WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


“รอสหรัฐฯ-จีน เจรจาจบ และฝรั่งยังขายต่อเนื่อง”
SET Recap
  SET ปิดที่ระดับ 1,790.80 จุด ลดลง 0.33 จุด (-0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 58,777.25 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งแคบ-ซึม คล้ายตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ติดลบ รับผลจากการเปิดเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีกระแสข่าวออกมาในเชิงที่จีนไม่อยากจะยอมรับเงื่อนไขของสหรัฐฯ ทั้งนี้ วานนี้ตลาดบ้านเราถูกกดันจากแรงขายทำกำไรจากหุ้นบางตัว และกลุ่มธนาคารก็อ่อนตัวลงด้วย อย่างไรก็ดี ยังได้แรงหนุนจากการเล่นเก็งผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของบริษัทจดทะเบียน
SET Outlook
  ประเมินทิศทางดัชนีฯ มีโอกาสลงต่อ นักลงทุนรอดูผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ...  หลังจีนยังไม่มีท่าทีผ่อนปรมเท่าใดนักก่อนหน้าการเจรจาการค้าที่เริ่มตั้งแต่วานนี้ ส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลในเรื่องนี้อีกครั้ง ... ผลการประชุม FOMC แม้ยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า ส่งผลให้นักลงทุนปรับพอร์ตเพื่อรับการขึ้นดอกเบี้ยบวกกับความไม่แน่นอนในสถานการณ์การค้าสหรัฐฯ-จีน  โดยนักลงทุนต่างประเทศมียอดขายสุทธิหุ้นไทยติดต่อกัน 9 วันทำการรวม1.7 หมื่นล้านบาท   ..... ตัวแปรสำคัญของวันนี้ จะเป็นตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ
Recommendation
  ด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่ยังดูคลุมเครือ .....  กลยุทธ์ลงทุน ยังเน้นกรอบเวลาสั้นๆ ในหุ้นที่มีความปลอดภัยหรือมีปัจจัยเฉพาะตัว  หรือนักลงทุนอาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อให้ผ่านช่วงวันหยุดนี้ไปก่อน ......  หุ้นที่อิงรายได้ในประเทศ จากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัว เราแนะนำหุ้นอิงกำลังซื้อของผู้บริโภค คือ CPALL, ROBINS   และธุรกิจการบินที่ได้อานิสงค์จากการปรับขึ้นค่าตั๋วโดยสาร เราแนะนำหุ้น  AAV  และเรายังเชื่อว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งสองตัว คือ BH และ BDMS  ยังมีรายได้และกำไรที่มีการเติบโต  จึงเหมาะกับการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงมาแบบนี้
Stock Picks Strategy: TOA*
  Technical: PTTEP , GULF , AMATA
  * เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
“รอสหรัฐฯ-จีน เจรจาจบ และฝรั่งยังขายต่อเนื่อง”
 ตัวแทนสหรัฐฯ-จีน เริ่มหารือกันในเรื่องของนโยบายการค้า (3 พ.ค.)
 ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (4 พ.ค.)
 ตัวเลขส่งออกของจีน (8 พ.ค.)
 ศาลรธน.นัดชี้ขาดกฎหมายลูก ส.ส.-ส.ว. (23 พ.ค.)
Story of the Day
  “การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะเริ่มต้นวันนี้ และจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อตลาดหุ้น   เนื่องจากสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2017 มียอดขาดดุลการค้ามากที่สุด ถึง 3.75 แสนล้านเหรียญ และไตรมาสแรก ขาดดุลไปแล้วถึง 9.1 หมื่นล้านเหรียญ สูงขึ้นถึง 15% จากไตรมาสแรกของปีก่อน สินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีนมากที่สุด คือ รถยนต์และชิ้นส่วน  น้ำมันดิบ  ยา  และโทรศัพท์เคลื่อนที่"
Today Stock Picks
BDMS  (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท)
  คาดกำไรสุทธิ 1Q18 จะอยู่ที่ 2,460 ล้านบาท เติบโต 25% YoY และ 21% QoQ จาก 1) คาดรายได้เติบโตจากการระบาดของโรค ฝนตกชุก และการปรับค่ารักษาประจำปี และ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จากการปรับขึ้นค่าบริการและความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 8,845 ล้านบาท เติบโต 10% YoY จากรายได้ที่เติบโตขึ้น ซึ่งจากรายได้ในเดือน เม.ย. 18 ก็ยังคงมีการเติบโตระดับ 2 หลัก และมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ด้าน Wellness clinic คาดจะเปิด OPD ส่วนที่เหลือได้ครบใน 3Q18 และ IPD จะเปิดในปีหน้า  ..…  ราคาเหมาะสมโดย KTBST 25.0 บาท (ราคาปิด 22.90)
TOA (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40.0 บาท)
  บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 2561 เติบโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 15,717.7 ล้านบาท และเพิ่มศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้น  .....ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตสี 3 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาและกัมพูชา ใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งโรงงานทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/61 ไตรมาส 4/61 และไตรมาส 1/62 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มยอดขายในแต่ละประเทศ.....(ราคาปิด 39.50)
Mongkol Puangpetra & Fundamental Research Team
OO8352

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!