WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Test 1590?
       ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งแคบ ปิดที่ 1,584.32 จุด ฟื้นตัวเล็กน้อย 4.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 44,326 ล้านบาท
      เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 มากถึง 1,568 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 อีก 1,117 ล้านบาท แม้จะคงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,333 สัญญา คาดว่าเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้
      MBKET คาด SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบแนว 1,590 จุด ผลักดันโดยเงินทุนต่างชาติ หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้โอกาสที่เฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางปีหน้า อาจต้องประวิงเวลา อีกทั้ง ECB ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.05% เป็นระดับต่ำสุดของ ECB ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของสหรัฐฯ
      ขณะที่ปัจจัยในประเทศ MBKET เชื่อว่าการประชุมครม.นัดแรกในวันพรุ่งนี้ อาจมีนโยบาย / แผนงานที่รอการพิจารณาออกมา ไม่ว่าจะเป็นแผนการลงทุนคมนาคม แผนปฎิรูปพลังงาน หรือกฎหมายอัยการศึก ที่อาจพิจารณายกเลิกเป็นบางพื้นที่ ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร / กลุ่มวัสดุก่อสร้าง / กลุ่มท่องเที่ยว ตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้

        ทั้งปัจจัยในและต่างประเทศ ณ ปัจจุบัน MBKET เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติเลือกที่จะทำ Euro Carry Trade เพื่อนำเงินเข้าลงทุนในเอเชียที่ประโยชน์จากค่าเงินที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็น SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบ 1,590-1,600 จุดในสัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางที่มีประเด็นการลงทุนเด่นเฉพาะตัว เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,600 จุดหรือสูงกว่า
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “เก็งกำไร” AH/ SVI

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV /AP/ IFEC
HOLD: SPALI/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS/ SIM/ MACO/ CK
Speculative buy: AH/ SVI

Action and Stock of the Day
SET INDEX กลับมายืนเหนือ 1,580 จุดอีกครั้ง

SET INDEX วันนี้ คาดขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,590 จุด +/- ผลักดันโดยเงินทุนต่างชาติ
       ดังนั้นกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัว ที่ Valuation ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เป็นทางเลือกของการลงทุนรอบสั้น
     ตลาดหุ้นเอเชียวันศุกร์ปิดย่อตัวเล็กน้อยเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นตลาดหุ้นจีน และ ฟิลิปปินส์ปิดบวกเด่น หลัง ECB ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย
       สำหรับ ตลาดหุ้นไทย SET INDEX ขยับขึ้นทดสอบ 1,585 จุด ก่อนที่จะเกิดแรงขายทำกำไรเข้ามา เพราะเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการปิดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม หุ้นที่มีประเด็นเชิงบวกเฉพาะตัวกลับขยับขึ้นเด่น เช่น TPIPL, JAS, TTA, SEAOIL เป็นต้น ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX เท่ากับ 1,584.32 จุด บวก 4.59 จุด มูลค่าการซื้อขายเพียง 44,326 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกมากที่สุดในวานนี้ได้แก่ กลุ่ม Fashion +2.40%, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +2.12% และกลุ่มยานยนต์ +1.66% ขณะที่กลุ่มหลัก กลุ่มธนาคาร +0.89% กลุ่มพลังงาน +0.00% และ กลุ่ม ICT +0.19%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
      ตลาดหุ้นเอเชีย (7.46 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าตัวเลข GDP ใน 2Q57 ออกมาแย่กว่าคาดก็ตาม
      MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนที่ “บวก” วันที่ 2 พร้อมประเมินว่า SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบด่านสำคัญ 1,590-1,600 จุดภายในสัปดาห์นี้ หลังเกิดปัจจัยบวกทั้งในและต่างประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดหวังเห็นเม็ดเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
•ECB ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินลงสู่ระดับต่ำสุดของ ECB ที่ 0.05% ทำให้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินต่างๆ เป็นบวกต่อประเทศในเอเชีย ดังนี้
oการส่งออกในเอเชีย ได้ประโยชน์จากค่าเงินที่อ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชีย จับตาจีน
oการทำ Euro Carry Trade ที่เงินทุนเลือกที่จะเข้าลงทุนในเอเชีย แนวโน้มเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดและส่งสัญญาณขยายตัว
•เฟดอาจต้องประวิงเวลาการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ณ ปัจจุบัน 0.25% ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายกลางปี 2558 ซึ่งสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน เริ่มเปลี่ยน จนอาจทำให้เฟดต้องซื้อเวลา เนื่องจาก
oตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดเดือนส.ค.
oค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของสหรัฐฯ
oส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่าง Fed และ ECB กว้างขึ้นเป็น 0.20% จากก่อนหน้า 0.10%
บวกกับประเด็นการเมืองภายในประเทศที่เดินหน้าเข้าสู่ระยะที่ 2 ชัดเจน ขณะที่ SET INDEX ปรับฐานย่อยวานนี้ ทำให้คาดว่า SET INDEX ระลอกสั้นนี้จะดีดตัวกลับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และอาจทะลุแนวดังกล่าวสู่ 1,620 จุดได้ หากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าว
ดังนั้น MBKET แนะนำให้ นักลงทุน คงเข้าเก็งกำไรต่อหุ้นในกลุ่มหลักที่ได้ประโยชน์จากพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ เป็นสำคัญ ทั้งนี้นักลงทุน ควรกำหนดแนว Stop Loss เพื่อปิดความเสี่ยงของการลงทุนเสมอ เพราะความผันผวนของ SET INDEX อยู่ในระดับสูงขึ้น เมื่อเข้าสู่แนวต้านใหญ่ 1,600 จุด
สำหรับพัฒนาการทางการเมืองภายในประเทศ ในระยะที่ 2 ของคสช. จากนี้ไป ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่
oร่างงบประมาณปี 2558 ได้ผ่านวาระที่ 1 วานนี้ ขั้นตอนถัดไปตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณา และนำเสนอต่อสนช. เพื่อพิจารณาวาระที่ 2-3 ตามลำดับ วันที่ 17-18 ก.ย. คาดว่าจะสามารถนำงบประมาณปี 2558 ใช้ได้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
oการยกเลิกกฎอัยการศึก ตลาดคาด นายกฯ จะพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึก เป็นบางพื้นที่ในช่วงแรก เช่นเดียวกับการยกเลิกเคอร์ฟิวในช่วงก่อนหน้านี้ พื้นที่การท่องเที่ยวน่าจะเป็นเป้าหมายแรกของการพิจารณายกเลิก
oแผน Roadmap ที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ
แผนการลงทุน 2.4 ล้านล้านบาทคาดว่าจะเสนอต่อรมว. คมนาคมในวันที่ 4 ก.ย.
แผนปฎิรูปพลังงาน
แผนกระตุ้นการท่องเที่ยว

