- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 29 March 2018 17:30
- Hits: 4056
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน“กลับมากังวลปัจจัยในประเทศ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
คาดัชนีฯมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากปัจจัยลบในประเทศ ซึ่งมีทั้งประเด็นของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาตรการค่าธรรมเนียม 0% และกำหนดการเลือกตั้งที่กลับมามีความกังวลอีกครั้ง หลัง สนช.ออกมาเผยว่า ได้มีการยื่นตีความ พรป.เลือกตั้ง ในบางมาตรต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ซึ่งพรป.ฉบับนี้ หากมีความล่าช้าจะมีผลตรงต่อการเลือกตั้ง ที่กำหนดไว้ต้นปีหน้า .... ปัจจัยต่างประเทศ ปัจจัยลบมาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนกดดันตลาดน้อยลง, สหรัฐเปิดเผย GDP ขยายตัว 2.9% ในช่วง 4Q-2017, และ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง 87 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล .... ปัจจัยในประเทศวานนี้ กนง.มีมติ 6:1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
กลยุทธ์การลงทุน:
ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยง แนะนำลงทุนในลักษณะ selective buy .... หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแบงก์ออกค่าธรรมเนียม 0% อาทิ กลุ่มแบงก์, กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) และ กลุ่มตู้เติมเงิน (FSMART, AJA) .... เรากลับมาแนะนำหุ้นกลุ่มผู้ประกอบการมือถือ คือ ADVANC ซึ่งยังมีประเด็นบวกเฉพาะตัว นอกจากนี้เรายังแนะนำหุ้นที่มีลักษณะเป็น domestic play ที่ได้รับผลบวกจากปัจจัยในประเทศที่ยังเติบโต คือ CPN
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: THANI, MBK*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: PDI, JWD, ECL
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPN : (ราคาปิด 79.50 บาท)
CPN มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการเตรียมเปิดเซ็นทรัลภูเก็ตพื้นที่ถึง 63,00 ตร.ม. ภายในช่วง 1H18 นอกจากนี้เซ็นทรัลเวิลด์จะปรับปรุงแล้วเสร็จในช่วง 3Q18 รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท โดยเราคาดกำไรปกติปี 2018 ของ CPN จะเติบโต +22% YoY ที่ 12,254 ล้านบาท .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) THANI : (ราคาปิด 7.70 บาท)
เรามองว่า THANI สินเชื่อยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องและคุณภาพสินเชื่อยังดีขึ้นโดยมีแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เราคาดปี 2018 บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ราว 1,444 ล้านบาท (+27% YoY) .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 12.50 บาท
(+) MBK* : (ราคาปิด 22.70 บาท)
ธุรกิจศูนย์การค้าเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด ประมาณ 42% ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีรายได้สม่ำเสมอ, คาดว่าโครงการ Icon Siam จะสร้างผลกำไรให้ MBK ในปี 2019 ที่ประมาณ 416 ล้านบาท และโครงการอสังหาฯอีก 215 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 2019 กำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 2,680 ล้านบาท ในขณะที่ผ่านมา MBK มีกำไรสุทธิราว 1,800-2,000 ล้านบาท.... ราคาที่เหมาะสมในเชิงกลยุทธโดย KTBST ที่ 26.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(0) อุตสาหกรรมไฟฟ้า กระทรวงพลังงานปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนยาว 5 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศชัดไม่มีนโยบายเปิดโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใหม่ยาว 5 ปี ยกเว้นราคาเท่าหรือต่ำกว่าที่ กฟผ.