- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 26 March 2018 15:54
- Hits: 724
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเปิดที่แนวรับ 1,780 และเกิด Techical rebound นำโดยกลุ่มพลังงานอย่าง PTT และมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BDMS ในขณะที่หุ้นมีแรงขายหนัก เริ่มมีแรงซื้อกลับอย่าง GULF, WORK, CBG ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,794.2 จุด (-4.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.0 หมื่นล้านบาท เทียบเท่ากับวันก่อนหน้า
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยที่ 647 ล้านบาท และกลับมาเปิด Long SET50 index future ที่ 13,519 สัญญา
Investment theme
Trade war เป็นเกมส์การเมืองที่กระทบทุกฝ่าย: ปัจจัยที่ในระยะสั้นจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนีไม่พ้น Trade war ซึ่งล่าสุดทั้ง 2 ประเทศ ให้ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจเตรียมออกกฎหมายเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมใน 15 - 45 วัน (รวม Public hearing) เบื้องต้นสินค้าที่มีโอกาสถูกเพิ่มภาษี ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยี, เฟอร์นิเจอร์เนื้อหมู, ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี, ผลไม้แห้ง และอื่นๆ ในขณะที่ประเทศไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐและจีนมากคือ ผลิตภัณฑ์ยางพารา, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, คอมพิวเตอร์ (ส่วนมากคือสินค้า Supply chain) อย่างไรก็ตามสหรัฐเคยได้รับบทเรียนจากการออกกฎหมายดังกล่าว ในสมัยปธน. Bush ซึ่งผลกระทบที่ตามมา คือ เงินดอลลาร์อ่อนค่า 25%, อัตราการว่างงานสูงขึ้น (คนตกงาน 2 แสนตำแหน่ง), เงินเฟ้อ จนสุดท้ายต้องยกเลิกมาตราการดังกล่าว ประกอบกับเริ่มเห็นท่าทีผ่อนปรนกฎหมายเหล็กและอลูมิเนียมกับประเทศอื่นๆ เช่น แคนนาดา, แม็กซิโก, เกาหลีใต้ และยุโรป ทำให้เรามองว่าเกมส์การเมืองดังกล่าว อาจเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจา และ Trump เองต้องรักษาฐานเสียงเพื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมาถึงในเดือนพ.ย.นี้ ในระยะสั้นเราคาดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด แต่จะส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนสูง
Investment Theme: สัปดาห์นี้แนะนักลงทุนจับตา ครม.พิจารณาการจ่ายคลื่นสัมปทาน 900 mhz ของ ADVANC และ TRUE ซึ่งหากนายกไม่ใช้ม.44 จริง คาดส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่ม และคาด SET แกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,810 จุด โดยมองว่ากลุ่มบริการ (service) น่าจะ Outperform ตลาดในช่วง Trade war
Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเปิดที่แนวรับ 1,780 และเกิด Techical rebound นำโดยกลุ่มพลังงานอย่าง PTT และมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง BH, BDMS ในขณะที่หุ้นมีแรงขายหนัก เริ่มมีแรงซื้อกลับอย่าง GULF, WORK, CBG ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ระดับ 1,794.2 จุด (-4.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.0 หมื่นล้านบาท เทียบเท่ากับวันก่อนหน้า
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยที่ 647 ล้านบาท และกลับมาเปิด Long SET50 index future ที่ 13,519 สัญญา
