- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 April 2018 17:16
- Hits: 2584
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay on Defensive and Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เคลื่อนไหวทรงตัว โดยมีจังหวะปรับตัวขึ้นในช่วงแรก แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 1,765-1,770 จุดได้ หุ้นที่ปรับขึ้นส่วนใหญ่คือแบงก์ โดยเฉพาะ KBANK ที่ปิดบวกแม้จะขึ้น XD 3.50 บาท/หุ้น ส่วนกลุ่มที่ฉุด SET คือ PTT EA AOT และ CPF ด้วยการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ที่กระจายตัว และมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงเหลือ 5.5 หมื่นลบ. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 วันย้อนหลังราว 15% การแกว่งตัวของ SET วานนี้จึงไม่ได้บ่งชี้ทิศทางที่ชัดเจนมากนัก ซึ่งถือเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว ส่วนยอดซื้อขายรายประเภท ต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 3.5 พันลบ. (แต่ Long Hedge 1.1 หมื่นสัญญาหรือราว 2 พันลบ.) ขณะที่ สถาบันซื้อเร่งซื้ออีก 2.2 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : จากจังหวะการปรับขึ้นของ SET วานนี้ที่ยังติดแนวต้าน 1,765-1,770 จุด ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายที่จะเบาบางลงอีก เพราะเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ทำให้คาดว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบแคบในกรอบ 1,758-1,770 จุด โดยกลุ่มแบงก์ยังมีโอกาสนำตลาดต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับกลุ่มพลังงานที่จะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นราว 2% แม้ว่าเราจะปรับเป้าดัชนีปีนี้ลง 30 จุด เหลือ 1,870 จุด แต่ยังยืนข้างซื้อจากปัจจัยหนุนคือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ EPS growth ของตลาดที่แม้ปรับลงแล้วแต่ยังโต double digit (+10%)
กลยุทธ์ : ยังเน้น Defensive และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$319ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$482ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$113ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางพลิกกลับมาไหลออกจากภูมิภาคจากความตึงเครียดต่อสถานการณ์ที่ซีเรีย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ROBINS <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 78 บาท
ROBINS เป็นอีกหุ้นที่เราคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ PE2018 ยังต่ำเพียง 23 เท่า เทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ 30 เท่า และราคาหุ้นยัง laggard มาก โดย -14% YTD สวนทางค้าปลีก +5% YTD
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 โต Y-Y แต่แผ่วลง Q-Q ตามฤดูกาล อยู่ที่ 750-800 ลบ. โดยคาด SSSG โตราว 2-3% Y-Y และสัดส่วนสินค้า Private Brand ที่ margin ดียังใกล้เคียงเป้าที่ 12-13% ของรายได้รวม
คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2018 โต 14% Y-Y อยู่ที่ 3.1 พันลบ. จาก SSSG ที่ฟื้น, การเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง, และ margin ที่ดีขึ้นจากการปรับ Product Mix
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตลาดเริ่มจับตาผลประกอบการทั้งในและต่างประเทศที่กำลังทยอยประกาศ ตลาดคาดกำไร 1Q18 ของบจ.ในสหรัฐจะเติบโตดี +16% Y-Y, +1% Q-Q แต่คาดกำไรของตลาดหุ้นไทยยังไม่เร่งตัวนัก -17% Y-Y, -2.5% Q-Q สำหรับกลุ่มแบงก์ที่จะประกาศเป็นกลุ่มแรก แนวโน้มกำไรดีขึ้น Q-Q แต่น่าจะทรงถึงลง Y-Y เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้นโดยเฉพาะ SCB และ KTB การที่กลุ่มแบงก์ไม่ได้ถูกคาดหวังมากนักทำให้มีโอกาสเกิดเซอร์ไพรส์ ราคาหุ้นโดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ที่ฟื้นตัวได้ดีเป็นวันที่ 3 น่าจะฟื้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถิติ 5 ปีที่ผ่านมาที่กลุ่มแบงก์ outperform ดัชนีตลาดทั้งก่อนและหลังสงกรานต์ ทั้งนี้ เราคาดว่า TISCO (ราคาเป้าหมาย 98 บาท) จะมีกำไรโดดเด่นสุดในกลุ่มเช่าซื้อ และ KBANK (ราคาเป้าหมาย 235 บาท) เด่นสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่
