WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


“ผลประชุม Fed ไม่มี surprise”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  เรามองว่าตลาดในวันนี้เคลื่อนไหวในลักษณะ sideway โดยผลการประชุม FOMC เมื่อคืนที่ผ่านมา Fed ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด dot plot ที่ใช้ชี้วัดมุมมองของ voting member พบว่า ปัจจุบันมุมมองสมาชิก FED ยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้งและค่อนข้างเอนเอียงไปทาง 4 ครั้ง ซึ่งตลาดดาวโจนส์ตอบสนองต่อข่าวดังกล่าวในเชิงลบ อย่างไรก็ตาม ตลาดจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง +2.6% จากสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล  ....  ปัจจัยในประเทศ ส่งออกเติบโตที่ +10.3% ในขณะที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ +9.3% ด้านตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ +15.4% และ ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ก.พ. อยู่ที่ 3.57 ล้านคน (+19% YoY) ถือว่าเติบโตได้ดีตามที่คาดไว้

กลยุทธ์การลงทุน:
  มองตลาดเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway การเข้าเก็งกำไรยังแนะนำเป็นลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำสำหรับการเก็งกำไรในช่วงสั้น เป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน-ปิโตรเคมี และ กลุ่มที่ได้รับผลบวกจากส่งออกที่เติบโตสูงและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ออกมาดี ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว และ ส่งออก (เฉพาะสินค้าเกษตร-อาหาร)… ทั้งนี้  หุ้นที่ติด most active ที่เราแนะนำซื้อ ประกอบด้วย PTTEP*, AOT, CPALL, BEAUTY
  หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: GFPT, BEC*, BGRIM*
  หุ้นแนะนำทางเทคนิค: TIPCO, LPN, GFPT
 * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
 หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTTEP* : (ราคาปิด 116.00 บาท)
  PTTEP เป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกโดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นมาในช่วงนี้ ซึ่งมีแรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล  อีกทั้ง PTTEP ยังมีแผนการลงทุนบ่อน้ำมันเพิ่มเติมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย
(+) GFPT : (ราคาปิด 14.10 บาท)
  เรามองว่าตัวเลขส่งออกที่ประกาศออกมาวานนี้เป็นบวกต่อ GFPT มากที่สุด โดยไก่สดแช่แข็งปรับตัวขึ้นถึง +20.4% โดยเรามองราคาที่ปรับตัวลงมาเป็นจุด bottom ของ GFPT.... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 22.00 บาท
(+) AOT : (ราคาปิด 68.50 บาท)
  จำนวนท่องเที่ยวเติบโตเดือน ก.พ. ถึง +19% เป็นบวกต่อ AOT โดยเราคาดว่าผลการดำเนินงานงวด 2Q18 (ม.ค.-มี.ค.2018) ยังมีทิศทางเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว และปีก่อนยังได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 77.00 บาท
(+) BEAUTY : (ราคาปิด 21.40 บาท)
  เราเลือก BEAUTY ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดย BEAUTY ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีน เดือนก.พ. 2018 เพิ่มขึ้น +52% YoY อีกทั้งยังคาดการณ์การเติบโตช่วง 1Q18 ในระดับสูง .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 25.00 บาท
 หุ้นมีประเด็น
(+) IVL (ซื้อ/ราคา 70.00 บาท) ประกาศปิดดีลใหญ่ ซื้อกิจการในอเมริกา ผุดโรงงานผลิต PTA-PET ใหญ่ที่สุดในโลก