Investment theme
Trade war เป็นเกมส์การเมืองที่กระทบทุกฝ่าย: ปัจจัยที่ในระยะสั้นจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนีไม่พ้น Trade war ซึ่งล่าสุดทั้ง 2 ประเทศ ให้ทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจเตรียมออกกฎหมายเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอื่นๆ เพิ่มเติมใน 15 - 45 วัน (รวม Public hearing) เบื้องต้นสินค้าที่มีโอกาสถูกเพิ่มภาษี ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยี, เฟอร์นิเจอร์เนื้อหมู, ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี, ผลไม้แห้ง และอื่นๆ ในขณะที่ประเทศไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐและจีนมากคือ ผลิตภัณฑ์ยางพารา, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, คอมพิวเตอร์ (ส่วนมากคือสินค้า Supply chain) อย่างไรก็ตามสหรัฐเคยได้รับบทเรียนจากการออกกฎหมายดังกล่าว ในสมัยปธน. Bush ซึ่งผลกระทบที่ตามมา คือ เงินดอลลาร์อ่อนค่า 25%, อัตราการว่างงานสูงขึ้น (คนตกงาน 2 แสนตำแหน่ง), เงินเฟ้อ จนสุดท้ายต้องยกเลิกมาตราการดังกล่าว ประกอบกับเริ่มเห็นท่าทีผ่อนปรนกฎหมายเหล็กและอลูมิเนียมกับประเทศอื่นๆ เช่น แคนนาดา, แม็กซิโก, เกาหลีใต้ และยุโรป ทำให้เรามองว่าเกมส์การเมืองดังกล่าว อาจเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจา และ Trump เองต้องรักษาฐานเสียงเพื่อการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมาถึงในเดือนพ.ย.นี้ ในระยะสั้นเราคาดผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด แต่จะส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนสูง
Investment Theme: สัปดาห์นี้แนะนักลงทุนจับตา ครม.พิจารณาการจ่ายคลื่นสัมปทาน 900 mhz ของ ADVANC และ TRUE ซึ่งหากนายกไม่ใช้ม.44 จริง คาดส่งผลลบเชิงจิตวิทยาต่อกลุ่ม และคาด SET แกว่งตัวบริเวณ 1,780-1,810 จุด โดยมองว่ากลุ่มบริการ (service) น่าจะ Outperform ตลาดในช่วง Trade war
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สศก.คาด GDP ภาคเกษตร 1Q61 เติบโตกว่า 3.8%
บทวิเคราะห์ : Market See-Thru (กลยุทธ์รับมือ Trade war)
กลยุทธ์การลงทุนรับมือ Trade war
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เราคาดว่าประเทศที่มีสัดส่วน % Export / GDP สูงอย่าง Emerging market อาจได้รับผลกระทบ (ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูงกว่า 75% ของ GDP) โดยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐคิดเป็น 7%ของ GDP และเกินดุลการค้าสหรัฐประมาณ 1.7 หมื่นล้านเหรียญ เบื้องต้นในระยะสั้นเราประเมินผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย แต่ในระยะกลางแนะดูรายละเอียดของการกีดกันประเภทสินค้า และการปิดสินค้าส่งออกจากเราไปสหรัฐ แต่มีโอกาสอาจเพิ่มการส่งออกไปจีน อีกทั้งแนะจับตาผลของดอลลาร์ที่อ่อนค่า อาจส่งผลกดดันบาทให้แข็งต่อเนื่อง กระทบผู้ส่งออกไทย ซึ่งการแทรกแทรงค่าเงินบาทของธปท.จะทำได้จำกัดมากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันมีทุนสำรองเพิ่มขึ้นสูงมาก (เดือนก.พ. มีทุนสำรองแตะระดับ 2.1 แสนล้านเหรียญ +15.8%YoY) และสหรัฐได้ให้ความสำคัญกับประเด็นการคลุมค่าเงินอย่างมาก
