- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 27 March 2018 16:41
- Hits: 3952
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ปิด 1801.10 จุด (+6.89 จุด) แม้ว่าจะมีค่าลบในระหว่างวันอยู่เป็นระยะ แต่การเลือกซื้อหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี (PTT, PTTEP, IVL, PTTGC) ไฟแนนซ์ (AEONTS, KTC, MTLS) นิคมฯ (AMATA) สื่อสาร (ADVANC, DTAC) สื่อ (WORK) ก็ช่วยพยุงตลาดไว้ กลุ่มที่นำซื้อสุทธิคือ พอร์ตบล. ส่วนต่างชาติขายสุทธิ
สำหรับวันนี้ – Sentiment ตลาดดีขึ้น หลังนายกฯจีนชวนสหรัฐเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยระบุว่าจีนพร้อมเปิดตลาดสำหรับภาคธุรกิจสหรัฐและจะปฎิบัติกับบริษัทจีน & บริษัทข้ามชาติอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงจะคุมเข้มเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาด้วย ส่วนในประเทศวันนี้ครม.จะพิจารณาเรื่องการใช้ม.44 ในการขยายระยะเวลาชำระค่าใบอนุญาตให้กับธุรกิจสื่อทีวีดิจิตอลและค่ายมือถือ ซึ่งเป็นเรื่องบวกกับทั้งสองกลุ่ม หุ้นเด่นในกลุ่มสื่อทีวีดิจิตอลคือ WORK ส่วนกลุ่มมือถือเป็น ADVANC & INTUCH สำหรับเรื่องอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่จะเพิ่มขึ้น 4% (จากเฉลี่ย 305.4 เป็น 316 บาท/วัน) มีผล 1 เม.ย.61 นั้น ทางกระทรวงการคลังคาดว่าจะกระทบให้ GDP ลดลงเพียง 0.005% เพราะต้นทุนแรงงานเพิ่มก็จริงแต่กำลังซื้อก็สูงขึ้น รวมทั้งรัฐบาลออกมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการ SME 4 แสนรายด้วย
ปัจจัยติดตาม – 1) ผลการประชุมกนง. แต่คาดว่าจะไม่ Surprise ตลาด, 2) การเก็บภาษีกองทุนรวมตราสารหนี้ 15% (ซึ่งมีข่าวว่าจะเข้าครม. 27 มี.ค.นี้), 3) การทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1 (Window dressing)
หุ้น Update วันนี้เป็น ADVANC – คาดกำไร 1Q61 จะทรงตัว YoY และ QoQ ที่ 7.7 พันลบ. แม้รายได้จะโต 5%YoY แต่ค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาตเพิ่มขึ้น การแข่งขันในอุตสาหกรรมผ่อนคลายลงและบริษัทมี EBITDA ที่แข็งแกร่ง แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 218 บาท
วิเคราะห์เทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1810-1820 จุด ต่ำกว่า 1795 จุดลดพอร์ตตามสำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น AEONTS, TOA, ADVANC, PTT, MEGA, ASAP, GPSC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ MAJOR, KWG, SOLAR, ESSO, AOT, SENA, TPAC, PTTGC, AJ, UTP หุ้นที่หลุด List คือ AP, WP, TRU และหุ้นที่แนะนำไปแล้วให้หาจังหวะ Take profit คือ PTTEP, ROBINS, BDMS, NETBAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ จีน : ชวนสหรัฐเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า
# นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่าจีนและสหรัฐควรจัดการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามทางการค้าพร้อมกับย้ำว่าจีนพร้อมที่จะเปิดตลาดสำหรับภาคธุรกิจของสหรัฐ โดยจีนจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อบริษัทในประเทศและบริษัทต่างชาติ และจีนจะไม่บังคับให้บริษัทต่างชาติทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่บริษัทท้องถิ่น รวมทั้งจีนจะคุมเข้มการปกป้องสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA พุ่งขึ้น 2.8% ดัชนี Nasdaq บวก 3.3%
# ดัชนี DJIA ปิด 24,202.60 จุด +669.40 จุด หรือ +2.84% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,658.55 จุด +70.29 จุด หรือ +2.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,220.54 จุด +227.87 จุด หรือ +3.26%
# นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากนางหัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงเมื่อวานนี้ว่าจีนพร้อมเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ปิดลบเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไร
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 65.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 70.12 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการขายทำกำไร
