- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 April 2018 16:54
- Hits: 2216
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“US Bond Yield 10 ปีพุ่งเหนือ 3% กดดัน”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะตลาดและปัจจัย : • ต่างประเทศ – ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่มี.ค.ของสหรัฐเพิ่มเกินคาดที่ 4%MoM และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเม.ย.ปรับขึ้นดีกว่าคาดเป็น 128.7 หนุน US bond yield ปรับขึ้น (อายุ 10 ปีทะลุ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ม.ค.57) ซึ่งความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและมากกว่าคาดนั้นกดดันตลาดหุ้น ดัชนี DJIA เมื่อคืนปิด -424 จุด ส่วนดัชนีค่าเงิน US$ ทรงตัวที่ประมาณ 90.8 ส่วนค่าเงินบาท 31.47 บาท/US$ ด้านราคาน้ำมันก็อ่อนลงกว่า 1% จากการขายทำกำไรระยะสั้น จับตาว่าทรัมป์จะคว่ำบาตรอิหร่านอีกรอบหรือไม่
• ในประเทศ – เมื่อวานนี้ SET แกว่งตัว แม้ว่าหุ้นใหญ่อย่าง PTTEP, PTT, ADVANC, KTB, KTC, CPN และกลุ่มสื่อ (BEC, WORK, MONO, RS ฯลฯ ซึ่งได้อานิสงค์จากการที่คสช.เห็นชอบให้พักชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอล 3 งวดช่วงปี 61-65 แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี และลดค่า MUX ให้ 50% เป็นเวลา 2 ปี) จะบวกขึ้นดี แต่ดัชนีลดลงเล็กน้อย -1.94 จุด ปิดที่ 1788.20 ต่างชาตินำขายสุทธิ 2.7 พันลบ. รายย่อยนำซื้อสุทธิ
• ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงและโอกาสในช่วงนี้ คือ Sell on fact เมื่อราคาปรับขึ้นไปรอก่อนประกาศข่าวดี/ประกาศงบ และการปรับขึ้นเมื่อเห็นว่าข่าวลบสะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว
Update กลุ่มและหุ้น : DIF – แนะนำซื้อเพื่อรับปันผล (ประกาศจ่าย 0.3375 บาท/หน่วย ขึ้น XD 17 พ.ค.61 โดยหุ้นเพิ่มทุนใหม่จะไม่ได้ปันผลรอบนี้) เราประเมินว่าการเพิ่มทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนฯเพิ่มทำให้กองฯจะมีรายได้และกำไรเพิ่ม อายุเฉลี่ยของกองก็ยาวขึ้นเป็น 21 ปี คาด Dividend yield หลังเพิ่มทุน 7.3% (คำนวณจากราคา DIF 14.30 บาท/หน่วย) ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 15.90 บาท
CPN - จะลงทุน 5 พันลบ.เปิดตัวเซ็นทรัล วิลเลจ (Outlet) บนที่ดิน 100 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.14 ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยกว่า 235 ร้านค้า โดยมีลดราคา 35-70% ทุกวัน...เป็นผลดีในระยะยาว โดยคาดว่า Outlet ที่ราคาต่ำกว่าห้างสรรพสินค้าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท ส่วนในระยะสั้นมี Catalyst จากการเริ่มโอนรับรู้รายได้จากคอนโดตั้งแต่ 1Q61 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้กำไร 1Q61 จะเติบโตแข็งแกร่ง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 85 บาท
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1795-1800, 1810 Stop loss ถ้าหลุด 1785 (SET ปิดที่ 1788) สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น TASCO, AP, ADVANC, GLOW, BDMS, BLA, WORK, CENTEL, MONO ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ JWD, THG, WHA, BJC, TISCO, CKP ที่หลุด List คือ ROBINS, GULF, GOLD, UV และที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น CPN, NETBAY, IVL
ปัจจัยต่างประเทศ
• ยูโรโซน : ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการขั้นต้นเดือนเม.ย.ทรงตัวที่ 55.2
# มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 55.2 ในเดือนเม.ย.ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขเดือนมี.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนเม.ย.ลดลงสู่ระดับ 56.0 ต่ำสุดรอบ 14 เดือน จากระดับ 56.6 ในเดือนมี.ค. สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นอยู่ที่ 55.0 ในเดือนเม.ย. ขยับขึ้นจาก 54.9 เมื่อเดือนมี.ค.
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคผลิต-บริการเบื้องต้นเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 54.8
# มาร์กิตเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 54.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากแตะ 54.2 ในเดือนมี.ค.
# สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่ายอดขายบ้านมือสอง +1.1%MoM ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 5.60 ล้านยูนิต จากระดับ 5.54 ล้านยูนิตในเดือนก.พ.
