- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 22 March 2018 16:37
- Hits: 1566
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Energy Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดบวกในช่วงเช้าก่อนที่จะค่อยๆแกว่ง Sideways อ่อนตัวลงมาและปิดทรงตัว ณ สิ้นวันตามคาด โดยตลาดต่างรอดูผลการประชุม FOMC แรงขายส่วนใหญ่ยังคงมาจากนักลงทุนต่างชาติราว 1.1 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแรงติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่ผลการประชุม FOMC มีมติขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด โดยทั้งปี 2018 คาดว่าจะยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง แต่จาก Dot Plot ล่าสุดมีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับขึ้นเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง ส่วนประมาณการเศรษฐกิจปี 2018-2019 มีการปรับเพิ่มการเติบโตซึ่งแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดีของ FED เรามองว่าบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมดูผ่อนตลายขึ้นแต่ระยะนี้ยังเน้นกลุ่ม Domestic Play หรือกลุ่มพลังงานเป็นหลัก เนื่องจากยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนในประเด็นการค้าโลก
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน//ระยะกลาง-ยาวถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$239ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลออกจากเกาหลีใต้ US$112ล้าน ส่วนไทยมีเงินทุนไหลออก US$35ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$9ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค หลัง Fed มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามตลาดคาด และส่งสัญญาณปรับขึ้น 3 ครั้งในปีนี้, 3 ครั้งในปี 2019 และอีก 2 ครั้งในปี 2020
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PTTEP <<
แนะนำซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ราคาเป้าหมาย 125 บาท จากแรงหนุนทั้งราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น และประเด็นเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
แนวโน้มกำไร 1Q18 ยังดีต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ การเข้าซื้อโครงการบงกชเพิ่มจาก 22.22% เป็น 66.67% จะทำให้ปริมาณสำรองเพิ่มขึ้น และคาดหนุนปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50% เมื่อผลิตเต็มปี เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +30% Y-Y อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ.
ค่า Basis ใน PTTEPM18 และ Spread คู่ PTTEPH18M18 ที่กว้างขึ้น สะท้อนว่าเริ่มมีการ Roll Over ฝั่ง Long ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวก ที่อาจกระตุ้นให้เกิดการ Cover Short ตามมา
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดบวกในช่วงเช้าก่อนที่จะค่อยๆแกว่ง Sideways อ่อนตัวลงมาและปิดทรงตัว ณ สิ้นวันตามคาด โดยตลาดต่างรอดูผลการประชุม FOMC แรงขายส่วนใหญ่ยังคงมาจากนักลงทุนต่างชาติราว 1.1 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแรงติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่ผลการประชุม FOMC มีมติขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ตามคาด โดยทั้งปี 2018 คาดว่าจะยังขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง แต่จาก Dot Plot ล่าสุดมีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับขึ้นเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง ส่วนประมาณการเศรษฐกิจปี 2018-2019 มีการปรับเพิ่มการเติบโตซึ่งแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ดีของ FED เรามองว่าบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมดูผ่อนตลายขึ้นแต่ระยะนี้ยังเน้นกลุ่ม Domestic Play หรือกลุ่มพลังงานเป็นหลัก เนื่องจากยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนในประเด็นการค้าโลก
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน//ระยะกลาง-ยาวถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$239ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ยังไหลออกจากเกาหลีใต้ US$112ล้าน ส่วนไทยมีเงินทุนไหลออก US$35ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเวียดนาม US$9ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค หลัง Fed มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามตลาดคาด และส่งสัญญาณปรับขึ้น 3 ครั้งในปีนี้, 3 ครั้งในปี 2019 และอีก 2 ครั้งในปี 2020
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PTTEP <<
แนะนำซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ราคาเป้าหมาย 125 บาท จากแรงหนุนทั้งราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น และประเด็นเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
แนวโน้มกำไร 1Q18 ยังดีต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ การเข้าซื้อโครงการบงกชเพิ่มจาก 22.22% เป็น 66.67% จะทำให้ปริมาณสำรองเพิ่มขึ้น และคาดหนุนปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50% เมื่อผลิตเต็มปี เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +30% Y-Y อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ.