 

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ติดตามการประชุม ครม.นัดแรกวันพรุ่งนี้ อาจเห็นการพิจารณาในรายละเอียดต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
•แผนการลงทุนด้านคมนาคม ในงบประมาณปี 2558 และแผนการลงทุน 8 ปี ของกระทรวงคมนาคม
•มาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว
i.การพิจารณายกเลิกกฎอัยการศึกบางพื้นที่
ii.ข้อเสนอการลดหย่อนภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในปี 2557 มาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
iii.การจัดตั้งกองทุนประกันภัยการท่องเที่ยว วงเงิน 200 ล้านบาท เพราะประเทศที่ใช้กฎอัยการศึก บริษัทประกันภัยจะไม่รับประกันการท่องเที่ยว หากมีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว จะเป็นบวกต่อภาคการท่องเที่ยว
MBKET มีความเห็นเป็นบวกต่อพัฒนาการดังกล่าว และจะส่งผลบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง / กลุ่มธนาคาร ในประเด็นแรก ส่วนประเด็นที่ 2 นั้น กลุ่มโรงแรมจะได้รับประโยชน์ทางตรง ขณะที่กลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ จะได้ประโยชน์ทางอ้อม หุ้น Top Pick ได้แก่ CK / KTB / ERW / AAV
2.ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด: วันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ส่งสัญญาณเฟดอาจต้องประวิงเวลาการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
•การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เพิ่มขึ้นเพียง 1.42 แสนตำแหน่งเท่านั้น ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.30 แสนตำแหน่ง
•การจ้างงานภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 1.34 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 2.14 แสนตำแหน่ง
3.เช้านี้ติดตามตัวเลขการส่งออกของจีน
•การส่งออกเดือนส.ค. : Bloomberg consensus คาด 9.0% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 14.5% yoy
•การนำเข้าเดือนส.ค.: Bloomberg consensus คาด 3.0% yoy จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 1.6% yoy
4.สัปดาห์นี้มีตลาดหุ้นในเอเชียหลายแห่งปิดทำการ
•วันที่ 8 ก.ย.: ตลาดหุ้น Kospi / TAIEX / จีน
•วันที่ 9 ก.ย.: ตลาดหุ้น Kospi / HSKI
•วันที่ 10 ก.ย.: ตลาดหุ้น Kospi

