- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 18 April 2018 19:38
- Hits: 1056
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
เก็งกำไรรายตัวบนผลการดำเนินงาน 1Q61
Smart Pick
สะสม BBL
ราคาปิด 201.00 บาท
ราคาเหมาะสม 230.00 บาท
BBL รายงานงบ 1Q61 พรุ่งนี้ เราคาดกำไรสุทธิที่ 8.7 พันล้านบาท +5.1% YoY และ +2.7% QoQ และมีโอกาสที่จะออกมาดีกว่าคาดการณ์ของตลาด หลังศาลปกครองกลางสั่งให้กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันธนาคารมูลค่า 1.7 พันล้านบาทแก่ไทยทีวี ซึ่ง BBL ในฐานะเจ้าหนี้อาจกลับรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าว หรือ ตั้งเป็นสำรองส่วนเกินได้
นอกจากนี้ BBL ยังรอขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 เม.ย. คิดเป็นผลตอบแทนราว 2.2%
สะสม ROBINS
ราคาปิด 63.50 บาท
ราคาเหมาะสม 78.00 บาท
คาดกำไรสุทธิใน 1Q61 เท่ากับ 787 ล้านบาท เติบโต 11% YoY ผลักดันจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการรักษาระดับมาร์จิ้นให้ทรงตัวในระดับสูงได้ นอกจากนี้ SSSG พลิกเป็นบวกได้ราว 1-2% และคาดว่าจะเป็นบวกต่อเนื่องใน 2Q61
ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ราคา ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER2561 เพียง 22.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 31.0 เท่า
เก็งกำไร PTTGC
ราคาปิด 96.00 บาท
ราคาเหมาะสม 103.00 บาท
คาดกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีเด่นในวันนี้ ด้วยแรงหนุนของราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT ที่ทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
เราคาดกำไรปกติ 1Q61 โดดเด่นสุดในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบยืนในระดับแข็งแกร่ง และส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ PTTGC เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีแบบ Gas Base ย่อมทำให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีกว้างกว่าผู้ผลิตที่ใช้ Naptha เป็นวัตถุดิบหลัก
เก็งกำไร AOT
ราคาปิด 70.00 บาท
ราคาเหมาะสม 71.00 บาท
ราคาหุ้นปรับตัวลง 3 วันทำการติดต่อกัน คาดมีโอกาสเกิด Technical Rebound โดยมีแนวรับบริเวณ 69.50 บาท แนวต้าน 72.00 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 69.00 บาท
คาดกำไรปกติ 2Q60/61 ที่ 7.3 พันล้านบาท +14% YoY และ +18% QoQ เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนการเก็งกำไรระยะสั้น
Sell into Strength : N.A
กลยุทธ์วันนี้
การปรับฐานลงของ SET INDEX วานนี้ เกิดจากแรงขายในหุ้นหลักอย่าง CPALL / PTT ซึ่งมีประเด็นเฉพาะตัว ภายใต้ความเสี่ยงของตลาดหุ้นไทยที่ทรงตัว ฉะนั้นวันนี้ เราคาดว่า SET INDEX จะทรงตัวได้ดีขึ้น ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1750-1765 จุด ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นโลกที่เป็นบวกมากขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยจำกัด Downside ของ SET INDEX คือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ทรงตัวระดับสูง โดยใน 1Q61 ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวขึ้นกว่า 8% QoQ, +20% YoY และถ่านหิน +5% QoQ, +26% YoY ซึ่งเป็นประเด็นบวกเกื้อหนุนต่อผลประกอบการหุ้นกลุ่มพลังงาน/ ปิโตรเคมี เรามองว่า PTTGC มีความน่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรงบ 1Q61 เพราะได้ประโยชน์จากทั้งราคาน้ำมันดิบ และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 1 เดือนข้างหน้า จะถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยหลัก คือ ฤดูกาลรายงานผลประกอบการ 1Q61 (Earnings Season) เริ่มจาก TISCO วานนี้รายงานกำไรสุทธิ 1.76 พันล้านบาท (+16% QoQ, +19% YoY) ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาด โดย TISCO มีปัจจัยบวกระยะสั้น คือ การจ่ายปันผลในระดับสูง ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 เม.ย.นี้ คิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 5.4%
ดังนั้นกลยุทธ์ช่วงนี้ เราให้น้ำหนักกับการเก็งกำไรหุ้นรายตัวต่อประเด็นผลการดำเนินงาน 1Q61 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา (Earnings Play) ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มธนาคาร (BBL), กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี (PTTGC), กลุ่มท่องเที่ยว-สายการบิน-โรงแรม (AAV/ ERW), กลุ่มโรงพยาบาล (BCH/ BDMS)