ค่า Basis ใน PTTEPM18 และ Spread คู่ PTTEPH18M18 ที่กว้างขึ้น สะท้อนว่าเริ่มมีการ Roll Over ฝั่ง Long ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวก ที่อาจกระตุ้นให้เกิดการ Cover Short ตามมา
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ผลประชุม FOMC เป็นไปตามตลาดคาด ที่ดีมากคือ ยังคง Dot Plot ไว้เท่าเดิม และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าขึ้นปีละ 0.2% เป็น 2.7% และ 2.9% ตามลำดับ ตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ตอบรับเชิงบวก เงินดอลล่าร์นิ่ง เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากนี้แรงกดดันด้านการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะลดลง แต่ Upside จะถูกจำกัดเป็นระยะจากประเด็นสงครามการค้าโลก
(0) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น อีก 3% รวม 2 วันปรับขึ้น 6% จากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯของ EIA ที่ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทั้ง PTT และ PTTEP แต่ถ้าจะเก็งกำไร PTTEP ดูน่าสนใจกว่า เพราะ laggard ทั้ง YTD และช่วง 6 เดือนถึง 1 ปีที่ผ่านมา
(+) ส่งออกเดือน ก.พ. ดีกว่าตลาดคาด +10.3% Y-Y เป็น US$2.04 หมื่นล้านถือเป็นระดับที่สูง หลักๆมาจากการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วน ข้าว สินค้าปิโตรเคมี ที่โดดเด่น ตลาดคู่ค้าขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ +41% Y-Y เป็น US$2.4 พันล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภาพรวมส่งออก 2M18 +13.8% Y-Y และเกินดุลการค้า US$688 ล้าน (หนุนบาทแข็ง) แต่เกินดุลน้อยลงจาก 2M17 ที่เกินดุล US$2.4 พันล้าน เพราะการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ
(+) ยอดผลิตรถยนต์เพิ่มต่อเนื่อง ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ ก.พ. 18 เพิ่มขึ้นทั้ง M-M และ Y-Y ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อยู่ที่ 178,237 คัน (+7% M-M, +10% Y-Y) ได้แรงหนุนทั้งจากยอดส่งออก +25% M-M, +4% Y-Y อยู่ที่ 102,217 คัน และยอดขายในประเทศ +13% M-M, +10% Y-Y ยอดผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่ง สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศที่จะตามมา และเป็นบวกกับกลุ่มยานยนต์ แต่เรายังคงน้ำหนัก Neutral เพราะ Valuation ตึงตัว ยังคงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาวใน PCSGH ราคาเป้าหมาย 13 บาท
(+) BGRIM เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยคาดกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 2018-2022 จะเพิ่มเฉลี่ย 12.8% ต่อปี (CAGR) และจะหนุนต่อการเติบโตของกำไรปกติในอัตราเฉลี่ย 22% ต่อปี (CAGR) ในช่วงดังกล่าว โดยคาดกำไรปกติในปีนี้จะโตสูงเกือบ 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันลบ. จากโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 3 โรงมีกำหนดทยอย COD ตั้งแต่ 1Q18 อีกทั้ง ยังมีจุดเด่นด้านกระแสเงินสดค่อนข้างมั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2018 ที่ 32 บาท (SOTP) และมี Upside จากโอกาสการลงทุนโครงการใหม่ เช่น โครงการ Solar ในเวียดนาม ที่มีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นในกลางปีนี้ แนะนำซื้อ
(+) ผลประชุม FOMC เป็นไปตามตลาดคาด ที่ดีมากคือ ยังคง Dot Plot ไว้เท่าเดิม และปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้และปีหน้าขึ้นปีละ 0.2% เป็น 2.7% และ 2.9% ตามลำดับ ตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ตอบรับเชิงบวก เงินดอลล่าร์นิ่ง เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย หลังจากนี้แรงกดดันด้านการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะลดลง แต่ Upside จะถูกจำกัดเป็นระยะจากประเด็นสงครามการค้าโลก
(0) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น อีก 3% รวม 2 วันปรับขึ้น 6% จากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯของ EIA ที่ลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทั้ง PTT และ PTTEP แต่ถ้าจะเก็งกำไร PTTEP ดูน่าสนใจกว่า เพราะ laggard ทั้ง YTD และช่วง 6 เดือนถึง 1 ปีที่ผ่านมา
(+) ส่งออกเดือน ก.พ. ดีกว่าตลาดคาด +10.3% Y-Y เป็น US$2.04 หมื่นล้านถือเป็นระดับที่สูง หลักๆมาจากการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วน ข้าว สินค้าปิโตรเคมี ที่โดดเด่น ตลาดคู่ค้าขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ +41% Y-Y เป็น US$2.4 พันล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภาพรวมส่งออก 2M18 +13.8% Y-Y และเกินดุลการค้า US$688 ล้าน (หนุนบาทแข็ง) แต่เกินดุลน้อยลงจาก 2M17 ที่เกินดุล US$2.4 พันล้าน เพราะการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อการบริโภคและการลงทุนในประเทศ
