- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 30 April 2018 18:10
- Hits: 3468
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรรายตัวบนผลการดำเนินงาน 1Q61
Smart Pick
สะสม AOT
ราคาปิด 71.75 บาท
ราคาเหมาะสม 92.00 บาท
คาดการท่องเที่ยวไทยมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนทท.จีนซึ่งมีหนังสือเดินทางเพียง 4% ของประชากรทั้งหมด เราเชื่อว่านทท.จีนจะยังเติบโตเด่นใน 3 ปีข้างหน้า
สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเริ่มให้บริการปี 2564 รองรับผู้โดยสารมากถึง 90 ล้านคน จากปัจจุบัน 45 ล้านคน เราปรับสมมติฐานการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารปี 2564-2567 ขึ้นเป็น 15% จากเดิม 7% ส่งผลให้ราคาเหมาะสมขยับขึ้นเป็น 92.00 บาท
เก็งกำไร TRUE
ราคาปิด 7.65 บาท
ราคาเหมาะสม 8.35 บาท
คาดผลขาดทุนปกติ 830 ล้านบาท ใน 1Q61 ลดลงมากจาก 1Q60 ที่ขาดทุนสูงถึง 2.7 พันล้านบาท และการเติบโตของรายได้กลุ่มมือถือต่อเนื่อง +10% YoY จะผลักดันให้ EBITDA ใน 1Q61 เติบโต +21% YoY เป็น 8.9 พันล้านบาท
มีแต้มต่อสูงสุดในกลุ่มมือถือสำหรับการประมูล 1800MHz รอบใหม่ เนื่องจากมีคลื่นในมือสูงสุด ดังนั้น หากมีการแข่งขันด้านราคาในการประมูล TRUE จะได้รับแรงกดดันต่ำสุด เนื่องจากไม่ได้มีความต้องการมากนักในการประมูลรอบนี้
สะสม BANPU
ราคาปิด 19.30 บาท
ราคาเหมาะสม 32.00 บาท
หุ้นกลุ่มถ่านหินมีปัจจัยบวก หลังราคาถ่านหิน BJI สัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้น US$0.75 เป็น US$95.14 และราคาถ่านหินล่วงหน้าในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นทุกตลาด โดยตลาด Newcastle เพิ่มขึ้นถึง +2.1% ปิดที่ US$97.25
คาดกำไรปกติ 1Q61 เติบโตสูง YoY แม้กำไรสุทธิอาจได้รับแรงกดดันจากการตั้งสำรองคดีหงสาจำนวน 2.7 พันล้านบาท แต่เชื่อว่าไม่ใช่ประเด็นลบใหม่ต่อตลาดแล้ว ขณะที่ Valuation น่าสนใจที่ระดับ PER2561 เพียง 7 เท่า และให้ Dividend Yield 5.5%
เก็งกำไร KBANK
ราคาปิด 195.00 บาท
ราคาเหมาะสม 240.00 บาท
คาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค โดยมีโอกาสขึ้นทดสอบ 200.00 บาทเป็นแนวต้านถัดไป แนวรับ 194.50 บาท และ Stop loss หากปรับตัวลงต่ำกว่า 192.50 บาท
กลุ่มธนาคารปรับตัวลง -7.7% ใน 1 เดือนที่ผ่านมา Underperform ตลาดที่ลดลง -1.3% จึงเชื่อว่าหุ้นกลุ่มธนาคารเริ่มมี Downside Risk ที่จำกัด
Pair Trade : n.a
กลยุทธ์วันนี้
ตลาดหุ้นไทย จะเงียบเหงา เช่นเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่ง เพราะอยู่ในช่วงคาบเกี่ยววันหยุด คาด SET INDEX แกว่งตัวในกรอบแคบ 1770-1785 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบางระดับ 4-5 หมื่นล้านบาท
กระแสเงินทุนโลก มีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อรอดูผลการประชุมเฟด วันที่ 1-2 พ.ค.นี้ ล่าสุด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ลดลง 2 วันติดต่อกันมาอยู่ที่ 2.96% หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 3.04% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย มีโอกาสลดน้อยลง หลังจากขายสุทธิมาแล้ว 6 วันทำการติดต่อกันรวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ นอกเหนือไปจากการประชุมเฟด (1-2 พ.ค.) ได้แก่ ดัชนีตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เดือน เม.ย. คือ การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตลาดคาด +1.94 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงาน ตลาดคาด ลดลงจาก 4.1% เหลือ 4.0% (4 พ.ค.), การรายงานผลการดำเนินงาน 1Q61 ของ IRPC (4 พ.ค.)