(0) ราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นอีกกว่า 2% แตะระดับ $US 67/Barrel ช่วยหนุน Sentiment ในกลุ่มพลังงาน หลังเหตุปะทะกันในซีเรียทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น รวมไปถึงมาตราการที่จะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านครั้งใหม่ อย่างไรก็ตามเราคาดราคาน้ำมันในปี 2018 จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ $US 60-70 จากจำนวนแท่นขุดเจาะสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(0) REIT Focus ในภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับต่ำ Property Fund/REIT/Infrastructure fund ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องการการลงทุนระยะยาว เน้นรับเงินปันผลมากกว่า Capital gain และรับความเสี่ยงได้ต่ำ สำหรับกองทุนที่เราเลือกมาแนะนำในเดือนเม.ย. 2018 เรียงตาม Yield ที่คาดการณ์ในปีนี้มากไปน้อย ได้แก่ POPF (7.3%), AIMIRT (7.3%), B-WORK (7.3%), QHPF (7.2%) และ DIF (7.0%) โดยพิจารณาจากกองทุนที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในระดับที่มากกว่า 2 ล้านบาทต่อวัน, อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่มากกว่า 6% ต่อปี และราคาไม่สูงกว่า NAV มากนัก
(+) THANI คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q18 ยกฐานกำไรและเป็นจุดสูงสุดใหม่ที่ 339 ลบ. +6%Q-Q, +38%Y-Y เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯที่ลดลง 13%Q-Q, 27%Y-Y และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 3.6%Q-Q, 21%Y-Y เราคาดว่าสินเชื่อจะ +5%YTD และ +18%Y-Y จากสินเชื่อรถบรรทุกทั้งเก่าและใหม่ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างภาครัฐที่ต่อเนื่องจากปลายปีและรถบรรทุกรุ่นใหม่ คงประมาณการกำไรปี 2018 ที่ 1.4 พันลบ. (+26.6%Y-Y) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 9.40 บาท (หลัง XD) แนะนำ ซื้อ
(+) SC จะขึ้น XD เงินปันผล 0.12 บ./หุ้น Yield 3.2% วันที่ 2 พ.ค. นี้ ขณะที่ราคาหุ้น -4% YTD laggard ตลาด และซื้อขายบน PE2018 เพียง 8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและกลุ่มอสังหา สวนทางกับแนวโน้มกำไรที่จะกลับมาโตแกร่งในปีนี้กว่า +58% Y-Y โดยเรามองว่ากำไรจะโดดเด่นตั้งแต่ 2Q18 เป็นต้นไป จากการเร่งเปิดตัวแนวราบ และเริ่มโอนคอนโดขนาดใหญ่ คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ หลังจากการเปิดเผยรายงานชุดล่าสุดของ FED ว่าจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วกว่าการประชุมในครั้งก่อนๆ
(-) ตลาดยุโรปปรับตัวลง หลังตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษลดลงต่ำสุดในรอบหนึ่งปี รวมถึงแรงกดดันจากเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรีย
(0) ตลาดเอเชียยังคงปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศจีน จากการผ่อนคลายกฏเกณฑ์ในการลงทุนในภาคการเงินและตลาดฟิวเจอร์ในประเทศ
() ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอีกเมื่อคืนนี้เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.10-31.20 บาท/ดอลลาร์
กลยุทธ์วันนี้ >> Stay on Defensive and Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เคลื่อนไหวทรงตัว โดยมีจังหวะปรับตัวขึ้นในช่วงแรก แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านที่ 1,765-1,770 จุดได้ หุ้นที่ปรับขึ้นส่วนใหญ่คือแบงก์ โดยเฉพาะ KBANK ที่ปิดบวกแม้จะขึ้น XD 3.50 บาท/หุ้น ส่วนกลุ่มที่ฉุด SET คือ PTT EA AOT และ CPF ด้วยการเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ที่กระจายตัว และมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงเหลือ 5.5 หมื่นลบ. ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 วันย้อนหลังราว 15% การแกว่งตัวของ SET วานนี้จึงไม่ได้บ่งชี้ทิศทางที่ชัดเจนมากนัก ซึ่งถือเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว ส่วนยอดซื้อขายรายประเภท ต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 3.5 พันลบ. (แต่ Long Hedge 1.1 หมื่นสัญญาหรือราว 2 พันลบ.) ขณะที่ สถาบันซื้อเร่งซื้ออีก 2.2 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : จากจังหวะการปรับขึ้นของ SET วานนี้ที่ยังติดแนวต้าน 1,765-1,770 จุด ประกอบกับมูลค่าการซื้อขายที่จะเบาบางลงอีก เพราะเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ทำให้คาดว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบแคบในกรอบ 1,758-1,770 จุด โดยกลุ่มแบงก์ยังมีโอกาสนำตลาดต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับกลุ่มพลังงานที่จะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นราว 2% แม้ว่าเราจะปรับเป้าดัชนีปีนี้ลง 30 จุด เหลือ 1,870 จุด แต่ยังยืนข้างซื้อจากปัจจัยหนุนคือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ EPS growth ของตลาดที่แม้ปรับลงแล้วแต่ยังโต double digit (+10%)
กลยุทธ์ : ยังเน้น Defensive และ Domestic Play
หุ้นเด่นเดือน เม.ย. : BDMS, CPN, ERW, KBANK, SYNEX
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$319ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$482ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$113ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางพลิกกลับมาไหลออกจากภูมิภาคจากความตึงเครียดต่อสถานการณ์ที่ซีเรีย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ROBINS <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 78 บาท
ROBINS เป็นอีกหุ้นที่เราคาดว่าจะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ PE2018 ยังต่ำเพียง 23 เท่า เทียบกับกลุ่มค้าปลีกที่ 30 เท่า และราคาหุ้นยัง laggard มาก โดย -14% YTD สวนทางค้าปลีก +5% YTD
คาดกำไรสุทธิ 1Q18 โต Y-Y แต่แผ่วลง Q-Q ตามฤดูกาล อยู่ที่ 750-800 ลบ. โดยคาด SSSG โตราว 2-3% Y-Y และสัดส่วนสินค้า Private Brand ที่ margin ดียังใกล้เคียงเป้าที่ 12-13% ของรายได้รวม
คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2018 โต 14% Y-Y อยู่ที่ 3.1 พันลบ. จาก SSSG ที่ฟื้น, การเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง, และ margin ที่ดีขึ้นจากการปรับ Product Mix
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ตลาดเริ่มจับตาผลประกอบการทั้งในและต่างประเทศที่กำลังทยอยประกาศ ตลาดคาดกำไร 1Q18 ของบจ.ในสหรัฐจะเติบโตดี +16% Y-Y, +1% Q-Q แต่คาดกำไรของตลาดหุ้นไทยยังไม่เร่งตัวนัก -17% Y-Y, -2.5% Q-Q สำหรับกลุ่มแบงก์ที่จะประกาศเป็นกลุ่มแรก แนวโน้มกำไรดีขึ้น Q-Q แต่น่าจะทรงถึงลง Y-Y เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้นโดยเฉพาะ SCB และ KTB การที่กลุ่มแบงก์ไม่ได้ถูกคาดหวังมากนักทำให้มีโอกาสเกิดเซอร์ไพรส์ ราคาหุ้นโดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ที่ฟื้นตัวได้ดีเป็นวันที่ 3 น่าจะฟื้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับสถิติ 5 ปีที่ผ่านมาที่กลุ่มแบงก์ outperform ดัชนีตลาดทั้งก่อนและหลังสงกรานต์ ทั้งนี้ เราคาดว่า TISCO (ราคาเป้าหมาย 98 บาท) จะมีกำไรโดดเด่นสุดในกลุ่มเช่าซื้อ และ KBANK (ราคาเป้าหมาย 235 บาท) เด่นสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่
(0) ราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นอีกกว่า 2% แตะระดับ $US 67/Barrel ช่วยหนุน Sentiment ในกลุ่มพลังงาน หลังเหตุปะทะกันในซีเรียทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น รวมไปถึงมาตราการที่จะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านครั้งใหม่ อย่างไรก็ตามเราคาดราคาน้ำมันในปี 2018 จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ $US 60-70 จากจำนวนแท่นขุดเจาะสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(0) REIT Focus ในภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน และอัตราดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับต่ำ Property Fund/REIT/Infrastructure fund ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องการการลงทุนระยะยาว เน้นรับเงินปันผลมากกว่า Capital gain และรับความเสี่ยงได้ต่ำ สำหรับกองทุนที่เราเลือกมาแนะนำในเดือนเม.ย. 2018 เรียงตาม Yield ที่คาดการณ์ในปีนี้มากไปน้อย ได้แก่ POPF (7.3%), AIMIRT (7.3%), B-WORK (7.3%), QHPF (7.2%) และ DIF (7.0%) โดยพิจารณาจากกองทุนที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายในระดับที่มากกว่า 2 ล้านบาทต่อวัน, อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่มากกว่า 6% ต่อปี และราคาไม่สูงกว่า NAV มากนัก
