- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 April 2018 16:50
- Hits: 1861
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เอราวัญ-บงกช-กสทช. พยุงตลาด”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
ดัชนีฯ ยังผันผวนและอ่อนตัวลง จาก Bond yield พุ่งกดดัน แม้จะมีแรงหนุนจากข่าวบวกของหุ้นน้ำมัน-สื่อ-โทรศัพท์ ... เรามองว่า ตลาดหุ้นโดยรวม ถูกกดดันจาก การคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่หนุน Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯทะลุ 3.0% ไปเมื่อวานนี้ มีผลบวกต่อดอลล่าร์ แต่จะลบต่อ Flow ที่กระจายในภูมิภาคต่างๆ .... อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยได้ข่าวหนุน ในเรื่องราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง การประมูลคลื่นโทรศัพท์ ความช่วยเหลือต่อทีวีดิจิตอล (ผลรวมกระทบดัชนีฯ ประมาณ +5 จุด) ซึ่งคาดว่าจะหนุนต่อในวันนี้ ช่วยพยุงตลาดไม่ให้อ่อนลงไปมาก .. ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้ จะเป็น งบ SCC (bloomberg survey 1.3 หมื่นลบ. -23% YoY) ตัวเลขยอดขายรถในประเทศ การประชุม กสทช. เรื่องประมูลคลื่นฯ หากมีการ split ใบอนุญาตจะเป็นบวกต่อ TRUE-ADVANC-DTAC มากขึ้น และความคืบหน้าเรื่องข่าวที่รัฐต้องการให้ควบรวม TMB+KTB
กลยุทธ์การลงทุน:
ตลาดยังไม่สดใสนัก จาก bond yield สูงขึ้น กลยุทธ์ลงทุน เน้นหุ้นมีข่าวเฉพาะตัวและมีความปลอดภัย หุ้นขนาดใหญ่ จะเป็น AOT, BDMS , ADVANC* , PTTEP ขณะที่หุ้นได้ผลบวกจาก Bond Yield สูงขึ้น คือ BLA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: VNT , AU , SYNEX
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) ADVANC : (ราคาปิด 208 บาท)
เรา switch จาก DTAC มาเป็น ADVANC ในวันนี้ หลังไม่แน่ใจว่า DTAC จะเข้าประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหม่ (คาดประมูล 4
ส.ค.) ..... และ ADVANC เอง ก็เป็นผู้ประกอบการที่เป็นรายใหญ่ ที่แข็งแรงอยู่แล้ว .... นอกจากนี้ การที่มีการใช้ ม.44 ให้ กสทช.ชุดปัจจุบัน ดำเนินการต่อ จะทำให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทำได้ต่อเนื่อง หรืออาจมีการ split ใบอนุญาต จากเดิม 3 เป็น 9 ใบ (ถ้าเป็นแบบนี้ จะบวกต่อผู้ประกอบการมากขึ้น)
(+) BDMS: (ราคาปิด 23.80 บาท)
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ของ BDMS โดยผู้บริหารมองว่ารายได้ในปี 2018 จะสามารถเติบโตได้ในระดับ 2 เท่าของ GDP ปัจจุบัน ซึ่งเรามองว่ามีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากจำนวนเคสคนไข้โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยช่วง 1Q18 เพิ่มขึ้นถึง 27% YoY ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยงตะวันออกกลางและจีนยังคงเติบโตดีอยู่ ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลดีต่อจำนวนคนไข้ของ BDMS โดยเราคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 8,845 ล้านบาท เติบโต 10% YoY กลับมาพลิกฟื้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้.... ราคาเหมาะสมโดย BDMS ที่ 25.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) MEDIA รัฐบาลเตรียมใช้ ม.44 ส่งผลบวกต่อกลุ่มทีวีดิจิทัล
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) วานนี้มีข้อสรุปเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 3 ประการ โดยคาดว่าคสช. จะออกคำสั่งตามมาตรการ ภายใน พ.ค. นี้ 1) ยืดชำระค่าใบอนุญาต3 ปี โดยจ่ายดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี, 2) ลดค่ามักซ์ 50% เป็นเวลา 2 ปี และ 3) โอนใบอนุญาตทีวีดิจิทัลฯได้
ความเห็น: สำหรับข่าวข้างต้นจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลรายใหญ่ โดยได้รับประโยชน์จากการลดค่า MUX คือ BEC (ถือ/ 13.50 บาท), RS (ซื้อ / 35 บาท), WORK และ MONO เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์ผู้บริหารของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลรายใหญ่ๆ อย่าง WORK และMONO ผู้ประกอบการรายข้างต้นยังคงที่จะชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด คือ 23 พ.ค. 2018 สำหรับ BEC และ RS ผู้บริหารเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างพิจารณาว่าอาจจะขอพักชำระค่าใบอนุญาต เรามองว่าราคาหุ้นที่ได้ปรับตัวลงมา เป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม” หุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัล โดย Top pick คือ หุ้น RS เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 35 บาท โดยเรามองว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตเด่นที่+148% YoY อยู่ที่ 827 ล้านบาท สำหรับ BEC เรามองว่าเป็นหุ้น BEC จะได้รับผลบวกมากที่สุดจากการลดค่า MUX และการเปลี่ยนมือใบอนุญาตฯ เราแนะนำ “ซื้อเก็งกำไรระยะสั้น” จากข่าวข้างต้น ราคาเป้าหมาย 13.50บาท ทั้งนี้เรายังไม่ได้รวมผลประโยชน์จากการลดค่า MUXและการโอนใบอนุญาตฯ ในการประเมินราคาหุ้น RS และ BEC
