WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

YuanTaบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


กลยุทธ์วันนี้
          กลับมาเน้น Domestic Play อีกครั้ง
Smart Pick
สะสม ADVANC
  ราคาปิด 209.00 บาท
  ราคาเหมาะสม 250.00 บาท
          คาดกลุ่ม Mobile Operator จะแข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดในวันนี้ จากความไม่แน่นอนทางการค้าระหว่างประเทศ
          อีกทั้ง ADVANC - TRUE มีประเด็นบวกในสัปดาห์หน้า กับการเสนอมติกสทช. ต่อครม.วันที่ 27 มี.ค.ต่อการยืดเวลาการชำระค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHz งวดสุดท้ายออกไปอีก 5 งวด ทำให้สภาพคล่องของ ADVANC ดีขึ้น จนอาจขยับการจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้นได้
สะสม BCH
  ราคาปิด 16.70 บาท
  ราคาเหมาะสม 19.30 บาท
          เรามองว่าหุ้นโรงพยาบาลวันนี้จะทนต่อแรงเสียดทานของบรรยากาศการลงทุนทั่วเอเชียที่เป็นลบได้เป็นอย่างดี เพราะผลการดำเนินงานไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจโลก
          คาดกำไรสุทธิ 1Q61 เติบโต YoY เด่น จากแรงหนุนของการปรับขึ้นค่าหัวโครงการประกันสังคมตั้งแต่ ก.ค.2560 และ WMC จะพลิกเป็นกำไรเป็นปีแรก ส่งผลให้กำไรปกติปี 2561 เติบโต +12.5% YoY เป็น 1,032 ล้านบาท
สะสม BJC
  ราคาปิด 58.25 บาท
  ราคาเหมาะสม 72.00 บาท
          คาดเกิด Sector Rotation จากกลุ่ม Global Play สู่กลุ่ม Domestic Play ซึ่ง BJC จะได้อานิสงค์เชิงบวกดังกล่าว
          อีกทั้งสัญญาณผลการดำเนินงานใน 1Q61 คาดเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก 4Q60 ด้วยกำลังซื้อที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ภาพรวมปี 2561 เราคาด BJC จะมีกำไรปกติที่ขยายตัวสูงสุดในกลุ่ม อีกทั้งการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มค้าปลีก
เก็งกำไร KBANK
  ราคาปิด 220.00 บาท
  ราคาเหมาะสม 260.00 บาท
          หากราคาย่อลงมาทดสอบแนวรับ 210, 213 บาท มีโอกาสดีดตัวขึ้นทำ Technical Rebound มองแนวต้าน 222 บาท และตัดขาดทุนกรณีต่ำกว่า 209 บาท
ประเมินว่าหุ้น Domestic Play จะได้อานิสงค์จาก Sector Rotation ในวันนี้ อีกทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานของ KBANK ใน 1Q61 จะเติบโต QoQ เด่น อีกทั้ง KBANK จะขึ้น XD วันที่ 11 เม.ย. ด้วยเงินปันผลงวด 2H60 เท่ากับ 3.50 บาท
Profit - Taking : N.A.
กลยุทธ์วันนี้
          ตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้ปรับฐานลงแรง หลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญฯ มุ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหลัก ในขณะที่ จีนตอบโต้สหรัฐฯอย่างทันควัน ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านเหรียญฯ สร้างความกังวลต่อแรงกดดันต่อสงครามการค้ามากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จาก DJIA คืนวานนี้ปิดหลุด 24,000 จุด VIX INDEX ทำระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ย่อมส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในวันนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คาด SET INDEX มีโอกาสเปิดลงทดสอบ 1770-1780 จุด และแกว่งในกรอบแคบ
          ด้วยประเด็นเสี่ยงดังกล่าว ทำให้เงินทุนย้ายเข้าสู่ Safe Haven เช่น ทองคำ ตราสารหนี้ รวมถึงมีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียเกิดใหม่ในส่วนของกลุ่ม Domestic เพื่อปิดความเสี่ยงดังกล่าว
          กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เรากลับมาเน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในประเทศอีกครั้ง (Domestic Play) ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (BJC/ CPALL), สื่อสาร (ADVANC/ INTUCH/ TRUE), ธนาคาร (KBANK/ TISCO), โรงพยาบาล (BCH) เพราะน่าจะทนต่อแรงเสียดทานจากความผันผวนของตลาดหุ้นโลกได้ดีกว่ากลุ่ม Global Play พร้อมมีประเด็นบวกที่รออยู่ คือ การปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของธนาคารแห่งประเทศไทย ในวันพุธหน้า (28 มี.ค.)