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 16.09 13.82 16.03 13.79
PSE 20.54 17.75 20.35 17.58
JSE 16.90 14.41 16.85 14.37
KOSPI 10.44 9.02 10.48 9.12
TAIEX 15.05 14.05 15.04 14.09
Straits Time 14.75 13.59 14.76 13.60
SHCOMP 9.23 8.17 9.15 8.09
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
1.AH : ราคาปิด 16.90 บาท ราคาเหมาะสม 17.00 บาท
a)MBKET คาดว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์กำลังจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้วใน 2Q-3Q2557 และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการตั้งแต่ 4Q57 เป็นต้นไป
b)เนื่องจากยอดผลิตรถยนต์จะฟื้นตัวจาก 2.2 ล้านคันในปี 2557 เป็น 2.4 – 2.5 ล้านคันในปี 2558 และเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านคันในปี 2560
c)และคงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยที่เชื่อว่าจะเป็นฐานการผลิตสำคัญเพื่อส่งออกของค่ายรถยนต์ต่างๆ
d)คาดกำไรสุทธิปี 2558 กลับมาเติบโตสูง +22.5% yoy เป็น 548 ล้านบาท
e)และราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้างถูก เนื่องจากซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 9.9 เท่า ต่ำกว่า SET INDEX ที่ 13.8 เท่า รวมทั้งยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี 2557F ที่ 17.35 บาท เทียบกับกลุ่มยานยนต์ที่ซื้อขายเฉลี่ย 1.6 เท่าของมูลค่าทางบัญชี
2.SVI : ราคาปิด 4.80 บาท ราคาเหมาะสม 5.60 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์จะได้อานิสงค์บวกจากการแข็งค่าของค่าเงิน US Dollar และส่งผลให้ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง เนื่องจากสัดส่วนรายได้กว่า 95% อยู่ในรูปสกุลเงิน USD
b)และ SVI จะมา Roadshow กับเราในวันพฤหัสนี้ (11 ก.ย.) เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่อทิศทางผลประกอบการและการเติบโตของบริษัท ดังนั้น เราคาดว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นจะตอบรับเชิงบวก
c)คาดผลประกอบการ 3Q57 จะเติบโตสูงทั้ง yoy และ qoq และมีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ได้ จากผลบวกตามฤดูกาล และรับรู้คำสั่งซื้อใหม่จากลูกค้ายุโรป
d)ผลักดันให้กำไรปกติปี 2557 เติบโต +66.5% yoy เป็น 814 ล้านบาท ขยายตัวสูงที่สุดในกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์ และยังมี Valuation ที่ไม่แพง โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 10.9 เท่า ต่ำกว่า DELTA ที่ 14.0 เท่า และ KCE ที่ 11.5 เท่า
e)รวมทั้งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราวปีละ 5%

What will DJIA move tonight? คืนนี้ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติวานนี้ซื้อสุทธิ US$256 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$42 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 72.9 8.8 13,584.1 9,188.0
KOSPI 105.7 n.a 9,074.6 4,875.1
JSE 25.8 13.2 4,913.5 -1,806.4
PSE 2.3 -11.3 1,295.3 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -7.4 7.3 264.2 263.2
SET INDEX 49.0 31.6 -531.9 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +1,568 +1,011
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,333 -2,869
SSF (สัญญา) +358 +1,037
Metal Futures (สัญญา) +144 +10
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +1,117 +157

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 อีก 1,568 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 6,825 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิลดลงเหลือ 18,897 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,333 สัญญา รวม 2 วันทำการ Short สุทธิ 4,202 สัญญา เทียบกับ 2 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 7,131 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็นวันที่ 2 เท่ากับ 3.37 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 1.97 จุด
Metal Futures การลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้ขาดความโดดเด่น แม้คงการ Long สุทธิวันที่ 2 อีก 144 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิเพียง 154 สัญญา เทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ Short สุทธิ 1,962 สัญญา สะท้อนภาพทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกขาดความชัดเจน
และ ตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนกลุ่มนี้คงการซื้อสุทธิเป็นวันที่ 3 อีกเล็กน้อย 1,117 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 2,416 ล้านบาท

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเหลือ 311 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 559 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 170.43 11.45% 233.69
BBL 72.92 5.88% 212.72
TRUE 55.20 4.29% 11.04
BGH 30.97 7.64% 19.55
IVL 30.30 2.97% 28.47

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 คงเน้นกลุ่มธนาคาร และสะสมกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิอีก 1,610 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,860 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 11,772 ล้านบาท เป็นที่น่าสนใจว่ากลุ่มพลังงานยังเป็นเป้าหมายของการลงทุนผ่าน NVDR อย่างต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนได้ดังนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 5 อีก 741 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 970 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานซื้อสุทธิ 404 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 200 ล้านบาท กลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 293 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 139 ล้านบาท และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซื้อสุทธิ 152 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มอสังหาฯ ถูกขายสุทธิสูงสุด 107 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ขายสุทธิ 58 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 271.21 43.26 DTAC -61.06 14.55
PTTEP 217.86 27.49 TUF -59.75 15.53
BBL 213.84 32.72 LPN -58.17 20.04
KTB 195.12 19.91 SCB -48.37 9.36
SCC 149.01 18.36 BLA -36.95 19.17

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!