- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 May 2018 20:02
- Hits: 2352
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“รอสหรัฐฯ-จีน เจรจาจบ และฝรั่งยังขายต่อเนื่อง”
SET Recap
SET ปิดที่ระดับ 1,790.80 จุด ลดลง 0.33 จุด (-0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 58,777.25 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งแคบ-ซึม คล้ายตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ติดลบ รับผลจากการเปิดเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีกระแสข่าวออกมาในเชิงที่จีนไม่อยากจะยอมรับเงื่อนไขของสหรัฐฯ ทั้งนี้ วานนี้ตลาดบ้านเราถูกกดันจากแรงขายทำกำไรจากหุ้นบางตัว และกลุ่มธนาคารก็อ่อนตัวลงด้วย อย่างไรก็ดี ยังได้แรงหนุนจากการเล่นเก็งผลประกอบการไตรมาส 1/61 ของบริษัทจดทะเบียน
SET Outlook
ประเมินทิศทางดัชนีฯ มีโอกาสลงต่อ นักลงทุนรอดูผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ... หลังจีนยังไม่มีท่าทีผ่อนปรมเท่าใดนักก่อนหน้าการเจรจาการค้าที่เริ่มตั้งแต่วานนี้ ส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลในเรื่องนี้อีกครั้ง ... ผลการประชุม FOMC แม้ยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า ส่งผลให้นักลงทุนปรับพอร์ตเพื่อรับการขึ้นดอกเบี้ยบวกกับความไม่แน่นอนในสถานการณ์การค้าสหรัฐฯ-จีน โดยนักลงทุนต่างประเทศมียอดขายสุทธิหุ้นไทยติดต่อกัน 9 วันทำการรวม1.7 หมื่นล้านบาท ..... ตัวแปรสำคัญของวันนี้ จะเป็นตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ
ประเมินทิศทางดัชนีฯ มีโอกาสลงต่อ นักลงทุนรอดูผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ... หลังจีนยังไม่มีท่าทีผ่อนปรมเท่าใดนักก่อนหน้าการเจรจาการค้าที่เริ่มตั้งแต่วานนี้ ส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลในเรื่องนี้อีกครั้ง ... ผลการประชุม FOMC แม้ยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า ส่งผลให้นักลงทุนปรับพอร์ตเพื่อรับการขึ้นดอกเบี้ยบวกกับความไม่แน่นอนในสถานการณ์การค้าสหรัฐฯ-จีน โดยนักลงทุนต่างประเทศมียอดขายสุทธิหุ้นไทยติดต่อกัน 9 วันทำการรวม1.7 หมื่นล้านบาท ..... ตัวแปรสำคัญของวันนี้ จะเป็นตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ
Recommendation
ด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่ยังดูคลุมเครือ ..... กลยุทธ์ลงทุน ยังเน้นกรอบเวลาสั้นๆ ในหุ้นที่มีความปลอดภัยหรือมีปัจจัยเฉพาะตัว หรือนักลงทุนอาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อให้ผ่านช่วงวันหยุดนี้ไปก่อน ...... หุ้นที่อิงรายได้ในประเทศ จากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัว เราแนะนำหุ้นอิงกำลังซื้อของผู้บริโภค คือ CPALL, ROBINS และธุรกิจการบินที่ได้อานิสงค์จากการปรับขึ้นค่าตั๋วโดยสาร เราแนะนำหุ้น AAV และเรายังเชื่อว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งสองตัว คือ BH และ BDMS ยังมีรายได้และกำไรที่มีการเติบโต จึงเหมาะกับการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงมาแบบนี้
Stock Picks Strategy: TOA*
Technical: PTTEP , GULF , AMATA
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
“รอสหรัฐฯ-จีน เจรจาจบ และฝรั่งยังขายต่อเนื่อง”
ตัวแทนสหรัฐฯ-จีน เริ่มหารือกันในเรื่องของนโยบายการค้า (3 พ.ค.)
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (4 พ.ค.)
ตัวเลขส่งออกของจีน (8 พ.ค.)
ศาลรธน.นัดชี้ขาดกฎหมายลูก ส.ส.-ส.ว. (23 พ.ค.)
