- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 April 2018 19:52
- Hits: 2752
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“Follow Buy ค่าบวก”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ภาวะและปัจจัยในตลาด : เมื่อวานนี้ SET หลุดแนวฟิวเตอร์ที่ 1760 ไปแล้ว โดยปิดที่ 1755.53 (-11.64 จุด) โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่อย่าง CPALL, PTT, SCC, SCB, EGCO, EA ฯลฯ ต่างชาตินำขายสุทธิ 3.8 พันล้านบาท สถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ
# ปัจจัยบวก : 1. กำไรของ TISCO งวด 1Q61 โต 18%YoY เป็นตามคาด หุ้นจะขึ้น XD (5 บาท/หุ้น) 27 เม.ย.นี้, 2. โฟกัสและเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q61 ทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐและไทย, 3. ค่า VIX ถอยลงมาที่ 15.25% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 20%, 4. เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตดีต่อเนื่อง, 5. ทางการจีนประกาศลดการกันสำรองธ.พ.ลง 1% เพื่อกระตุ้นธุรกิจรายย่อย มีผล 25 เม.ย.นี้, 5. ราคาน้ำมันขยับขึ้นเป็นบวกกับกลุ่มพลังงานและเป็นปัจจัยจิตวิทยาทางบวกกับกลุ่มปิโตรเคมี
# ปัจจัยลบ/เสี่ยง : ความกังวลสงครามการค้ากลับมา หลังจีนตอบโต้การทุ่มตลาดผลิตภัณฑ์ข้าวฟ่างสหรัฐในตลาดจีน โดยเรียกเก็บเงินประกันอัตรา 178.6% มีผลตั้งแต่ 18 เม.ย.61 ทั้งนี้สหรัฐส่งออกข้าวฟ่างมาจีนเพิ่มจาก 0.317 ล้านตันในปี 56 เป็น 4.76 ล้านตันในปี 60 และเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง
# ปัจจัยจับตา : 1. ปัญหาความไม่สงบในซีเรีย ซึ่งต้องตามดูว่าสหรัฐจะคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่จากประเด็นการใช้อาวุธเคมีในซีเรียหรือไม่, 2. มาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐ, 3. ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ, 4. ผลประชุมกบง.เรื่องการปรับลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น 20 เม.ย., 5. กฎเกณฑ์ใหม่ที่จะออกมาบังคับใช้กับ Non-bank ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำให้สเปรดดอกเบี้ยของกลุ่มสินเชื่อจำนำ ลิสซิ่ง และแฟคตอริ่ง ลดลง (กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นถึง 30 เม.ย.ก่อนประกาศกฎเกณฑ์ตามมา)
มุมมองด้านกลยุทธ์ : เลือกซื้อเก็งกำไร/สะสมเพื่อลงทุน ในระยะสั้นกลุ่มเด่นเป็นพลังงาน&ปิโตรเคมี โดยยังคงแนะนำซื้อ PTT, PTTGC และ IVL ส่วนกลุ่มค้าปลีกเน้นสะสมจังหวะอ่อนตัว และซื้อเก็งกำไรกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ เชิงกลยุทธ์หุ้นเด่นเป็น KCE, DELTA
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพเป็นลบเล็กๆ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่ 1760-1770 (1780-1790) สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น TMB, PTTEP, THANI, PTL, BEAUTY, CHOW ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ SPALI, SF, BANPU, CHG, GPSC, PTTGC ที่หลุด List คือ BH, DELTA, HMPRO, VGI, AAV, TOP, PTG และที่ให้หาจังหวะ Take profit เป็น TISCO, KCE, AMATA
ปัจจัยต่างประเทศ
- จีน vs สหรัฐ : จีนประกาศใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดต่อผลิตภัณฑ์ข้าวฟ่างจากสหรัฐ
# เมื่อ 17 เม.ย.61 กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดกับผลิตภัณฑ์ข้าวฟ่างที่นำเข้าจากสหรัฐ นับตั้งแต่ 18 เม.ย.61 เป็นต้นไป โดยผู้นำเข้าข้าวฟ่างจากสหรัฐจะต้องชำระเงินประกันไว้กับศุลกากรของจีนที่อัตรา 178.6%
# กระทรวงพาณิชย์ระบุว่าปริมาณการส่งออกข้าวฟ่างของสหรัฐมายังจีนพุ่งขึ้นจาก 317,000 ตันในปี 2556 เป็น 4.76 ล้านตันในปี 2560 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายในการส่งออกลดลง 31% ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ผลิตในจีนร่วงลงส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ
+ จีน : แบงก์ชาติจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองธนาคารพาณิชย์ หวังกระตุ้นธุรกิจรายย่อย
# ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในวันนี้ โดยปรับลดลง 1.00% จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ระดับ 15% หรือ 17% การปรับลดดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 เม.ย.