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ปิดลบเล็กน้อย
# ดัชนี DJIA ปิด 24,448.69 จุด ลดลง 14.25 จุด หรือ -0.06% ดัชนี Nasdaq ปิด 7,128.60 จุด ลดลง 17.52 จุด หรือ -0.25% และดัชนี S&P500 ปิด 2,670.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.15 จุด หรือ +0.01%
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นกดดันตลาดหุ้น แต่การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1 ช่วยพยุงเอาไว้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นต่อ
# ความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการสู้รบระหว่างซาอุดิอาระเบียและกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน (ที่อิหร่านหนุนหลัง) ทำให้ราคาน้ำมันดิบยืนอยู่ได้ในระดับสูง ปิดตลาดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ +0.4% ปิดที่ 68.64 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 74.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองร่วงกว่า 1%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 14.30 ดอลลาร์ หรือ 1.07% ปิดที่ 1324.00 ดอลลาร์/ออนซ์ จาก Bond yield สหรัฐพุ่งขึ้นและค่าเงิน US$ แข็ง
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
- สหรัฐ : Bond yield พุ่งขึ้นต่อ
# อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งทะลุระดับ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.57 สะท้อนกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่ง
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านใหม่ & ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด
# ยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค. โดย +4.0%MoM สู่ระดับ 694,000 ยูนิต
# ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 128.70 ในเดือนเม.ย.จากระดับ 127 ในเดือนมี.ค. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะร่วงลงสู่ระดับ 126
- เยอรมนี : ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจร่วงลงเป็นเดือนที่ 5 ในเม.ย.
# Ifo เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 102.1 ในเดือนเม.ย. หลังจากอยู่ที่ระดับ 103.3 ในเดือนมี.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 102.8 จากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
-/• ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วง 424.56 จุด ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปบวก/ลบไม่มาก
# ดัชนี DJIA ปิด 24,024.13 จุด -424.56 จุด หรือ -1.74% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,634.56 จุด -35.73 จุด หรือ -1.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,007.35 จุด -121.25 จุด หรือ -1.70% เพราะกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาคเอกชนจะมีต้นทุนในการกู้ยืมสูงขึ้น แม้ว่าผลประกอบการหลายบริษัทขนาดใหญ่จะออกมาดีเกินคาดก็ตาม
# ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิด -0.02% ที่ 383.11 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิด 12,550.82 จุด -21.57 จุด หรือ -0.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิด 5,444.16 จุด +5.61 จุด หรือ +0.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 7,425.40 จุด +26.53 จุด หรือ +0.36%
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลงกว่า 1%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 73.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.61 ในการตัดสินใจว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่ ซึ่งหากปธน.ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ด้วยการสั่งห้ามการส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลง และราคาน้ำมันดิบจะปรับขึ้น
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองปิดบวก 0.7%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 9 ดอลลาร์ หรือ +0.7% ปิดที่ 1,333 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะค่าเงินดอลลาร์แข็งจากความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
+ กลุ่มทีวีดิจิตอล : คสช.เห็นชอบให้พักชำระค่าใบอนุญาต 3 งวด และลดค่า MUX 50% เป็นเวลา 2 ปี
# คสช.ไฟเขียวให้อุ้มทีวีดิจิทัล โดยให้พักจ่ายการจ่ายค่าใบอนุญาต 3 งวดของปี 61-65 โดยต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตรา 1.5% ต่อปีในระหว่างการพักชำระ และลดค่า MUX 50% เป็นเวลา 2 ปี รวมทั้งให้โอนใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิตอลได้ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่สนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจแทน ซึ่งคสช.จะออกคำสั่งตามมาตรการดังกล่าวภายในเดือน พ.ค.นี้
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เป็นบวกกับผู้ประกอบการและหุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอล (WORK, RS, MONO, BEC, MCOT, AMARIN) ที่จะมีความยืดหยุ่นในการจัดสรรเงินได้มากขึ้น และลดแรงกดดันเรื่องสภาพคล่องทางการเงินให้กับบางบริษัทด้วย ทั้งนี้อาจมีบางบริษัทที่ไม่พักชำระค่าใบอนุญาต โดยจะจ่ายตามกำหนด 23 พ.ค.61 เช่น WORK, MONO เนื่องจากมีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอ และบางบริษัทกำลังพิจารณาว่าจะพักชำระฯ หรือไม่
ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV แนะนำซื้อ WORK (ราคาพื้นฐานอยู่ระหว่างปรับปรุง ส่วนราคาเป้าหมายใน Consensus อยู่ที่ 79.75 บาท) ทั้งนี้คาดการณ์ว่ากำไรปี 61 จะขยายตัวได้ดี จาก 1. Rating ที่ดี และการปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาเมื่อปีก่อนส่งผลดีตลอดปีนี้ ขณะที่ปี 61 ก็มีขยับราคาขึ้นได้ต่อเนื่องด้วย และ 2. ฐานกำไรปี 60 ต่ำในช่วงที่มีพิธีพระราชทานเพลิงพระศพร.9 ซึ่งหยุดโฆษณาไป 1 เดือน
• กลุ่มสื่อสาร : คสช.เห็นชอบให้ระงับสรรหาบอร์ดใหม่กสทช. และให้บอร์ดชุดปัจจุบันทำหน้าที่ตามความจำเป็น
# ที่ประชุมคสช.เมื่อวานนี้เห็นชอบการออกคำสั่ง ม.44 ให้ยกเลิกกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการกสทช. ชุดใหม่ และให้ระงับการสรรหาไว้จนกว่าหัวหน้าคสช.จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น และให้คณะกรรมการกสทช.ชุดปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่งและปฎิบัติหน้าที่ตามความจำเป็นไปพลางก่อน โดยระหว่างนี้หากมีกรรมการคนใดต้องพ้นจากตำแหน่ง ก็ให้กรรมการที่เหลือปฎิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
• DTAC (ราคาปิด 49.50 บาท) : กสทช.คาดบริษัทจะเข้าประมูลคลื่น 1800 MHz อย่างแน่นอน
# ทางด้านเลขาธิการกสทช. ประเมินว่าแม้ DTAC จะเช่าโครงข่ายและอุปกรณ์คลื่น 2300 MHz จาก TOT จำนวน 60 MHz แล้ว ก็น่าจะสนใจร่วมประมูลคลื่น 1800 MHz อยู่ เพราะคลื่น 2300 MHz นั้นใช้ได้ถึงปี 2568 เท่านั้น รวมทั้งมีข้อจำกัดใช้งานว่าใช้ได้เฉพาะที่เป็น Data ไม่สามารถใช้ด้าน Voice และคลื่นบางช่วงยังมีปัญหาอยู่ ทำให้ในทางเทคนิคแล้ว DTAC จะใช้งานเพียงแค่ 50% คือ 30 MHz เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอ ทำให้ต้นทุนค่าเช่าแท้จริงจะสูงกว่าการประมูลคลื่น 1800 MHz อย่างมีนัยสำคัญ (ค่าเช่าคลื่น 2300 MHz ที่ DTAC จ่ายให้ TOT อยู่ที่ 4,510 ล้านบาท/ปี และถ้าประมูลคลื่น 1800 MHz อยู่ที่ 3.8-4.0 หมื่นล้านบาท อายุ 15 ปีจะมีค่าเช่าเท่ากับ 2,530-2,660 ล้านบาท/ปี ซึ่งต่ำกว่ามาก)
+ CPN (ราคาปิด 81.50 บาท) : จะทุ่มงบ 5 พันล้านบาทเปิดศูนย์การค้าแนว Outlet
# CPN จะลงทุน 5 พันล้านบาท เปิดตัวศูนย์การค้าโมเดลใหม่ คือ เซ็นทรัล วิลเลจ (Outlet) บนที่ดิน 100 ไร่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.14 ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อจำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับโลกและแบรนด์ไทยกว่า 235 ร้านค้า โดยมีลดราคา 35-70% ทุกวันเมื่อเทียบกับราคาที่ขายในห้างสรรพสินค้า
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เป็นผลดีในระยะยาว โดยคาดว่า Outlet ที่ราคาต่ำกว่าห้างสรรพสินค้าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท ส่วนในระยะสั้นมี Catalyst จากการเริ่มโอนรับรู้รายได้จากคอนโดตั้งแต่ 1Q61 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้กำไร 1Q61 จะเติบโตแข็งแกร่ง เราแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 85 บาท
• TISCO (ราคาปิด 92.75 บาท) : คาดกำไรโตต่อ คุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว สำรองสะสมสูงสุดในกลุ่มแบงค์
# ใน 2Q61 ธนาคารจะเริ่มบันทึกรายได้จากการขายสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท (2% ของสินเชื่อรวม) ให้กับซิตี้แบงก์ ซึ่งตามแผนจะขายและโอนสินเชื่อบุคคลภายใน 2Q61 ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตจะโอนภายใน 4Q61 สำหรับรายได้จากการขาย TISCO กำลังพิจารณาว่าจะบันทึกเป็นรายได้หรือนำไปตั้งสำรองฯ ผู้บริหารย้ำว่าดีลนี้ไม่ขาดทุน
# สถานการณ์ของ SSI ดีขึ้นจากราคาเหล็กที่ฟื้นตัว ตามแผนปรับโครงสร้างหนี้จะได้เงินคืน 1.5 พันล้านบาท (จากมูลหนี้กับธนาคารราว 4.8 พันล้านบาท)
# แนวโน้มธุรกิจ คาดสินเชื่อปีนี้โต 0-5% โดยสินเชื่อ 2Q61 มีทิศทางที่ดีขึ้นจากยอดขายรถยนต์ที่ฟื้นตัว และความต้องการใช้สินเชื่อของ Corporate เพิ่มขึ้น แต่สินเชื่อ SME ยังชะลอตัว ด้าน NPL ratio คาดจะลดลงเล็กน้อย (สิ้น 1Q61 อยู่ที่ 2.32%) ธนาคารมี Coverage ratio สูงสุดในกลุ่มแบงค์ที่ 200% ในสิ้น 1Q61 ธนาคารได้รับผลกระทบจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมโอนผ่านระบบดิจิตอลน้อยมากๆ ส่วนเรื่องการควบรวมกับธนาคารอื่น ผู้บริหารกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีแผน แต่ก็ไม่ปิดโอกาสหากมีเงื่อนไขที่น่าสนใจเข้ามาในอนาคต
# เชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัว โดยฝ่ายวิจัยฯ DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 97 บาท คาดการณ์ Dividend yield ปี 61 ไว้ที่ 5.4%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO7976