Story of the Day
ด้วยแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัจจัยภายนอกที่ยังดูคลุมเครือ ..... กลยุทธ์ลงทุน ยังเน้นกรอบเวลาสั้นๆ ในหุ้นที่มีความปลอดภัยหรือมีปัจจัยเฉพาะตัว หรือนักลงทุนอาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อให้ผ่านช่วงวันหยุดนี้ไปก่อน ...... หุ้นที่อิงรายได้ในประเทศ จากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัว เราแนะนำหุ้นอิงกำลังซื้อของผู้บริโภค คือ CPALL, ROBINS และธุรกิจการบินที่ได้อานิสงค์จากการปรับขึ้นค่าตั๋วโดยสาร เราแนะนำหุ้น AAV และเรายังเชื่อว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้งสองตัว คือ BH และ BDMS ยังมีรายได้และกำไรที่มีการเติบโต จึงเหมาะกับการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงมาแบบนี้
Stock Picks Strategy: TOA*
Technical: PTTEP , GULF , AMATA
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
“รอสหรัฐฯ-จีน เจรจาจบ และฝรั่งยังขายต่อเนื่อง”
ตัวแทนสหรัฐฯ-จีน เริ่มหารือกันในเรื่องของนโยบายการค้า (3 พ.ค.)
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ (4 พ.ค.)
ตัวเลขส่งออกของจีน (8 พ.ค.)
ศาลรธน.นัดชี้ขาดกฎหมายลูก ส.ส.-ส.ว. (23 พ.ค.)
Story of the Day
“การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะเริ่มต้นวันนี้ และจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อตลาดหุ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2017 มียอดขาดดุลการค้ามากที่สุด ถึง 3.75 แสนล้านเหรียญ และไตรมาสแรก ขาดดุลไปแล้วถึง 9.1 หมื่นล้านเหรียญ สูงขึ้นถึง 15% จากไตรมาสแรกของปีก่อน สินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีนมากที่สุด คือ รถยนต์และชิ้นส่วน น้ำมันดิบ ยา และโทรศัพท์เคลื่อนที่"
Today Stock Picks
BDMS (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท)
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 จะอยู่ที่ 2,460 ล้านบาท เติบโต 25% YoY และ 21% QoQ จาก 1) คาดรายได้เติบโตจากการระบาดของโรค ฝนตกชุก และการปรับค่ารักษาประจำปี และ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จากการปรับขึ้นค่าบริการและความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 8,845 ล้านบาท เติบโต 10% YoY จากรายได้ที่เติบโตขึ้น ซึ่งจากรายได้ในเดือน เม.ย. 18 ก็ยังคงมีการเติบโตระดับ 2 หลัก และมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ด้าน Wellness clinic คาดจะเปิด OPD ส่วนที่เหลือได้ครบใน 3Q18 และ IPD จะเปิดในปีหน้า ..… ราคาเหมาะสมโดย KTBST 25.0 บาท (ราคาปิด 22.90)
Today Stock Picks
BDMS (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 23.50 บาท)
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 จะอยู่ที่ 2,460 ล้านบาท เติบโต 25% YoY และ 21% QoQ จาก 1) คาดรายได้เติบโตจากการระบาดของโรค ฝนตกชุก และการปรับค่ารักษาประจำปี และ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จากการปรับขึ้นค่าบริการและความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 8,845 ล้านบาท เติบโต 10% YoY จากรายได้ที่เติบโตขึ้น ซึ่งจากรายได้ในเดือน เม.ย. 18 ก็ยังคงมีการเติบโตระดับ 2 หลัก และมีการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้น ด้าน Wellness clinic คาดจะเปิด OPD ส่วนที่เหลือได้ครบใน 3Q18 และ IPD จะเปิดในปีหน้า ..… ราคาเหมาะสมโดย KTBST 25.0 บาท (ราคาปิด 22.90)
TOA (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 40.0 บาท)
บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 2561 เติบโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 15,717.7 ล้านบาท และเพิ่มศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้น .....ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตสี 3 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาและกัมพูชา ใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งโรงงานทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/61 ไตรมาส 4/61 และไตรมาส 1/62 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มยอดขายในแต่ละประเทศ.....(ราคาปิด 39.50)
บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 2561 เติบโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 15,717.7 ล้านบาท และเพิ่มศักยภาพการทำกำไรที่ดีขึ้น .....ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตสี 3 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาและกัมพูชา ใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งโรงงานทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/61 ไตรมาส 4/61 และไตรมาส 1/62 ตามลำดับ เพื่อเพิ่มยอดขายในแต่ละประเทศ.....(ราคาปิด 39.50)
Mongkol Puangpetra & Fundamental Research Team
OO8352
OO8352