   IVL เปิดเผยว่า ขณะนี้ Indorama Ventures Holdings LP (IVHLP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า Corpus Christi Polymers LLC (CC Polymers) โดยร่วมลงทุนกับบริษัท Alpek, S.A.B. de C.V. (Alpek) และบริษัท Far Eastern Investment (Holding) Ltd. (Far Eastern) ในสัดส่วนที่เท่ากันสำหรับบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ได้ลงนามในสัญญาซื้อทรัพย์สินกับบริษัท M&G USA Corp. และลูกหนี้ที่เกี่ยวข้อง (M&G) เพื่อเข้าซื้อทรัพย์สินของโรงงาน PTA-PET แบบบูรณาการ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ตั้งอยู่ที่เมือง (Corpus Christi) มลรัฐเท็กซัสสหรัฐอเมริกา (โครงการคอร์ปัส คริสตี) ทั้งนี้ ในปัจจุบัน อยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะมีกำลังการผลิต PET อยู่ที่ 1.1 ล้านเมตริกตัน และมีกำลังการผลิต PTA อยู่ที่ 1.3 ล้านเมตริกตันต่อปี สำหรับเงื่อนไขของบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่เป็นดังนี้ 1.คู่สัญญาทุกฝ่ายจะต้องจัดสรรทรัพยากรให้แก่บริษัท CC Polymers เพื่อให้โครงการคอร์ปัส คริสตีแล้วเสร็จ อย่างมีประสิทธิผลและเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด 2.Alpek, IVHLP และ Far Eastern แต่ละรายมีสิทธิที่จะได้รับผลิตภัณฑ์ PTA และ PET จำนวนหนึ่งในสามของกำลังการผลิตทั้งหมดเมื่อโครงการคอร์ปัสคริสตี เสร็จสิ้น
  ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว โดยสัดส่วนของ IVL อยู่ที่ 1/3 เบื้องต้นข้อมูลจาก Far Eastern ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนแจ้งว่า ใช้เงินลงทุนประมาณ 375 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็น EV/ton ที่ประมาณ 340 เหรียญ IVL ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลละเอียดของบริษัทเป้าหมายมากนัก แต่หากใช้การซื้อกิจการของ IVL ที่ผ่านมาซึ่ง EV/EBITDAอยู่ที่ 5-6 เท่า คาดว่า EBITDA/ton จะอยู่ที่107-110เหรียญต่อตันซึ่งใกล้เคียงกับอดีตที่ผ่านมาที่ EBITDA/ton ประมาณ 100 เหรียญ แต่ในอเมริกา EBITDA/ton จะอยู่ที่ 130 เหรียญ อนึ่งบริษัทมีเงินเพียงพอในการซื้อกิจการ เพราะมีเงินคงเหลือปลายปี 2017 ที่ 6.9 พันล้านบาท รวมกับเงินจาก IVL W2 อีก 7.1 พันล้านบาท ทำให้มีเงินในมืออยู่ 14 พันล้านบาท เพียงพอที่จะซื้อกิจการมูลค่า 11-12 พันล้าน การซื้อกิจการที่ Corpus Christi ซึ่งมีผลFUต่อการเติบโตของ IVLซึ่งโรงงานแห่งนี้คาดว่าจะเป็นโรงงานผลิต PTA และ PET แบบบูรณาการในแนวดิ่ง (Vertically Integrated) ที่ใหญ่ในโลก และเป็นโรงงานผลิต PTA ที่ใหญ่ในทวีปอเมริกา สเปรดของ West PET อยู่ในระดับที่ดีที่ 230-240 เหรียญ เราอาจปรับคำแนะนำหรือประมาณการณ์หลังพบผู้บริหารอีกครั้ง เบื้องต้นยังคงแนะนำ “ซื้อ” IVL ราคาเป้าหมาย 66บาท      
(+) BANK สินเชื่อเดือน ก.พ. 2018 เติบโตได้ดีจากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก
  ภาพรวมสินเชื่อเดือน ก.พ. 2018 ทั้ง 9 ธนาคารที่เรา cover อยู่ที่ 9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นได้ 0.7% MoM โดยธนาคารที่มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ SCB เพิ่มขึ้นได้ 1.4% MoM  จากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก รองลงมาเป็น KBANK จากสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนทั้งรายใหญ่และ SME ส่วนรายย่อยปรับตัวลดลงจากบัตรเครดิตที่ลดลงตามฤดูกาล ส่วนธนาคารที่สินเชื่อหดตัวลงมีเพียงธนาคารเดียวคือ TISCO ลดลง 0.1% สาเหตุหลักมาจากสินเชื่อจาก SCBT ที่ลดลงในสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต ขณะที่สินเชื่อรวม 2M18 ลดลงเล็กน้อย 0.1% YTD โดยมี KKP ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดเช่นกันที่ 2.6% YTD จากสินเชื่อรายใหญ่และ SME รองลงมาเป็น SCB เพิ่มขึ้น 1.2% YTD ส่วนภาพรวมของเงินฝากในเดือน ก.พ. 2018 อยู่ที่ระดับ 11.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% MoM (ที่มา: ข้อมูลบริษัท)
  ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารที่มีการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อได้ดี โดยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อรายใหญ่ ซึ่งเราคาดว่า ส่วนหนึ่งมาจากภาคเอกชนที่เริ่มมีการเบิกจ่ายในโครงการภาครัฐออกมาใช้บางส่วน ส่วนเงินฝากค่อนข้างทรงตัว ทำให้เรามองว่า สภาพคล่องในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้หลายธนาคารยังไม่ได้รีบในการหาเงินฝาก โดยในกลุ่มธนาคาร เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุนที่ “เท่ากับตลาด” เลือก KBANK และ TMB เป็น Top pick โดยเราชอบ KBANK ในแง่ของการตั้งสำรองค่าเผื่อฯและ NPL ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ส่วน TMB จะมีกำไรสุทธิในปี 2018 จะโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร และเป็นธนาคารที่มีความพร้อมในการเป็น Digital Banking โดยใช้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าคู่แข่งเพราะได้ลงทุนมาก่อนหน้านี้แล้ว
