- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 March 2018 16:42
- Hits: 15059
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน สร้างความเสี่ยงมาถึงหุ้นเอเชีย
หุ้นสหรัฐฯปรับลดลงเกือบ 3% จากความวิตกสงครามการค้าที่เร่งตัวขึ้นหลังประธานาธิปดีโดนัล ทรัมป์ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวในอีก 15 วันนับจากนี้ ขณะที่จีนเตรียมตอบโต้ด้วยมาตรเดียวกันกับสินค้าของสหรัฐฯจำนวน 128 ชนิด วงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ โดยหากทั้งสองไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้อาจส่งผลให้ความกังวลดังกล่าวขยายวงกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในเอเซียโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ส่งออกสินค้าทุนไปยังจีนเพื่อผลิตและส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ
ทั้งนี้สินค้าส่งออกสูงสุดของไทยไปจีน 5 อันดับแรก ซึ่งได้แก่ ยางพารา, ผลิตภัณฑ์จากยางพารา, เม็ดพลาสติก, คอมพิวเตอร์ และเคมีภัณฑ์ อาจส่งผลให้หุ้นโภคภัณฑ์และปิโตรเคมีตกเป็นเป้าหมายการทำกำไรในระยะสั้น ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศจะมีความปลอดภัยและผันผวนต่ำกว่า อย่างไรก็ตามเรามองการย่อตัวของหุ้นกลุ่มปิโตรฯเป็นโอกาสในการทยอยซื้อจากโอกาสรายงานกำไรที่ดีกว่าคาดและราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ อาทิ SCC, IRPC, PTTGC, IVL, VNT
Investment Theme // กลุ่มธนาคาร หุ้นที่เราชอบได้แก่ BBL, KBANK, KTB //การแพทย์ หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS, BH, BCH, THG*// หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือ (BDI) เริ่มขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // กลุ่มพลังงาน top pick 3 อันดับ 1) BANPU, 2) PTTEP และ 3) IRPC, IVL, PTTGC
ภาพรวมกลยุทธ์: การหลุด 1800 จุด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการปรับลงทดสอบ 1780 และ 1760 จุดตามลำดับ เน้นเลือกหุ้นที่ยัง Laggard ขณะที่ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อรายตัวในจังหวะผันผวน นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำวันนี้ KTB, BH, SCC
แนวรับ 1780 / แนวต้าน : 1806 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปิดลบจากแรงขายทำกำไรหลังสัญญานมันดิบปรับขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ ประกอบกับความกังวลการผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ // ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,117 จุด // ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 96.7 เหรียญฯต่อตัน (-0.46%)
จีนเตรียมตอบโต้มาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ – รัฐบาลจีนเตรียมประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้หลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวานนี้
BOE คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นเดือน พ.ค. – ธนาคารกลางอังกฤษ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมวานนี้ (ตามคาด) ขณะที่คำกล่าวของนายคาร์นีย์ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. โดยขณะนี้คาดกันว่า BoE มีแนวโน้ม 70% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว
สภาผู้แทนฯสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ – สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปที่วุฒิสภาเพื่อทำการพิจารณาต่อไป โดยสภาคองเกรสจะต้องโหวตร่างกฎหมายดังกล่าวให้ทันเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์)
ประเด็นติดตาม: 28 มี.ค. TH – ประชุมนโยบายการเงิน (กนง.), 30 มี.ค. TH – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน สร้างความเสี่ยงมาถึงหุ้นเอเชีย
หุ้นสหรัฐฯปรับลดลงเกือบ 3% จากความวิตกสงครามการค้าที่เร่งตัวขึ้นหลังประธานาธิปดีโดนัล ทรัมป์ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวในอีก 15 วันนับจากนี้ ขณะที่จีนเตรียมตอบโต้ด้วยมาตรเดียวกันกับสินค้าของสหรัฐฯจำนวน 128 ชนิด วงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ โดยหากทั้งสองไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้อาจส่งผลให้ความกังวลดังกล่าวขยายวงกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในเอเซียโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่ส่งออกสินค้าทุนไปยังจีนเพื่อผลิตและส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ
ทั้งนี้สินค้าส่งออกสูงสุดของไทยไปจีน 5 อันดับแรก ซึ่งได้แก่ ยางพารา, ผลิตภัณฑ์จากยางพารา, เม็ดพลาสติก, คอมพิวเตอร์ และเคมีภัณฑ์ อาจส่งผลให้หุ้นโภคภัณฑ์และปิโตรเคมีตกเป็นเป้าหมายการทำกำไรในระยะสั้น ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศจะมีความปลอดภัยและผันผวนต่ำกว่า อย่างไรก็ตามเรามองการย่อตัวของหุ้นกลุ่มปิโตรฯเป็นโอกาสในการทยอยซื้อจากโอกาสรายงานกำไรที่ดีกว่าคาดและราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ อาทิ SCC, IRPC, PTTGC, IVL, VNT
Investment Theme // กลุ่มธนาคาร หุ้นที่เราชอบได้แก่ BBL, KBANK, KTB //การแพทย์ หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS, BH, BCH, THG*// หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือ (BDI) เริ่มขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // กลุ่มพลังงาน top pick 3 อันดับ 1) BANPU, 2) PTTEP และ 3) IRPC, IVL, PTTGC
ภาพรวมกลยุทธ์: การหลุด 1800 จุด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการปรับลงทดสอบ 1780 และ 1760 จุดตามลำดับ เน้นเลือกหุ้นที่ยัง Laggard ขณะที่ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อรายตัวในจังหวะผันผวน นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำวันนี้ KTB, BH, SCC
แนวรับ 1780 / แนวต้าน : 1806 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปิดลบจากแรงขายทำกำไรหลังสัญญานมันดิบปรับขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ ประกอบกับความกังวลการผลิตที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ // ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,117 จุด // ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 96.7 เหรียญฯต่อตัน (-0.46%)
จีนเตรียมตอบโต้มาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ – รัฐบาลจีนเตรียมประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯวงเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้หลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวานนี้
BOE คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ส่งสัญญาณปรับขึ้นเดือน พ.ค. – ธนาคารกลางอังกฤษ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ในการประชุมวานนี้ (ตามคาด) ขณะที่คำกล่าวของนายคาร์นีย์ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. โดยขณะนี้คาดกันว่า BoE มีแนวโน้ม 70% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว
สภาผู้แทนฯสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ – สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงมติอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปที่วุฒิสภาเพื่อทำการพิจารณาต่อไป โดยสภาคองเกรสจะต้องโหวตร่างกฎหมายดังกล่าวให้ทันเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์)
ประเด็นติดตาม: 28 มี.ค. TH – ประชุมนโยบายการเงิน (กนง.), 30 มี.ค. TH – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)