ขายส่ง 2.40 บาทต่อหน่วยก็พร้อมสนับสนุน ย้ำไฟฟ้าช่วง 5 ปีมีเพียงพอ หวังชะลอดูเทคโนโลยีใหม่ที่คาดว่าจะกดค่าไฟต่ำลงได้อีกมาก เผยที่ผ่านมารัฐอุดหนุนทำให้ค่าไฟสูงเฉลี่ย 20-25 สตางค์ต่อหน่วย ถ้าซื้อเพิ่มแล้วประชาชนแบกรับภาระไม่เอา (ที่มา: Manager online)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข้างต้น โดยตลาดทราบมาระยะหนึ่งแล้วสำหรับการปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในช่วงเวลาดังกล่าว การให้สัมภาษณ์ของ รมต ว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นเพียงการเน้นย้ำจุดยืนเดิมเท่านั้น และหุ้นในอุตสาหกรรมไฟฟ้าในไทยได้ปรับตัวรับเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วสังเกตุได้จากการประกาศแผนลงทุนที่เน้นโครงการในต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามโครงการที่มีโอกาสได้รับผลกระทบคือโครงการ VSPP Semi-firm (Biogas-Biomass) กำลังการผลิตรวม 269MW ซึ่งคาดว่าจะเปิด Bid ได้ใน 2Q18 หลังเลือนมาแล้วจากเดิมช่วงปลายปีก่อนมีโอกาสถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง ทั้งนี้หุ้นในกลุ่มที่เราดูแลอยู่มี BGRIM ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว แต่ผลกระทบมีจำกัดหลังคาดเข้า Bid เพียง 40MW เท่านั้น จากกำลังการผลิตตามสัดส่วนที่มีสัญญารองรับในมือกว่า 1,700MW ทั้งนี้เรายังคงเลือก BGRIM เป็น Top pick สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราดูแล และยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 36.50 บาท
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
คาดัชนีฯมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากปัจจัยลบในประเทศ ซึ่งมีทั้งประเด็นของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาตรการค่าธรรมเนียม 0% และกำหนดการเลือกตั้งที่กลับมามีความกังวลอีกครั้ง หลัง สนช.ออกมาเผยว่า ได้มีการยื่นตีความ พรป.เลือกตั้ง ในบางมาตรต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ซึ่งพรป.ฉบับนี้ หากมีความล่าช้าจะมีผลตรงต่อการเลือกตั้ง ที่กำหนดไว้ต้นปีหน้า .... ปัจจัยต่างประเทศ ปัจจัยลบมาตรการทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนกดดันตลาดน้อยลง, สหรัฐเปิดเผย GDP ขยายตัว 2.9% ในช่วง 4Q-2017, และ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง 87 เซนต์ หลังสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล .... ปัจจัยในประเทศวานนี้ กนง.มีมติ 6:1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%
กลยุทธ์การลงทุน:
ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยง แนะนำลงทุนในลักษณะ selective buy .... หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการแบงก์ออกค่าธรรมเนียม 0% อาทิ กลุ่มแบงก์, กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) และ กลุ่มตู้เติมเงิน (FSMART, AJA) .... เรากลับมาแนะนำหุ้นกลุ่มผู้ประกอบการมือถือ คือ ADVANC ซึ่งยังมีประเด็นบวกเฉพาะตัว นอกจากนี้เรายังแนะนำหุ้นที่มีลักษณะเป็น domestic play ที่ได้รับผลบวกจากปัจจัยในประเทศที่ยังเติบโต คือ CPN
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: THANI, MBK*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: PDI, JWD, ECL
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) CPN : (ราคาปิด 79.50 บาท)
CPN มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการเตรียมเปิดเซ็นทรัลภูเก็ตพื้นที่ถึง 63,00 ตร.ม. ภายในช่วง 1H18 นอกจากนี้เซ็นทรัลเวิลด์จะปรับปรุงแล้วเสร็จในช่วง 3Q18 รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดอีกราว 3 พันล้านบาท โดยเราคาดกำไรปกติปี 2018 ของ CPN จะเติบโต +22% YoY ที่ 12,254 ล้านบาท .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 92.00 บาท
(+) THANI : (ราคาปิด 7.70 บาท)
เรามองว่า THANI สินเชื่อยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องและคุณภาพสินเชื่อยังดีขึ้นโดยมีแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เราคาดปี 2018 บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ราว 1,444 ล้านบาท (+27% YoY) .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 12.50 บาท
(+) MBK* : (ราคาปิด 22.70 บาท)
ธุรกิจศูนย์การค้าเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุด ประมาณ 42% ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจที่มีรายได้สม่ำเสมอ, คาดว่าโครงการ Icon Siam จะสร้างผลกำไรให้ MBK ในปี 2019 ที่ประมาณ 416 ล้านบาท และโครงการอสังหาฯอีก 215 ล้านบาท ส่งผลให้ปี 2019 กำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 2,680 ล้านบาท ในขณะที่ผ่านมา MBK มีกำไรสุทธิราว 1,800-2,000 ล้านบาท.... ราคาที่เหมาะสมในเชิงกลยุทธโดย KTBST ที่ 26.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(0) อุตสาหกรรมไฟฟ้า กระทรวงพลังงานปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนยาว 5 ปี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศชัดไม่มีนโยบายเปิดโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใหม่ยาว 5 ปี ยกเว้นราคาเท่าหรือต่ำกว่าที่ กฟผ.ขายส่ง 2.40 บาทต่อหน่วยก็พร้อมสนับสนุน ย้ำไฟฟ้าช่วง 5 ปีมีเพียงพอ หวังชะลอดูเทคโนโลยีใหม่ที่คาดว่าจะกดค่าไฟต่ำลงได้อีกมาก เผยที่ผ่านมารัฐอุดหนุนทำให้ค่าไฟสูงเฉลี่ย 20-25 สตางค์ต่อหน่วย ถ้าซื้อเพิ่มแล้วประชาชนแบกรับภาระไม่เอา (ที่มา: Manager online)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข้างต้น โดยตลาดทราบมาระยะหนึ่งแล้วสำหรับการปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในช่วงเวลาดังกล่าว การให้สัมภาษณ์ของ รมต ว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นเพียงการเน้นย้ำจุดยืนเดิมเท่านั้น และหุ้นในอุตสาหกรรมไฟฟ้าในไทยได้ปรับตัวรับเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วสังเกตุได้จากการประกาศแผนลงทุนที่เน้นโครงการในต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามโครงการที่มีโอกาสได้รับผลกระทบคือโครงการ VSPP Semi-firm (Biogas-Biomass) กำลังการผลิตรวม 269MW ซึ่งคาดว่าจะเปิด Bid ได้ใน 2Q18 หลังเลือนมาแล้วจากเดิมช่วงปลายปีก่อนมีโอกาสถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง ทั้งนี้หุ้นในกลุ่มที่เราดูแลอยู่มี BGRIM ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว แต่ผลกระทบมีจำกัดหลังคาดเข้า Bid เพียง 40MW เท่านั้น จากกำลังการผลิตตามสัดส่วนที่มีสัญญารองรับในมือกว่า 1,700MW ทั้งนี้เรายังคงเลือก BGRIM เป็น Top pick สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เราดูแล และยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 36.50 บาท
(+) BEAUTY ธุรกิจความงาม Myanmar รุ่งรับกำลังซื้อโต
ผู้บริโภค Myanmar ตัดสินใจใช้จ่ายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องสำอางมากขึ้น จากรายได้ที่มากขึ้นของผู้บริโภคและการเข้าถึง Internet ส่งผลให้ผู้บริโภคชาว Myanmar มีค่านิยมใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากต่างประเทศ การซื้อเครื่องสำอางแต่ละครั้งเฉลี่ยอยู่ที่ 5หมื่น – 1แสนจ๊าด หรือประมาณ 1,173 – 2,347 บาท ซึ่งตลาดความงามในพม่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง (ที่มา : โพสทูเดย์)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวข้างต้น เรามองว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคสำหรับกลุ่มเครื่องสำอางในพม่าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้น Beauty ซึ่งมี Counter ขายเครื่องสำอางในพม่าจำนวน 5 สาขาในปี 2017 ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก และมีแผนที่จะเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 4 จุด ในปี เราคาดว่ารายได้จาก CLMV จะอยู่ที่ 12% ในปี 2018 เพิ่มจากปี 2017ซึ่งอยู่ที่ 9%ของรายได้จากต่างประเทศ เราคาดว่ารายได้จากMyanmar จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 5% ของรายได้จากต่างประเทศ เราคาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะเติบโต 46% YoY อยู่ที่ 752 ล้านบาท มีสัดส่วนอยู่ที่ 15% ของรายได้ทั้งหมด เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” BEAUTY ที่ราคาเป้าหมาย 25 บาท เรามองว่าราคาที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม” ปัจจุบัน BEAUTY เทรดอยู่ที่ PER 38x แต่มี PEG 1.1x2018 ซึ่งต่ำกว่ากลุ่ม Commerce ที่มี PEG 1.4x2018