# ธนาคารกลางระบุว่าการปรับลด RRR ดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นธุรกิจรายย่อย, รักษาเสถียรภาพทางการเงิน และเพิ่มสภาพคล่องในระบบ
• อังกฤษ : ตัวเลขค่าจ้างธ.ค.-ก.พ.ต่ำกว่าคาด
# สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่าตัวเลขค่าจ้างสำหรับเดือนธ.ค.-ก.พ. +2.8%YoY ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย.-ม.ค. และอยู่ต่ำกว่าระดับ 3.0% ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
# ด้านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +2.9%YoY สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าจ้าง แต่ตัวเลขค่าจ้างที่ไม่นับรวมโบนัส +2.8%YoY สำหรับเดือนธ.ค.-ก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 และเพิ่มจาก 2.6%YoY ในเดือนพ.ย.-ม.ค.
# อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ในช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค.2518
+ สหรัฐ : การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการเริ่มก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้นดีกว่าคาด
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐ +0.5%MoM ในเดือนมี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.4%MoM อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 78.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
# ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน +1.9%MoM ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.319 ล้านยูนิต มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.262 ล้านยูนิต ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้าน +2.5% สู่ระดับ 1.354 ล้านยูนิต
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ปิดเพิ่มขึ้น 213.59 จุด
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 24,786.63 จุด พุ่งขึ้น 213.59 จุด หรือ +0.87% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,281.10 จุด เพิ่มขึ้น 124.81 จุด หรือ +1.74% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,706.39 จุด เพิ่มขึ้น 28.55 จุด หรือ +1.07% หนุนโดยผลประกอบการที่สดใส นำโดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ และตัวเลขภาคการผลิตเดือนมี.ค.เพิ่มดีกว่าคาด
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 66.52 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจส่งผลกระทบต่อผลิตน้ำมันในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์กันว่าสหรัฐอาจคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านไม่สามารถส่งออกน้ำมันในตลาดโลก นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงเรื่องของซีเรีย โดยรายงานล่าสุดระบุว่าอิหร่านขู่ตอบโต้อิสราเอล หลังจากที่อิสราเอลได้ทำการโจมตีฐานเก็บโดรนของอิหร่านในซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและทำให้ชาวอิหร่านซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางทหารเสียชีวิต 7 ราย
• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาลดลงแต่ไม่มาก
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,349.5 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
+ EEC : กลุ่มอาลีบาบาจะเริ่มลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก
# รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่าแผนลงทุนในพื้นที่ EEC ของกลุ่มอาลีบาบามีความชัดเจนแล้ว โดยจะลงทุนความร่วมมือกับไทย 5 ด้านหลักในวันที่ 19 เม.ย.นี้ เริ่มด้วยโครงการ Smart Digital Hub มูลค่าลงทุน 11 พันล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในปี 61-62 ส่วนโครงการที่เหลือจะเป็น การพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบการ SME ในด้านดิจิตัลและส่งเสริมธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, ทำการตลาดท่องเที่ยวและสินค้าเกษตรของไทยบนระบบดิจิตอล
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ครม.ไฟเขียวมาตรการจูงใจการควบรวมกิจการธ.พ.
# ครม.เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.) มีมติเห็นชอบมาตรการจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ในไทยควบรวมกิจการเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับการแข่งขันในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ให้กับธนาคารพาณิชย์, ยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับผู้ถือหุ้นธนาคารจากผลประโยชน์จากการควบรวม, ให้ธนาคารที่ควบรวมนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนพัฒนามาลดหย่อนภาษีได้ และเห็นชอบในแนวทางพัฒนาฟินเทค
# แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีกระแสการควบรวมกิจการ แต่ในอนาคตอาจจะมีเพราะถือว่าธนาคารของไทยปัจจุบันยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับธนาคารในต่างประเทศ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO7645