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เรายังคงให้น้ำหนักกับการเก็งกำไรหุ้นรายตัวต่อผลประกอบการ 1Q61 ที่กำลังจะประกาศออกมา (Earnings Plays) ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC/ TRUE), ปิโตรเคมี (PTTGC), ค้าปลีก (BJC), ขนส่ง (BEM) สำหรับหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) อย่าง AOT ที่มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรในระยะยาว เรายังคงแนะนำให้ซื้อสะสมต่อเนื่อง
HOT Topic
1. TPIPL ประกาศซื้อหุ้นคืน วงเงิน 2,500 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน 1.09 พันล้านหุ้น เรามีมุมมองอย่างไร
2. ราคาถ่านหินล่วงหน้าฟื้นตัวทั้ง 3 ตลาด และถ่านหิน BJI ปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหนุนหุ้น BANPU
3. บทวิเคราะห์หุ้น SPALI ถึงรอบลงทุนหรือยัง?
4. ติดตามการประชุมเฟดในวันที่ 1-2 พ.ค. จะเป็นปัจจัยต่อการเคลื่อนไหวของ Bond Yield และค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET INDEX มีจุดต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 1767 จุด แต่ Rebound กลับมาปิดที่ 1778.02 จุด เพิ่มขึ้น 4.82 จุด ได้ผลบวกจากหุ้น AOT (+1.06%) , ADVANC (+1.46%) , EA (+5.04%) และ HMPRO (+2.80%) กระทบดัชนีราว 3.1 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.1 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันอีกราว 2.1 พันล้านบาท รวม 6 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 3 วันราว 2.2 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 4.7 พันสัญญา รวม 3 วัน Short สุทธิสะสมกว่า 1.6 หมื่นสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Short สุทธิวันแรกในรอบ 4 วัน ราว 754 สัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิราว 6 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชีบล. มีสถานะ Short สุทธิราว 7.1 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ราว 3.4 พันล้านบาท รวม 6 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 2.2 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5 แท่น เป็น 825 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว
สหรัฐฯรายงาน GDP 1Q61 รอบแรก ขยายตัว 2.3% สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 2% แต่ชะลอตัวจากครั้งก่อนที่ขยายตัว 2.9%
อังกฤษรายงาน GDP 1Q61 ขยายตัว 1.2% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.4% YoY
การประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเกาหลีเหนือ พร้อมสร้างสันติภาพร่วมกับเกาหลีใต้และจะปลดอาวุธนิวเคลียร์จากคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ เตรียมปิดฐานทดสอบนิวเคลียร์ภายในเดือนพ.ค.นี้ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อวันศุกร์
ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้ความเห็นว่า มีความเสี่ยงอาจต้องการปิดหน่วยงานราชการในเดือน ก.ย. เพื่อความปลอดภัยตรงชายแดน ถ้าหากสภา Congress ไม่สามารถระดมทุนมาเพื่อสร้างกำแพงที่เขตชายแดนเม็กซิโก
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ PCE เดือนมี.ค.ของสหรัฐ การรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 30 เม.ย.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อไทย เดือนมี.ค. วันที่ 1 พ.ค. ตลาดคาดขยายตัว 0.9% YoY
ติดตามการรายงาน GDP EU 1Q61 ตลาดคาดขยายตัว 2.6% YoY ในวันที่ 2 พ.ค.
ติดตามการประชุม Fed วันที่ 1-2 พ.ค.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อยุโรป ตลาดคาดขยายตัว 1.3% YoY วันที่ 3 พ.ค.
ติดตามการรายงานภาวะตลาดแรงงานสหรัฐ วันที่ 4 พ.ค.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist ,662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO8148