HOT Topic
          1. อุณหภูมิตลาดหุ้นโลกระอุ หลังจากสหรัฐฯ เปิดศึกทางการค้ากับจีน ด้วยการตั้งกำแพงภาษี
          2. นักลงทุนควรปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือความผันผวนของตลาดหุ้นโลก?
          3. ปัจจัยใดที่นักลงทุนต้องติดตามในสัปดาห์หน้า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          วานนี้ SET INDEX ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 1813.64 จุด ก่อนมีแรงขายเข้ามาในช่วงบ่ายก่อนลงมาปิดที่ 1798.55 จุด ติดลบ 2.88 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 5 วันทำการราว 948 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิต่อเป็นวันที่ 2 แต่เล็กน้อยเพียง 440 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิสะสมราว 1.5 พันล้านบาท ด้านตลาด SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 2 อีกราว 2.6 พันสัญญา รวม 2 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสมราว 3.2 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่ยังมีสถานะ Short สุทธิเป็นวันที่ 4 อีกราว 1.6 พันสัญญา รวม 4 วันทำการมีสถานะ Short สุทธิสะสม 5.1 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิคงเหลือราว 1.4 หมื่นสัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศและบัญชี บล.มีสถานะ Long สุทธิคงเหลือราว 1.5 หมื่นสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันอีกราว 1 หมื่นล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิสะสม 3.6 หมื่นล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศนโยบายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยจะเปิดเผยรายชื่อสินค้าภายใน 15 วัน และเปิดให้เอกชนให้ความเห็นภายใน 30 วัน ก่อนประกาศใช้จริง นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ รมว.คลังสหรัฐฯ เสนอการตั้งข้อจำกัดการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ เนื่องจากประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา
จีนตอบโต้สหรัฐฯด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 128 สินค้าจากสหรัฐฯ เบื้องต้นคาดเก็บภาษีนำเข้าเนื้อหมู 25%, ผลไม้สด, ผลไม้แห้ง, ไวน์ และท่อเหล็ก 15%
สหรัฐฯประกาศชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศที่อยู่ในระหว่างเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ ได้แก่ EU แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา และบราซิล
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติเห็นชอบให้ผ่านร่างงบประมาณ 1.3 ล้านล้านเหรียญฯ และนำเสนอต่อวุฒิสภา เพื่อพิจารณาต่อไป
หัวหน้าทีมทนายความของประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศลาออกจากตำแหน่ง
พรรค Democratic ของอิตาลีประกาศถอนตัวจากการเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือนก.พ. ขยายตัว 1.5% YoY เท่ากับคาดการณ์ของตลาด
BoE มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% เท่ากับคาดการณ์ของตลาด
ดัชนี PMI เบื้องต้น ภาคการผลิตของกลุ่มยูโรโซน เดือน มี.ค. เท่ากับ 56.6 ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดที่ 58.1
ปัจจัยติดตามสัปดาห์หน้า
การประชุม กนง. วันที่ 28 มี.ค.
การรายงาน GDP 4Q60 ของสหรัฐฯ รอบสุดท้าย วันที่ 28 มี.ค.
การรายงานอัตราเงินเฟ้อ (PCE) วันที่ 29 มี.ค.
        
 Strategist Team
          Mayuree Chowvikran    Head of Research , 662-009-8050
          Padon Vannarat      Strategist , 662-009-8060
          Piyapat Patarapuvadol    Strategist , 662-009-8062
          Nutt Treepoonsuk    Strategist  , 662-009-8059
OO6914

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!