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ระดับ 804 แท่นในสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาบวกต่อ 0.4%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 5.10 ดอลลาร์ หรือ +0.38% ปิดที่ 1355.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
•/- อัตราค่าแรงขั้นต่ำใหม่จะเริ่มใช้ 1 เม.ย.นี้
# อัตราค่าแรงขั้นต่ำ 308-330 บาท/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 4% จะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการปรับขึ้นในรอบ 3 ปี
# กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมาก คือ ภาคบริการและภาคการเกษตร ซึ่งจากการวิเคราะห์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรพบว่า ภาคบริการมีอัตราส่วนต้นทุนแรงงาน 20.2% ของต้นทุนการผลิตรวม ส่วนภาคการเกษตรเท่ากับ 17.4% และภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 9%
# ทางกระทรวงการคลังวิเคราะห์จากอัตราค่าแรงเฉลี่ย 305.4 เป็น 316 บาท/วัน จะกระทบต่อ GDP ให้ลดลงเพียง 0.005% เพราะต้นทุนแรงงานเพิ่มก็จริงแต่กำลังซื้อก็สูงขึ้น รวมทั้งรัฐบาลออกมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการ SME 4 แสนรายด้วย
• ติดตามผลประชุมครม.วันนี้ (27 มี.ค.)
# การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 27 มี.ค.61 คาดว่าจะพิจารณา 1) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินวงเงิน 2.36 แสนล้านบาท เพื่อเร่งร่าง TOR ในการประมูลให้เสร็จ, 2) การใช้ม.44 ในการพักชำระค่าใบอนุญาตให้กับธุรกิจทีวีดิจิตอลเป็นเวลา 3 ปีและกสทช.ช่วยรับผิดชอบเช่าโครงข่าย MUX 50% เป็นเวลา 24 เดือน และการให้ค่ายมือถือทยอยจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900 MHz งวดที่ 4 ที่ต้องจ่ายในปี 62 ราว 6 หมื่นล้านบาท เป็นทยอยจ่าย 5 ปีบวกดอกเบี้ยตามอัตราที่ธปท.กำหนด และ 3) พิจารณาข้อเสนอของกระทรวงการคลังในการจัดเก็บภาษีกองทุนรวมตราสารหนี้ 15%
• คาดกนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุม 28 มี.ค.61
# คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีประชุม 28 มี.ค.นี้ คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ (Fed fund rate) ที่ 1.75% จะสูงกว่าไทย 0.25% แต่ก็ยังกระทบ Fund flow ไม่มากเนื่องจากในสหรัฐเองก็มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการเมือง และการถูกตอบโต้นโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ ทำให้เม็ดเงินส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในตลาดเกิดใหม่ซึ่งมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ดีและเป็นวงกว้างมากขึ้น
# นอกจากนั้นอัตราเงินเฟ้อของไทยก็ยังต่ำ จึงไม่เป็นแรงกดดันให้ต้องรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และดอกเบี้ยที่ต่ำก็ช่วยไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว (ทั้งนี้ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งก็คือไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาอย่างต่อเนื่อง) เราประเมินว่าทางการไทยน่าจะคงดอกเบี้ย R/P 1 วันไว้ที่ 1.50% ตลอดปี 2561 นี้ แล้วค่อยพิจารณาเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2562
+/• Window dressing ปิดไตรมาส 1/61
# ตลาดคาดการณ์ว่านักลงทุนสถาบันอาจจะทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1/61 ซึ่งโดยหลักแล้วการทำ Window dressing จะใช้การเข้าซื้อหุ้น Big Cap พื้นฐานดีเป็นหลัก
# อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระวังคือ หลังหมดระยะเวลาทำราคาปิดแล้ว ราคาหุ้นอาจจะลดลงได้ถ้าปัจจัยเสี่ยง/ปัจจัยที่ไม่แน่นอนในตลาดยังคงสูงและกดดันมากๆ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO7095