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) CPN (ซื้อ/92.00 บาท) เตรียมเปิดเซ็นทรัล วิลเลจแถวสุวรรณภูมิในรูปแบบลักชัวรี่เอาท์เลต ใน 3Q19
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเปิดศูนย์ใหม่ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ในรูปแบบลักชูรี่เอาท์เล็ตด้วยร้านค้ากว่า 235 ร้านค้า ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและแบรนด์ไทย โดยอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที บนพื้นที่ 100 ไร่ โดยมี Gross Leasable Area (GLA) ราว 4 หมื่นตารางเมตร โดยเรามองว่า รูปแบบการเปิดศูนย์นี้คล้ายการเปิด outlet ในต่างประเทศที่มีการนำแบรนด์ชั้นนำหลายๆแบรนด์มารวมกันและให้ส่วนลดที่ดึงดูดลูกค้า ซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยเราคาดว่า ศูนย์นี้จะสามารถดึงลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เพิ่มเติม ซึ่งเราได้รวมในประมาณการของเราไปเรียบร้อยแล้ว เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 92 บาท อิง DCF (WACC 7.5%, Terminal Growth 3.5%) เนื่องจากเรามองเห็นการเติบโตของกำไรปกติที่ต่อเนื่องในปีนี้ราว 22% YoY
(+) CPN (ซื้อ/92.00 บาท) เตรียมเปิดเซ็นทรัล วิลเลจแถวสุวรรณภูมิในรูปแบบลักชัวรี่เอาท์เลต ใน 3Q19
เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการเปิดศูนย์ใหม่ "เซ็นทรัล วิลเลจ" ในรูปแบบลักชูรี่เอาท์เล็ตด้วยร้านค้ากว่า 235 ร้านค้า ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและแบรนด์ไทย โดยอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที บนพื้นที่ 100 ไร่ โดยมี Gross Leasable Area (GLA) ราว 4 หมื่นตารางเมตร โดยเรามองว่า รูปแบบการเปิดศูนย์นี้คล้ายการเปิด outlet ในต่างประเทศที่มีการนำแบรนด์ชั้นนำหลายๆแบรนด์มารวมกันและให้ส่วนลดที่ดึงดูดลูกค้า ซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยเราคาดว่า ศูนย์นี้จะสามารถดึงลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เพิ่มเติม ซึ่งเราได้รวมในประมาณการของเราไปเรียบร้อยแล้ว เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 92 บาท อิง DCF (WACC 7.5%, Terminal Growth 3.5%) เนื่องจากเรามองเห็นการเติบโตของกำไรปกติที่ต่อเนื่องในปีนี้ราว 22% YoY
(+) SC (ซื้อ/5.00 บาท) คาดกำไรสุทธิ 1Q18 เติบโตสูง YoY ทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่
เราประเมินกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215% YoY แต่ลดลง 57% QoQ โดยรวมอาจยังไม่โดดเด่นนัก เพราะยังไม่มีคอนโดใหม่เริ่มโอน ขณะที่โครงการแนวราบยังทำได้ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 1Q18 จะคิดเป็นสัดส่วนราว 11% จากกำไรสุทธิทั้งปี 2018 ที่เราคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.07 พันล้านบาท เติบโต 64% YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิงวดที่เหลือในปีนี้จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแผนที่จะมีคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน 2 โครงการ ได้แก่ Saladaeng One มูลค่าโครงการ 4.7 พันล้านบาท จะเริ่มโอน 2Q18 และ BEATNIQ มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาท จะเริ่มโอน 3Q18 รวมถึงคาดว่าโครงการแนวราบจะยังคงรับรู้รายได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท
เราประเมินกำไรสุทธิ 1Q18 ที่ 237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215% YoY แต่ลดลง 57% QoQ โดยรวมอาจยังไม่โดดเด่นนัก เพราะยังไม่มีคอนโดใหม่เริ่มโอน ขณะที่โครงการแนวราบยังทำได้ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 1Q18 จะคิดเป็นสัดส่วนราว 11% จากกำไรสุทธิทั้งปี 2018 ที่เราคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.07 พันล้านบาท เติบโต 64% YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิงวดที่เหลือในปีนี้จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแผนที่จะมีคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน 2 โครงการ ได้แก่ Saladaeng One มูลค่าโครงการ 4.7 พันล้านบาท จะเริ่มโอน 2Q18 และ BEATNIQ มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาท จะเริ่มโอน 3Q18 รวมถึงคาดว่าโครงการแนวราบจะยังคงรับรู้รายได้แข็งแกร่งต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท