า 130 ไร่
(+) ชู BIGC ขยายซีแอลเอ็มวี เล็งเปิดกัมพูชา 5 ปี 10 แห่ง ลาว 1 สาขา เวียดนามรอเซ็นทรัลเปลี่ยนชื่อ (โพสต์ทูเดย์) BJC* เตรียมส่งไฮเปอร์แบรนด์บิ๊กซีสยายปีกตลาดซีแอลเอ็มวี หลังกลุ่มเซ็นทรัลเปลี่ยนบิ๊กซีในประเทศเวียดนามเป็นโก นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจค้าปลีกในตลาดซีแอลเอ็มวีนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้แบรนด์ห้าง บิ๊กซีเข้าไปเปิดให้บริการในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว ส่วนประเทศเวียดนามคงต้องรอบริษัทกลุ่มเซ็นทรัลออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะมีการเปลี่ยนแบรนด์ห้างบิ๊กซีเป็นแบรนด์โก (GO) อย่างเป็นทางการก่อน
(+) กลุ่ม TACC ร่วมทุนพาร์ตเนอร์ ตั้งบริษัท'สยามเกตเวย์'ขนสินค้าบุกจีน (ประชาชาติธุรกิจ) TACC ตั้ง บ.ร่วมทุน "สยามเกตเวย์" นายหน้าเบิกทางคู่ค้าบุกจีน ชูบริการ วันสต็อปเซอร์วิส รับปรึกษา-หาช่องทาง ให้ครบทุกขั้นตอน ประเดิมส่งแบรนด์ในเครือ "สวัสดี" น้ำทุเรียนชิง 10 มณฑล พร้อมคู่ค้าอีกหลายแบรนด์ ชี้ศักยภาพครอบคลุมออฟไลน์-ออนไลน์-ดิวตี้ฟรี ตั้งเป้าติดปีกรายได้ต่างประเทศโตก้าวกระโดด
(+) ECF ส่งซิกไตรมาส 2 โตสวนตลาดจ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวลรับทรัพย์ (ทันหุ้น) ECF คาดไตรมาส 2/2561 โตต่อเนื่อง แม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น เตรียม COD โรงไฟฟ้าชีวมวล จังหวัดแพร่ วันที่ 15 พ.ค. นี้ 1 โรง คาดรับรู้รายได้ไตรมาส 2/2561 ทันที พร้อมศึกษาแตกไลน์สินค้าใหม่ มุ่งหน้าเดินตามแผนธุรกิจปี 2561-2563 เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-12%
(+) FPI ผนึกพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุนลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ (ทันหุ้น) FPI จับมือ TSE ตั้งบริษัท "ทีเอสอี โอเวอร์ซีส์ กรุ๊ป" ร่วมลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์โซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น 8 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 176.72 เมกะวัตต์ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
ROBINS* (เป้าพื้นฐาน 85 บาท) ประเมินแนวรับ 66 บาท / แนวต้าน 70 บาท (Trailing stop ล๊อกกำไร 64.75 บาท)
GULF (เป้าพื้นฐาน 68 บาท) แนะนำ "Let profit run" กำหนด Trailing stop จุดล๊อกกำไร 72 บาท
SGP* (ยังไม่มีเป้า Consensus) พิจารณาแนวราคา 29.5 บาท หากต่ำกว่า แนะนำ "ขายล๊อกกำไร" แต่หากยืนได้ แนะนำ "ถือ" ประเมินแนวต้าน 31.5 บาท
NYT (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) ประเมินแนวรับ 5.8 บาท / แนวต้าน 6.15 - 6.40 บาท (Stop loss 5.7 บาท) ... วันนี้ขึ้น XD 0.30 บาท
CENTEL* (เป้าพื้นฐาน 56.5 บาท) พิจารณาแนวราคา 49.25 บาท หากต่ำกว่า แนะนำ "Stop loss" แต่หากยืนได้ แนะนำ "ถือ" ประเมินแนวต้าน 51 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
GLOBAL* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้ฐาน 17.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรสุทธิ 1Q61 = 528 ล้านบาท (+9.1% YoY, +52.2% QoQ) โดยคาดว่า SSSG จะโตถึง +6.5% เนื่องจากฐานเปรียบเทียบต่ำในปีที่แล้ว และคาด GPM จะเท่ากับ 20.5% (-50bps YoY, +20bps QoQ) บริษัทมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีกปีละ 8 แห่ง ในช่วงปี 2561-63 ซึ่งจะทำให้จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 79 สาขา จากจำนวน 55 สาขาในปี 2560
MAJOR* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 31.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรสุทธิ 1Q61 = 251 ล้านบาท (+237% QoQ, -4% YoY) เนื่องจากรายได้ฟื้นตัวกลับโต QoQ ในขณะที่กำไร YoY ถูกฉุดโดยยอดขายตั๋ว และยอดโฆษณาที่ลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้จะเพิ่มขึ้นใน 2Q61 เนื่องจากมีโปรแกรมหนังเด็ดๆ รอคิวฉายอีกมาก
TRUE* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 7.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมิน TRUE* จะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานหลักดีขึ้นจาก 1.1 พันล้านบาทใน 4Q60 และ 1.3 พันล้านบาทใน 1Q60 เหลือแค่ 919 ล้านบาทใน 1Q61 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ลดลง 14% QoQ และรายได้เพิ่มขึ้น 8% YoY ในส่วนของกำไร(ขาดทุน)สุทธิ เราคาดว่าในงวด 1Q61 บริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิ 1 พันล้านบาท ดีขึ้นจากที่เคยขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาทใน 1Q60 แต่จะแย่ลงจากที่มีกำไรสุทธิ 5.4 พันล้านบาทใน 4Q60 ซึ่งมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ไปให้กองทุน DIF ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯมองว่าการขายสินทรัพย์ก้อนใหม่ออกไปให้ DIF ใน 2Q61 และโอกาสที่จะได้เลื่อนชำระค่าคลื่น 2Q61 จะเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น
PTT* แนะนำ "ถือ" เป้าพื้นฐาน 51 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไร 1Q61 = 4.2 หมื่นล้านบาท (-9% YoY, +19% QoQ) ลดลง YoY ผลจาก 1Q60 มีการบันทึกรายได้ปันผลจำนวนมากราว 4. พันล้านบาทจาก EPIF และการโต QoQ คาดเป็นผลจาก i) กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 4.4 ล้านบาทใน 1Q61 และมีรายการพิเศษใน 4Q60 (Impairment 6.3 พันล้านบาท)
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ต้าน 1785 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1785 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1785-1797 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่านัยต้าน 1785 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1785-1762 จุด
แนวรับวันนี้: 1775/1764 แนวต้านวันนี้: 1785/1795
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]
OO8439