HOT Topic
1. CPALL วานนี้ปรับตัวลงแรง มีปัจจัยลบอะไรต่อกลุ่มค้าปลีกหรือไม่ และเรามีกลยุทธ์อย่างไร?
2. มุมมองเศรษฐกิจไทยของเราหลังเข้าร่วมประชุมกับแบงค์ชาติ
3. Earnings Season เริ่มแล้ว TISCO รายงานกำไร 1Q61 ออกมาดีตามคาด เชื่อว่าจะช่วยหนุน Sentiment ในกลุ่มธนาคาร
4. เกาหลีเหนือ-ใต้ เตรียมเจรจาสันติภาพในสัปดาห์หน้า ลดความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปิดที่ 1755.53 จุด ปรับตัวลดลง 11.64 จุด ด้วยแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่เป็นหลักนำโดย CPALL (-4.31%), SCB (-3.19%), AOT(-1.41%) และ PTT(-0.73%) กระทบต่อ SET รวมกันราว -7.4 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.5 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 3 อีกราว 3.8 พันล้านบาท รวม 3 วันทำการขายสุทธิราว 8.8 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 ราว 2.2 พันล้านบาท รวม 6 วันทำการซื้อสุทธิสะสมทั้งสิ้น 1 หมื่นล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิวันแรกในรอบ 6 วันทำการราว 5.7 พันสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิวันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 3.2 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิสะสมราว 5 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชีบล. มีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 313 สัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 1.9 พันล้านบาท รวม 4 วันขายสุทธิทั้งสิ้น 1.2 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
IMF คงประมาณการ GDP โลกปี 2561 ไว้ที่ 3.9% แต่ปรับประมาณการ GDP สหรัฐฯขึ้นเป็น 2.9% จาก 2.7% และกลุ่มยูโรโซนขึ้นเป็น 2.4% จาก 2.2% นอกจากนี้ ยังได้เตือนถึงความเสี่ยงจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
จีนรายงาน GDP 1Q61 ขยายตัว 6.8%YoY เป็นไปตามที่ตลาดคาด
ธนาคารกลางจีนประกาศลด RRR ลง 1% โดยจะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
อิหร่านขู่ตอบโต้อิสราเอล หลังฐานทัพโดรนของอิหร่านในซีเรียถูกโจมตีสัปดาห์ก่อน
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เตรียมประกาศสงบศึกในการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่าง 2 ประเทศ ในวันศุกร์หน้า
ครม. มีมติอนุมัติมาตรการสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย โดยจะมีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ให้แก่ผู้ถือหุ้น และธนาคารที่ควบรวมกัน
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ประกาศให้นักลงทุนสามารถใช้หุ้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการเปิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้ โดยจะเริ่มใช้ในวันที่ 23 เม.ย.
รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า Jack Ma ประธานบริหารของกลุ่ม Alibaba จะมาเยือนประเทศไทยวันที่ 19 เม.ย. เพื่อประกาศแผนการลงทุนในพื้นที่ EEC
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ EU ตลาดคาดขยายตัว 1.4%YoY วันที่ 18 เม.ย.
ติดตามการรายงาน Beige Book วันที่ 19 เม.ย.
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่น วันที่ 20 เม.ย.
ติดตามการประชุม กบง. ประเด็นการปรับสูตรราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น วันที่ 20 เม.ย.
ติดตามการประชุม G-20 ระหว่างวันที่ 19-20 เม.ย.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist ,662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO7633