(+) THANI คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q18 ยกฐานกำไรและเป็นจุดสูงสุดใหม่ที่ 339 ลบ. +6%Q-Q, +38%Y-Y เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองฯที่ลดลง 13%Q-Q, 27%Y-Y และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น 3.6%Q-Q, 21%Y-Y เราคาดว่าสินเชื่อจะ +5%YTD และ +18%Y-Y จากสินเชื่อรถบรรทุกทั้งเก่าและใหม่ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากโครงการก่อสร้างภาครัฐที่ต่อเนื่องจากปลายปีและรถบรรทุกรุ่นใหม่ คงประมาณการกำไรปี 2018 ที่ 1.4 พันลบ. (+26.6%Y-Y) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 9.40 บาท (หลัง XD) แนะนำ ซื้อ
(+) SC จะขึ้น XD เงินปันผล 0.12 บ./หุ้น Yield 3.2% วันที่ 2 พ.ค. นี้ ขณะที่ราคาหุ้น -4% YTD laggard ตลาด และซื้อขายบน PE2018 เพียง 8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและกลุ่มอสังหา สวนทางกับแนวโน้มกำไรที่จะกลับมาโตแกร่งในปีนี้กว่า +58% Y-Y โดยเรามองว่ากำไรจะโดดเด่นตั้งแต่ 2Q18 เป็นต้นไป จากการเร่งเปิดตัวแนวราบ และเริ่มโอนคอนโดขนาดใหญ่ คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.80 บาท
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐานลงเมื่อคืนนี้ หลังจากการเปิดเผยรายงานชุดล่าสุดของ FED ว่าจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วกว่าการประชุมในครั้งก่อนๆ
(-) ตลาดยุโรปปรับตัวลง หลังตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษลดลงต่ำสุดในรอบหนึ่งปี รวมถึงแรงกดดันจากเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรีย
(0) ตลาดเอเชียยังคงปรับตัวผสมผสาน แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศจีน จากการผ่อนคลายกฏเกณฑ์ในการลงทุนในภาคการเงินและตลาดฟิวเจอร์ในประเทศ
() ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอีกเมื่อคืนนี้เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.10-31.20 บาท/ดอลลาร์
Currency Markets Current Previous %change
Bt/ US$* 31.13 31.13 -0.02
US$ / Euro 1.24 1.24 0.06
Yen / US$ 106.90 106.79 -0.10
Yuan / US$ 6.27 6.28 0.23
Commodity Prices Current Previous %change
Crude Oil 66.81 66.82 -0.01
Gold (COMEX) 1,354.70 1,360.00 -0.39
BDI 974.00 952.00 2.31
ZINC 3,238.00 3,243.00 -0.15
CRB index 198.83 197.11 0.87
Source : Bloomberg *onshore rate
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. พุ่งขึ้นอีก 1.31 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 66.82 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความไม่สงบในตะวันออกกลาง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 14.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,360 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเรื่องสงครามในตะวันออกกลางและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
Bt/ US$* 31.13 31.13 -0.02
US$ / Euro 1.24 1.24 0.06
Yen / US$ 106.90 106.79 -0.10
Yuan / US$ 6.27 6.28 0.23
Commodity Prices Current Previous %change
Crude Oil 66.81 66.82 -0.01
Gold (COMEX) 1,354.70 1,360.00 -0.39
BDI 974.00 952.00 2.31
ZINC 3,238.00 3,243.00 -0.15
CRB index 198.83 197.11 0.87
Source : Bloomberg *onshore rate
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. พุ่งขึ้นอีก 1.31 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 66.82 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความไม่สงบในตะวันออกกลาง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ปรับตัวขึ้น 14.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,360 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลเรื่องสงครามในตะวันออกกลางและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 เม.ย.- จีน: ดุลการค้า (มี.ค.)
- สิงคโปร์: 1Q18 GDP
16 เม.ย. - สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (มี.ค.)
17 เม.ย. - จีน: 1Q18 GDP
20 เม.ย.- ไทย: กบง. พิจารณาโครงสร้างราคาพลังงาน
Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com
FB : FINNANSIA SYRUS SECURITIES LINE : @fnsyrus
OO7485