(+) CPALL ขายหุ้น MAKRO จะเพิ่มสภาพคล่อง
CPALL เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทขอชี้แจงการซื้อขายหุ้นของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ตามที่ได้ปรากฏในรายการซื้อขายหุ้น MAKRO ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวน 230,248,000 หุ้น คิดเป็น 4.80% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ MAKRO และขายในราคาหุ้นละ 44 บาท ทั้งนี้ ถือเป็นราคาเสนอขายที่ได้จากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 10,130,912,000 บาท โดยมีเครดิต สวิส (ประเทศสิงคโปร์), บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจาก จะทำให้ CPALL มีสภาพคล่องสูงขึ้น คาดจะได้เงินประมาณ 10.1 พันล้านบาท (ต้นทุนประมาณ 39.35 บาท) หากเอาไปชำระดอกเบี้ยจะลดดอกเบี้ยจ่ายได้ประมาณ 400 ล้านบาท เป็นบวกต่อกำไรประมาณ 2% เรายังติดตาม CPALL จะมีการขายหุ้น MAKRO ออกมาเพิ่มหรือไม่ เบื้องต้น เรายังคงแนะนำ ซื้อ CPALL ราคาเป้าหมาย 93 บาท (ที่มา : ข่าวหุ้น)
ผู้บริโภค Myanmar ตัดสินใจใช้จ่ายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องสำอางมากขึ้น จากรายได้ที่มากขึ้นของผู้บริโภคและการเข้าถึง Internet ส่งผลให้ผู้บริโภคชาว Myanmar มีค่านิยมใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามจากต่างประเทศ การซื้อเครื่องสำอางแต่ละครั้งเฉลี่ยอยู่ที่ 5หมื่น – 1แสนจ๊าด หรือประมาณ 1,173 – 2,347 บาท ซึ่งตลาดความงามในพม่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง (ที่มา : โพสทูเดย์)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวข้างต้น เรามองว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคสำหรับกลุ่มเครื่องสำอางในพม่าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลบวกต่อหุ้น Beauty ซึ่งมี Counter ขายเครื่องสำอางในพม่าจำนวน 5 สาขาในปี 2017 ซึ่งได้รับผลตอบรับดีมาก และมีแผนที่จะเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มอีก 4 จุด ในปี เราคาดว่ารายได้จาก CLMV จะอยู่ที่ 12% ในปี 2018 เพิ่มจากปี 2017ซึ่งอยู่ที่ 9%ของรายได้จากต่างประเทศ เราคาดว่ารายได้จากMyanmar จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 5% ของรายได้จากต่างประเทศ เราคาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะเติบโต 46% YoY อยู่ที่ 752 ล้านบาท มีสัดส่วนอยู่ที่ 15% ของรายได้ทั้งหมด เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” BEAUTY ที่ราคาเป้าหมาย 25 บาท เรามองว่าราคาที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะให้เข้า “ซื้อสะสม” ปัจจุบัน BEAUTY เทรดอยู่ที่ PER 38x แต่มี PEG 1.1x2018 ซึ่งต่ำกว่ากลุ่ม Commerce ที่มี PEG 1.4x2018
(+) CPALL ขายหุ้น MAKRO จะเพิ่มสภาพคล่อง
CPALL เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทขอชี้แจงการซื้อขายหุ้นของบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ตามที่ได้ปรากฏในรายการซื้อขายหุ้น MAKRO ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวน 230,248,000 หุ้น คิดเป็น 4.80% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ MAKRO และขายในราคาหุ้นละ 44 บาท ทั้งนี้ ถือเป็นราคาเสนอขายที่ได้จากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 10,130,912,000 บาท โดยมีเครดิต สวิส (ประเทศสิงคโปร์), บริษัทหลักทรัพย์ เครดิต สวิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่าย
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจาก จะทำให้ CPALL มีสภาพคล่องสูงขึ้น คาดจะได้เงินประมาณ 10.1 พันล้านบาท (ต้นทุนประมาณ 39.35 บาท) หากเอาไปชำระดอกเบี้ยจะลดดอกเบี้ยจ่ายได้ประมาณ 400 ล้านบาท เป็นบวกต่อกำไรประมาณ 2% เรายังติดตาม CPALL จะมีการขายหุ้น MAKRO ออกมาเพิ่มหรือไม่ เบื้องต้น เรายังคงแนะนำ ซื้อ CPALL ราคาเป้าหมาย 93 บาท (ที่มา : ข่าวหุ้น)
(0) ANAN: จับมือ Ascott เปิด 4 เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ใน กทม.