 (-) ETRON ส่งออกไทยภาพรวมเติบโต แต่กลุ่มอิเล็กฯ หดตัวลง เหตุเพราะค่าเงินแข็ง
  โดยภาพรวมอุตสาหกรรมส่งออกของไทยในเดือน ก.พ. 18 ออกมาที่ 20,336 ล้านเหรียญฯ เติบโต 10.3% YoY และ 1.3% MoM อย่างไรก็ตามกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลับหดตัวลง โดยส่งออก PCB เดือน ก.พ. 18 อยู่ที่ 37.54 ล้านเหรียญฯ ลดลง 0.9% YoY และ 8.9% MoM ส่วนส่งออก IC เดือน ก.พ. 18 ออกมาที่ 593 ล้านเหรียญฯ ลดลง 4.1% YoY และ 3.5% MoM
ความเหตุ: เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นลบเล็กน้อยต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากการส่งออกหดตัวลง YoY เราคาดค่าเงินบาทส่งผลกระทบต่อการส่งออกของกลุ่ม โดยค่าเงิน USDTHB ใน 1Q18 แข็งค่าขึ้นราว 10% YoY อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาหุ้นของกลุ่มได้ลงมารับประเด็นดังกล่าวบ้างแล้ว ปัจจุบันเราแนะนำ ถือ สำหรับ HANA, KCE, SMT และ SVI ที่ราคาเหมาะสม 38, 80, 3.6 และ 4.7 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) AUTO ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.พ. ทำได้ดีต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 15.4% YoY
  ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.พ.2018 ทำได้ดีต่อเนื่องที่ 1.78 แสนคัน เพิ่มขึ้น 15.4% YoY และ 7.2% MoM โดยได้ผลบวกจากทั้งยอดขายรถยนต์ในประเทศและส่งออกที่เติบโตขึ้น 10.3% YoY และ 4.1% YoY ตามลำดับ และรวมงวดเดือน ม.ค.-ก.พ.2018  ยอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 3.44 แสนคัน เพิ่มขึ้น 12.3% YoY โดยเรายังประเมินยอดผลิตรถยนต์ทั้งปี 2018 จะอยู่ที่ 2.05 - 2.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 3% -6% YoY สำหรับภาพรวมกำไรปกติกลุ่มยานยนต์ในปี 2018 คาดเติบโต 16.2% YoY โดย AH จะเติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มที่ 27% YoY จากผลบวกการเข้าลงทุนใน SGAH นอกจากนั้น เราคาดว่ากำไรสุทธิงวด 1Q18 จะยังคงเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง ตามภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ที่มีทิศทางฟื้นตัว เรายังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มยานยนต์เป็น Neutral หุ้น Top Pick ได้แก่ AH ราคาเป้าหมาย 42 บาท และ SAT ราคาเป้าหมาย 22 บาท
(+) TOURISM จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดือน ก.พ. ทำสถิติสูงสุดใหม่
  ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.พ. 2018 อยู่ที่ 3.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19% YoY โดยนักท่องเที่ยวจีนยังคงมีสัดส่วนสูงสุดราว 34% ขณะที่ในเดือน ก.พ. 2018 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.2 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นได้ถึง 52% YoY เนื่องจากเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวซาอุดิอารเบียและยูเออีมีการปรับตัวลดลง 19% และ 16% YoY ตามลำดับ เนื่องจากการเริ่มใช้ VAT ที่ 5%ทำให้มีการชะลอการเดินทางลง ทั้งนี้ เราปรับน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวลงมาที่ “เท่ากับตลาด” จาก “มากกว่าตลาด” เนื่องจากกำลังจะผ่านช่วง Peak season ในช่วง 1Q18 ประกอบกับ กำลังเข้าสู่ช่วง Low season ใน 2Q-3Q18 แต่อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดีจะส่งผลให้กำไรใน 1Q18 ของกลุ่มเติบโตได้ดี โดยเราชอบ ERW (ราคาเป้าหมายที่ 10 บาท) และ AOT (ราคาเป้าหมายที่ 77 บาท)
 
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]

OO6848

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!