ผลกระทบต่อตลาดหุ้น แนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้า, ผลิตภัณฑ์ส่งออก-นำเข้า อย่างกลุ่ม ยานยนต์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก และ อาหาร และหันมาลงทุนในกลุ่มบริการในประเทศ (service) ที่มองว่าได้รับผลกระทบจำกัดอย่าง, โรงพยาบาล (BH, BDMS) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL) , MAJOR
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สศก.คาด GDP ภาคเกษตร 1Q61 เติบโตกว่า 3.8%
บทวิเคราะห์ : Market See-Thru (กลยุทธ์รับมือ Trade war)
กลยุทธ์การลงทุนรับมือ Trade war
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เราคาดว่าประเทศที่มีสัดส่วน % Export / GDP สูงอย่าง Emerging market อาจได้รับผลกระทบ (ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูงกว่า 75% ของ GDP) โดยมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐคิดเป็น 7%ของ GDP และเกินดุลการค้าสหรัฐประมาณ 1.7 หมื่นล้านเหรียญ เบื้องต้นในระยะสั้นเราประเมินผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจไทย แต่ในระยะกลางแนะดูรายละเอียดของการกีดกันประเภทสินค้า และการปิดสินค้าส่งออกจากเราไปสหรัฐ แต่มีโอกาสอาจเพิ่มการส่งออกไปจีน อีกทั้งแนะจับตาผลของดอลลาร์ที่อ่อนค่า อาจส่งผลกดดันบาทให้แข็งต่อเนื่อง กระทบผู้ส่งออกไทย ซึ่งการแทรกแทรงค่าเงินบาทของธปท.จะทำได้จำกัดมากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันมีทุนสำรองเพิ่มขึ้นสูงมาก (เดือนก.พ. มีทุนสำรองแตะระดับ 2.1 แสนล้านเหรียญ +15.8%YoY) และสหรัฐได้ให้ความสำคัญกับประเด็นการคลุมค่าเงินอย่างมาก
ผลกระทบต่อตลาดหุ้น แนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้า, ผลิตภัณฑ์ส่งออก-นำเข้า อย่างกลุ่ม ยานยนต์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, เหล็ก และ อาหาร และหันมาลงทุนในกลุ่มบริการในประเทศ (service) ที่มองว่าได้รับผลกระทบจำกัดอย่าง, โรงพยาบาล (BH, BDMS) และกลุ่มค้าปลีก (CPALL) , MAJOR
Technical View
คาดมีโมเมนตัมส่งต่อให้ยืน 1800 จากหุ้นกลุ่มพลังงาน : ดัชนีเปิดโดดลงทดสอบแนวรับ 1780 แต่ระหว่างวันมีแรงซื้อกลับอย่างชัดเจนในกลุ่ม Big Cap. และสามารถปิดลบเพียงเล็กน้อย วันนี้คาดดัชนีจะปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นถึง 2.46% ซึ่งถือเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มพลังงานที่เป็นกลุ่มที่ส่งผลต่อดัชนีมากที่สุด ระยะสั้นหากดัชนีสามารถยืนเหนือ 1800 จะกลับไปแกว่งกรอบ 1800-1820 เช่นเดิม แนะนำทยอยสะสมหุ้นตามแนวรับ หรือ Follow Buy หากยืนเหนือ 1800
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น: ถือหุ้นต่อ และพิจารณาแรงขายที่แนวต้าน 1800 หากยืนได้แนะนำ ถือหุ้นต่อ 2) ไม่มีหุ้น: ทยอยสะสม หุ้นตามแนวรับ หรือ Follow Buy หากยืนเหนือ 1800
แนวรับ : 1790, 1786 แนวต้าน : 1800, 1820
ปัจจัยต่างประเทศ: สหรัฐรายงาน Core PCE วันที่ 29 มี.ค.
ปัจจัยในประเทศ: จับตาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ.ร.บ.ประกอบ / รัฐธรรมนูญที่มาส.ว. / 28 มี.ค. ประชุมกนง.
หุ้นเทคนิค:
PTT (B 542.00-546.00, Tp 566.00, Cut 538.00)
IVL (B 56.00, Tp 59.50, Cut 55.00)
PTT (B 542.00-546.00, Tp 566.00, Cut 538.00)
IVL (B 56.00, Tp 59.50, Cut 55.00)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
OO6992
Research Department Tel. 02-658-5000
OO6992