ANAN มีแผนขยายธุรกิจใหม่ "เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์" เนื่องจากมองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่บริษัท โดยจะเปิดตัว 4 โครงการใน กทม. มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีในปี 2021 จะสร้างเสร็จและเปิดให้บริการครบทั้ง 4 โครงการ คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 1.5 พันล้านบาท/ปี ขณะที่รายได้รวมในปี 2021 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 6-7 หมื่นล้านบาท (ที่มา: ข่าวหุ้น)
ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยในระยะยาวต่อข่าวดังกล่าว ที่จะช่วยทำให้ ANAN มีรายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น โดยคาดทั้ง 4 โครงการจะมี IRR อยู่ที่ 15% อย่างไรก็ตาม จะมีผลกระทบต่อรายได้และกำไรไม่มากนัก เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เพียง 2-2.5% โดย ANAN อาจนำทั้ง 4 โครงการขายเข้ากอง REIT ในอนาคตได้ ทั้งนี้ เรามองว่า ANAN ยังมีปัจจัยกดดันจากกรณีโครงการ “แอชตัน อโศก” ที่โอนล่าช้ากว่าคาด และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถโอนได้เมื่อไร แต่เราคาดว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับตัวลดลงสะท้อนข่าวดังกล่าวมากแล้ว ยังคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท โดยเราประเมินกำไรสุทธิปี 2018 จะกลับมาเติบโต 21% YoY จากแผนการโอนคอนโดใหม่ในปี 2018 จำนวน 8 โครงการ โดยโครงการใหม่ส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 4Q18
ANAN มีแผนขยายธุรกิจใหม่ "เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์" เนื่องจากมองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่บริษัท โดยจะเปิดตัว 4 โครงการใน กทม. มูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีในปี 2021 จะสร้างเสร็จและเปิดให้บริการครบทั้ง 4 โครงการ คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 1.5 พันล้านบาท/ปี ขณะที่รายได้รวมในปี 2021 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 6-7 หมื่นล้านบาท (ที่มา: ข่าวหุ้น)
ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยในระยะยาวต่อข่าวดังกล่าว ที่จะช่วยทำให้ ANAN มีรายได้ประจำเพิ่มมากขึ้น โดยคาดทั้ง 4 โครงการจะมี IRR อยู่ที่ 15% อย่างไรก็ตาม จะมีผลกระทบต่อรายได้และกำไรไม่มากนัก เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เพียง 2-2.5% โดย ANAN อาจนำทั้ง 4 โครงการขายเข้ากอง REIT ในอนาคตได้ ทั้งนี้ เรามองว่า ANAN ยังมีปัจจัยกดดันจากกรณีโครงการ “แอชตัน อโศก” ที่โอนล่าช้ากว่าคาด และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถโอนได้เมื่อไร แต่เราคาดว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้ปรับตัวลดลงสะท้อนข่าวดังกล่าวมากแล้ว ยังคงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 4.70 บาท โดยเราประเมินกำไรสุทธิปี 2018 จะกลับมาเติบโต 21% YoY จากแผนการโอนคอนโดใหม่ในปี 2018 จำนวน 8 โครงการ โดยโครงการใหม่ส่วนใหญ่จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 4Q18
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) GPI (ซื้อ/4.30 บาท) ปรับกำไรสุทธิปี 2018 – 19 ขึ้น จากการรวมประมาณการงานที่เมียนมาร์
เรามีมุมมองเชิงบวกต่องาน Opportunity day เมื่อวานนี้ โดยผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2018 ที่ 10% จากการขยายงานสู่ต่างประเทศ และรับงานที่หลากหลายขึ้นไม่เพียงแค่งานแสดงยานยนต์ นอกจากนี้ผู้บริหารยังให้ความมั่นใจว่า GPI จะจัดงาน Motor Show ที่เมียนมาร์ได้ในเดือน ก.ค. นี้ เบื้องต้นคาดจะรับรู้กำไรเข้ามาได้ใน 3Q18 เราจึงมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 – 19 ขึ้น 10% และ 16% ตามลำดับ เป็น 165 ล้านบาท และ 181 ล้านบาท เติบโต 17% และ 10% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ ซื้อ GPI และคงราคาเป้าหมายที่ 4.30 บาท (อิง PER = 15.5x เดิม 17.4x)
(+) GPI (ซื้อ/4.30 บาท) ปรับกำไรสุทธิปี 2018 – 19 ขึ้น จากการรวมประมาณการงานที่เมียนมาร์
เรามีมุมมองเชิงบวกต่องาน Opportunity day เมื่อวานนี้ โดยผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2018 ที่ 10% จากการขยายงานสู่ต่างประเทศ และรับงานที่หลากหลายขึ้นไม่เพียงแค่งานแสดงยานยนต์ นอกจากนี้ผู้บริหารยังให้ความมั่นใจว่า GPI จะจัดงาน Motor Show ที่เมียนมาร์ได้ในเดือน ก.ค. นี้ เบื้องต้นคาดจะรับรู้กำไรเข้ามาได้ใน 3Q18 เราจึงมีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 – 19 ขึ้น 10% และ 16% ตามลำดับ เป็น 165 ล้านบาท และ 181 ล้านบาท เติบโต 17% และ 10% YoY ตามลำดับ ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ ซื้อ GPI และคงราคาเป้าหมายที่ 4.30 บาท (อิง PER = 15.5x เดิม 17.4x)
