- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 March 2018 16:43
- Hits: 1912
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ผลประชุมเฟดออกมาตามคาด”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : ต่างประเทศ – เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.75% ในการประชุม 21 มี.ค.ตามคาด และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 61 และปี 62 ส่วนปี 63 จะปรับขึ้น 2 ครั้ง รวมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP growth ของสหรัฐปี 61 ขึ้นเป็น +2.7% (เดิม +2.5%) และปี 62 เป็น +2.9% (เดิม +2.7%) ส่วนปี 63 ให้ +2.0% และระยะยาว +1.8% ต่อปี อย่างไรก็ดีเฟดระบุว่าภาคธุรกิจต่างกังวลกับนโยบายการค้าทรัมป์ และประเด็นนี้อาจกระทบการเติบโตเศรษฐกิจ รวมทั้งอาจเกิดการตอบโต้ทางการค้าเป็นวงกว้างด้านราคาน้ำมันดิบบวกต่อ 2.6-3.0% ซึ่งยังคงหนุน Sentiment หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หุ้นเด่นของเราเป็น PTTGC, PTT, IVL
ในประเทศ - มูลค่าส่งออกเดือนก.พ.ของไทย +10.3%YoY และเกินดุลการค้า 807 ล้านUS$ ส่วน 2M61 ส่งออก +13.8%YoY ทางก.พาณิชย์คาดว่าส่งออกปีนี้จะ +8% สูงกว่าที่สำนักวิจัยต่างๆ ประเมินไว้ที่บวก 5-6% สินค้าเกษตรที่ส่งออกได้สูงขึ้นดี คือ ข้าว มันสำปะหลัง ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์&พลาสติก คอมพิวเตอร์&อุปกรณ์ รถยนต์&อุปกรณ์ สำหรับความท้าทายของภาคส่งออกไทย คือ นโยบายกีดกันทางการค้า ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น และความต้องการสินค้า&บริการที่เปลี่ยนไป
ปัจจัยจัยติดตาม – งบประมาณชั่วคราวสหรัฐจะสิ้นสุดในวันที่ 23 มี.ค.นี้แล้ว ซึ่งจะต้องติดตามต่อว่าสภาคองเกรสจะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวใหม่และทำให้ไม่ต้องชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบางแห่งได้ทันหรือไม่, การทำ Window dressing ปิดไตรมาส 1/61
หุ้น Update วันนี้เป็น AOT : หุ้นยังมีหลายปัจจัยหนุน ได้แก่ 1. จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเติบโตต่อในปีนี้, 2. ปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนคงที่/หน่วยลดลง, 3. การเปิดประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีในปี 61 ซึ่งคาดว่าจะได้ค่าเช่าสูงขึ้น, 4. มีโอกาสได้บริหารสนามบินเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายใน 2H61, 5. โครงการแอร์พอร์ตซิตี้และสุวรรณภูมิเฟส 2 ช่วยสร้างกำไรในระยะยาว แนะซื้อ ให้ TP 75 บาท
วิเคราะห์เทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1805-1810, (1820) จุด ต่ำกว่า 1795 จุดลดพอร์ตตาม สำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น S, ESSO, AP, AOT, SAT, TIPCO, BWG ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ MAJOR, PTTEP, TWPC, SCC, KWG, SOLAR หุ้นที่หลุด List คือ KTB, MINT และหุ้นที่แนะนำไปแล้วให้หาจังหวะ Take profit คือ AJ, VNT, MBK, MEGA, GPSC, VGI, CPALL
ปัจจัยต่างประเทศ
• ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลในตะกร้าเงินยืนระดับ 90.38 สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 90.066
# CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐพบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 มี.ค.
+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : หุ้นพลังงานหนุนตลาดบวก
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด หรือ +0.27% โดยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 2%
# แต่...หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 (ร่วงราว 11% ใน 2 วันทำการ) เพราะมีรายงานว่าคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนกรณีการล้วงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้บริการ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทางบริษัททำไว้กับทาง FTC ในปี 2554 หรือไม่ ทางด้านนายดาเมียน คอลลินส์ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ ได้ส่งหนังสือฉบับหนึ่งถึงนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เพื่อให้เขาเข้าชี้แจงต่อทางการอังกฤษ กรณีที่เฟซบุ๊กมีความเกี่ยวข้องกับแคมบริดจ์ อนาลิติกา โดยมีข่าวว่าแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นกว่า 2%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 63.40 ดอลลาร์/บาร์เรล และ BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 67.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
# สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นกว่า 2% อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุดิอารเบียซึ่งต่างก็เป็นสมาชิกกลุ่ม โอเปก และมีคาดการณ์ว่าเวเนซุเอลาอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อไปอีกเพราะกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ หลังลดการผลิตลงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2548 สู่ระดับต่ำกว่า 2 ล้านบาร์เรล/วันไปแล้ว
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาร่วงก่อนประชุมเฟดแต่ยังไม่หลุด 1300 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.9 ดอลลาร์ หรือ -0.45% ปิดที่ 1,311.9 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
• สหรัฐ : เมื่อ 21 มี.ค.เฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และส่งสัญญาณปรับขึ้น 3 ครั้งในปีนี้และปี 62
# คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.2558 และเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า และ 2 ครั้งในปี 2563
# เฟดปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ 2.5% และได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจในปีหน้าสู่ระดับ 2.9% จากเดิมที่ระดับ 2.7% ส่วนการขยายตัวในปี 2563 คาดว่าจะชะลอตัวสู่ 2% ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.8%
- สหรัฐ : ประธานเฟดระบุว่านโยบายการค้าของทรัมป์สร้างความกังวลต่อภาคธุรกิจ
# ประธานเฟดแถลงการณ์หลังประชุม FOMC เมื่อวานนี้ว่ากรรมการเฟดหลายคนในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ได้หยิบยกประเด็นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์มาพูดคุยในการประชุมครั้งนี้ สรุปได้ว่า “แม้การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าอาจจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่กรรมการเฟดหลายคนเปิดเผยว่าหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับบรรดาผู้นำในภาคธุรกิจทั่วประเทศ พบว่านโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐได้กลายมาเป็นปัจจัยที่สร้างความวิตกกังวลต่อภาคธุรกิจ" โดยประเด็นนี้อาจสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และอาจทำให้เกิดการตอบโต้ทางการค้าเป็นวงกว้าง
+ สหรัฐ : ยอดขายบ้านมืองสองก.พ.เพิ่มขึ้นดีเกินคาด
# ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. +3.0% เทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.54 ล้านยูนิต จากระดับ 5.38 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.5%
- ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อยหลังเฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 24,682.31 จุด -44.96 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,711.93 จุด -5.01 จุด หรือ -0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,345.29 จุด -19.02 จุด หรือ -0.26% โดยตลาดปรับขึ้นในช่วงแรกหลังเฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดไว้ แต่ดัชนีอ่อนตัวลงและปิดลบเมื่อ Bond yield สหรัฐปรับขึ้น
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมัน WTI ปิดเพิ่มขึ้นอีก 2.6-3.0%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 65.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 2.05 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 69.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
# มีสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิหร่านและซาอุดิอารเบียซึ่งต่างเป็นสมาชิกกลุ่มโอเปก หลังจากซาอุดิอาระเบียได้ออกมาโจมตีว่าข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำไว้กับชาติมหาอำนาจในปี 2558 เป็นข้อตกลงที่มีข้อบกพร่อง และซาอุดิอาระเบียประกาศว่าอาจจะพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตนเองหากอิหร่านยังคงเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองพุ่งขึ้นหลังจบการประชุมเฟด
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 9.6 ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,321.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจบการประชุมเฟดดัชนีค่าเงิน US$ ก็อ่อนลงมายัง 89.91 ซึ่งเป็นบวกกับราคาทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
+ ส่งออกเดือนก.พ. เติบโต 10.3%YoY เกินดุลการค้า 807 ล้านเหรียญสหรัฐ
# กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขส่งออกเดือนก.พ.61 ว่ามีมูลค่า 20,365 ล้านเหรียญสหรัฐ (+10.3%YoY) ส่วนนำเข้ามีมูลค่า 19,557 ล้านเหรียญสหรัฐ (+16%YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 807 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเติบโตส่งออกมากจากการส่งออกสินค้าประเภทน้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์&พลาสติก คอมพิวเตอร์&อุปกรณ์ รถยนต์&อุปกรณ์ ข้าว มันสำปะหลัง (แต่ราคาส่งออกยางพาราและน้ำตาลลดลงทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าสองรายการนี้หดตัว)
# ช่วง 2 เดือนแรกของปี 61 (ม.ค.-ก.พ.61) ส่งออกมีมูลค่า 40,466 ล้านเหรียญสหรัฐ (+13.8%YoY) และนำเข้ามีมูลค่า 39,778 ล้านเหรียญสหรัฐ (+20.1%YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 688.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
-/• ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนก.พ.ลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน
# ส.อ.ท.เปิดเผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ.อยู่ที่ 89.9 ลดลงจาก 91.0 ในเดือนม.ค.และเป็นการลดลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน ผลจาก SME กังวลต้นทุนการผลิตที่จะสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ รวมถึงความผันผวนค่าเงินบาทและมาตรการกีดกันทางการค้าที่มากขึ้น
# อย่างไรก็ตาม ดัชนีเชื่อมั่นฯคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้ายังปรับขึ้นได้เป็น 102.2 จาก 101.1 ในเดือนม.ค.61
+ Window dressing ช่วงปลายเดือนมี.ค.เพื่อปิดงบฯ ไตรมาส 1/61
# นักลงทุนมีความหวังว่าจะมีการทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1/61 (Window dressing) จากนักลงทุนสถาบันในช่วงสัปดาห์สุดท้าย โดยหุ้นที่อยู่ในข่ายที่จะทำราคาปิดมักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ (Big cap) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO6856