(+) ยอดผลิตรถยนต์เพิ่มต่อเนื่อง ส.อ.ท. รายงานยอดผลิตรถยนต์ ก.พ. 18 เพิ่มขึ้นทั้ง M-M และ Y-Y ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อยู่ที่ 178,237 คัน (+7% M-M, +10% Y-Y) ได้แรงหนุนทั้งจากยอดส่งออก +25% M-M, +4% Y-Y อยู่ที่ 102,217 คัน และยอดขายในประเทศ +13% M-M, +10% Y-Y ยอดผลิตรถยนต์ที่แข็งแกร่ง สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศที่จะตามมา และเป็นบวกกับกลุ่มยานยนต์ แต่เรายังคงน้ำหนัก Neutral เพราะ Valuation ตึงตัว ยังคงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาวใน PCSGH ราคาเป้าหมาย 13 บาท
(+) BGRIM เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการขยายกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยคาดกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในปี 2018-2022 จะเพิ่มเฉลี่ย 12.8% ต่อปี (CAGR) และจะหนุนต่อการเติบโตของกำไรปกติในอัตราเฉลี่ย 22% ต่อปี (CAGR) ในช่วงดังกล่าว โดยคาดกำไรปกติในปีนี้จะโตสูงเกือบ 40% Y-Y อยู่ที่ 2.4 พันลบ. จากโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 3 โรงมีกำหนดทยอย COD ตั้งแต่ 1Q18 อีกทั้ง ยังมีจุดเด่นด้านกระแสเงินสดค่อนข้างมั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2018 ที่ 32 บาท (SOTP) และมี Upside จากโอกาสการลงทุนโครงการใหม่ เช่น โครงการ Solar ในเวียดนาม ที่มีแนวโน้มชัดเจนมากขึ้นในกลางปีนี้ แนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
- อังกฤษ: ประชุม BOE
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
27 มี.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
(0) ตลาดสหรัฐเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยหลังการขึ้นดอกเบี้ย 0.25%ของFED ในขณะที่ Bond Yield อายุ 2 และ 10 ปีปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนผิดหวังกับถ้อยแถลงที่คาดว่าจะ hawkish มากกว่านี้
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสานหลังนักลงทุนรอดูการแถลงนโยบายของพรรครัฐบาลเยอรมันและธนาคารกลางของอังกฤษ
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นหลังมีการคาดการณ์ว่ากำไรหุ้นกลุ่มธนาคารจีนในปีนี้จะสูงสุดในรอบ 3 ปีและจะยังดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
() ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท จากยอดเกินดุลการค้าของประเทศไทยที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.15-31.20 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้นอีก 1.63 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 65.17 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการลดลงของสต็อคน้ำมันดิบในสหรัฐที่สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,321.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการอ่อนค่าลงของดอลลาร์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6845
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
- อังกฤษ: ประชุม BOE
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
27 มี.ค.- สหรัฐฯ: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มี.ค.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
(0) ตลาดสหรัฐเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยหลังการขึ้นดอกเบี้ย 0.25%ของFED ในขณะที่ Bond Yield อายุ 2 และ 10 ปีปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนผิดหวังกับถ้อยแถลงที่คาดว่าจะ hawkish มากกว่านี้
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสานหลังนักลงทุนรอดูการแถลงนโยบายของพรรครัฐบาลเยอรมันและธนาคารกลางของอังกฤษ
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นหลังมีการคาดการณ์ว่ากำไรหุ้นกลุ่มธนาคารจีนในปีนี้จะสูงสุดในรอบ 3 ปีและจะยังดีอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
() ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท จากยอดเกินดุลการค้าของประเทศไทยที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.15-31.20 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้นอีก 1.63 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 65.17 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการลดลงของสต็อคน้ำมันดิบในสหรัฐที่สวนทางกับที่ตลาดคาดไว้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 9.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,321.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังการอ่อนค่าลงของดอลลาร์
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6845