- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 10 April 2018 17:19
- Hits: 16816
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“SET ไม่ผ่าน 1770 ขายก่อน…ผ่านได้ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยและเอเชียไม่ได้กังวลกับการที่สหรัฐโต้ตอบจีนด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าอีก 1 แสนล้านUS$นัก เพราะประเมินว่าสุดท้ายน่าจะจบลงด้วยการเจรจา และล่าสุดรมว.คลังสหรัฐก็แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนและสหรัฐจะตกลงกันได้ก่อนภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้...ปิดตลาด SET +11.35 จุดที่ 1751.27 นำโดยกลุ่มแบงค์, พลังงานและปิโตรเคมี หุ้นกลุ่มสื่ออ่อนตัวแรงเพราะมีกระแสคาดการณ์ว่าอาจไม่ใช้ม.44 ช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลและ ADVANC & TRUE ที่ชนะประมูลคลื่น 900 MHz สำหรับวันนี้ ตลาดหุ้นไทยได้ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับขึ้นต่อหลังคลายกังวลเรื่องสงครามการค้า ระยะสั้นมองว่ากลุ่มเด่นยังเป็นพลังงาน & ปิโตรเคมี คาดกำไร 1Q61 จะแข็งแกร่งและมีปัจจัยกระตุ้นจากการแตกพาร์ของ PTT หุ้นเด่นเป็น PTT, PTTGC, IRPC, IVL ส่วนกลุ่มหุ้นที่ต้องติดตาม คือ ไฟแนนซ์ เพราะจะมีกฎเกณฑ์ใหม่ออกมาบังคับใช้กับ Non-bank เพิ่ม (หลังจากออกเกณฑ์บังคับใช้กับธุรกิจเช่าซื้อไปแล้ว) ซึ่งคาดว่าจะทำให้ Yield จากการปล่อยสินเชื่อของไฟแนนซ์ลดลงจากปัจจุบัน เราแนะนำให้ Wait & See ก่อน
สำหรับกลุ่มอาหารไก่หมู มีแนวโน้มกำไร 1Q61 จะลด YoY เพราะราคาเนื้อสัตว์ยังอ่อนแอ ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงสูงขึ้น รวมทั้ง GFPT มีส่วนแบ่งผลขาดทุนจากโรงงานใหม่ของบริษัทร่วม McKey ด้วย แต่กำไรจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ 2Q61 แนะนำซื้อสะสมช่วงหุ้นอ่อนตัว
ด้านค้าปลีก เราชอบ HMPRO โดยคาดว่ากำไรงวด 1Q61 จะโตได้ YoY จาก SSSG ที่เป็นบวก การปรับ Product Mixed ทำให้ GPM เพิ่มราว 100bps เป็นประมาณ 27% ใน 1Q61 และค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง แนะนำซื้อ ให้ TP 17.50 บาท
กลุ่มแบงค์ คาด TISCO เป็นแบงค์เดียวที่กำไร 1Q61 โตทั้ง YoY และ QoQ ส่วนกำไรทั้งกลุ่มจะลด YoY แต่บวก QoQ จากตั้งสำรองฯ & คชจ.ดำเนินงานลดลง ส่วนภาพรวมทั้งปี 61 โตจำกัดจากรายได้ค่า Fee ที่ชะลอตัวหลังยกเลิกค่า Fee ผ่านระบบดิจิตอลแบงค์กิ้ง
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : เน้นซื้อตามด้วยค่าบวก โดยมีแนวต้านระยะสั้น 1760-1770 จุด ค่าลบให้ Wait & See/ Stop loss ถ้าหลุด 1740 เพราะมีโอกาสลงไปที่ 1720-1700 หรือ 1680 สำหรับการ Scan หุ้นเทคนิคดีพบว่า หุ้นเข้ามาใหม่เป็น GLAND, PTT, PTTGC, BH, BCH, BEM ส่วนหุ้นที่ยังคงอยู่ใน List เป็น GLOBAL, KTC, AMATA, ERW หุ้นที่หลุด List ได้แก่ ILINK และหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take profit คือ BH, KKP, HMPRO, CENTEL
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : ติดตามรายงานการประชุมเฟด และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมี.ค.
# จับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 20-21 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธนี้
- รัสเซีย & สหรัฐ : ประกาศจะตอบโต้สหรัฐหลังคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่
# นายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีรัสเซีย มีคำสั่งให้รัฐบาลจัดเตรียมแผนออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ หลังจากที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ โดยนายเมดเวเดฟกล่าวว่า การออกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งรัสเซียสงวนสิทธิที่จะตอบโต้กลับ
# โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 6 เม.ย.61 กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรชาวรัสเซียจำนวน 24 คน ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมทั้งหน่วยงานและภาคธุรกิจของรัสเซียจำนวน 14 แห่ง ในข้อหาดำเนินการที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการยึดครองคาบสมุทรไครเมีย, สร้างความรุนแรงในยูเครน, ให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่รัฐบาลซีเรีย และบ่อนทำลายประชาธิปไตยของชาติตะวันตก
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ขยับขึ้นเล็กน้อย...เชื่อว่าจีนและสหรัฐจะตกลงเรื่องภาษีนำเข้ากันได้
# นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าสหรัฐและจีนจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
# วอชิงตัน โพสต์รายงานว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนสูงถึง 130,000 ดอลลาร์ ที่นายโคเฮนจ่ายให้กับนางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด หรือที่รู้จักในชื่อสตอร์มมี แดเนียส์ นางเอกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์ในปี 2549 นอกจากนี้ FBI ยังได้ยึดเอกสารด้านภาษี ข้อมูลทางธุรกิจและบันทึกการสนทนาระหว่างนายโคเฮนและปธน.ทรัมป์ด้วย
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,979.10 จุด เพิ่มขึ้น 46.34 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,613.16 จุด เพิ่มขึ้น 8.69 จุด หรือ +0.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,950.34 จุด เพิ่มขึ้น 35.23 จุด หรือ +0.51%
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาเพิ่มขึ้นกว่า 2%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.36 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 63.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.54 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 68.65 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะคลายกังวลเรื่องสงครามการค้าและมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกเดือนมี.ค.ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนที่ 32.14 ล้านบาร์เรล/วัน
• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาบวกเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 4 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 1340.10 ดอลลาร์/ออนซ์ แม้ความกังวลประเด็นสงครามการค้าผ่อนคลายแต่ก็มีเรื่องรัสเซียจะตอบโต้สหรัฐหลังคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
+ AOT : งวดม.ค.-มี.ค.61 ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง
# ผู้บริหารคาดงบไตรมาส 2/61 (ม.ค.-มี.ค.61) ยังแข็งแกร่ง เพราะเป็นฤดูท่องเที่ยว จำนวนผู้โดยสารช่วง 2 ไตรมาสแรกของงบปี 60/61 เติบโตกว่า 10%YoY (1 ต.ค.60 – 19 มี.ค.61 จำนวนผู้โดยสารของ 6 สนามบินที่บริหารเพิ่มขึ้น 10.3%YoY เป็น 67.4 ล้านคน โดยผู้โดยสารต่างประเทศซึ่งคิดเป็น 58% ของทั้งหมดเติบโต 15.8%YoY และในประเทศเพิ่มขึ้น 3.6%YoY)
# จำนวนผู้โดยสารโลว์คอสต์ต่างชาติของสนามบินดอนเมืองเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเพิ่มถึง 31.2%YoY ขณะที่ผู้โดยสารคนไทยเพิ่มเพียง 0.6%YoY
# การเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีและร้านค้าปลีกที่สนามบินสุวรรณภูมิเลื่อนออกไปจากมี.ค.61 เพราะต้องจัดทำ TOR ให้รอบคอบยิ่งขึ้น และต้องดูด้วยว่าเข้าเกณฑ์พ.ร.บ.ร่วมทุนหรือไม่ ทั้งนี้สัมปทานของคิงพาวเวอร์จะหมดในเดือนก.ย.63 (ปัจจุบันได้ค่าเช่าเป็นส่วนแบ่งรายได้ 20% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงแรกๆ ของสัญญาที่ 15%)
# ทาง DBS คาดกำไรสุทธิปี 60/61 จะเติบโต 26% และเพิ่มขึ้นต่อ 9% ในงวดปีต่อไป แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 75 บาท
•/+ DIF : ประกาศเพิ่มทุนจัดสรร PP และผู้ถือหน่วยเดิม...แนะนำจองซื้อเพื่อลงทุนรับปันผลสูง
# เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) DIF ประกาศเพิ่มทุน PP (จัดสรรให้ TRUE) 1,053 ล้านหน่วย ราคา 13.6-13.9 บาท/หน่วย และเพิ่มทุนให้ผู้ถือหน่วยเดิม 2,778 ล้านหน่วย ในสัดส่วน 2.0911 หน่วยเดิม : 1 หน่วยใหม่ ราคาจองซื้อ 13.6-13.9 บาท/หน่วยเช่นกัน วันที่คาดว่าจะแจ้งราคาจองซื้อสุดท้ายคือ 14 พ.ค.61 วันที่ชำระค่าหน่วยลงทุน 2-8 พ.ค.61 กำหนด XB 12 เม.ย.61
# ทาง DBS คาดการณ์ว่าหลังเพิ่มทุนซื้อสินทรัพย์รอบที่ 2 และโอนสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ ใน 2H61 5.3-5.6 หมื่นล้านบาท แล้ว จะทำให้ Dividend yield ปี 61-62 จะเพิ่มเป็น 6.9% และ 7.3% และอายุสัญญาเช่าจะเพิ่มเป็น 21 ปี (จากก่อนซื้อเหลือ 9.5 ปี) และอายุการรับประกันการเช่าก็ยาวนานขึ้นทั้งในส่วน Tower และ Fiber แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 16 บาท ด้าน TRUE เมื่อขายสินทรัพย์เข้ากอง DIF ก็จะมีเงินลงทุนเพิ่ม และมีกำไรจากการขายราว 3 หมื่นกว่าล้านบาท ทำให้ปีนี้จะมีกำไรสุทธิในบรรทัดสุดท้ายได้
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO7346