- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 20 March 2018 17:34
- Hits: 2768
RJH แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 31.00 บ.
Stock : RJH
Price : 24.60
Target Price : 31.00
Rating : BUY
Stock : RJH
Price : 24.60
Target Price : 31.00
Rating : BUY
หลุมหลบภัยตัวใหม่...นะออเจ้า
ผู้นำ รพ. เอกชนรายใหญ่สุดในจ. อยุธยา ที่มีศักยภาพโตดีหลังเพิ่มศักยภาพบริการต่อเนื่อง
RJH มีรพ. ในเครือ 2 แห่งซึ่งมีเตียงจดทะเบียนรวม 353 เตียง สูงสุดใน จ.อยุธยา แบ่งเป็น รพ. ราชธานี (จดทะเบียน 253 เตียง และมีเตียงบริการจริง 187 เตียง) และรพ. ราชธานีโรจนะ "RRH" (จดทะเบียน 100 เตียง และมีเตียงบริการจริง 32 เตียง) ทั้งนี้ RJH มีลูกค้าหลักทั้งเงินสดและประกันสังคม (SC) อีกทั้งมีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ บางปะอิน, ไฮเทค, สหรัตนนคร, โรจนะ ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและขยายตัวตามภาคอุตสาหกรรม โดยปี 2560 RJH มีอัตราใช้บริการจริงของ IPD และ OPD อยู่ที่ 80.5% และ 80.4% ตามลำดับ ขณะที่สิ้นปี 2560 มีผู้ประกันตน(SC) ลงทะเบียนราว 1.68 แสนคน จากโควต้าที่ได้รับราว 2.01 แสนคน
RJH มีรพ. ในเครือ 2 แห่งซึ่งมีเตียงจดทะเบียนรวม 353 เตียง สูงสุดใน จ.อยุธยา แบ่งเป็น รพ. ราชธานี (จดทะเบียน 253 เตียง และมีเตียงบริการจริง 187 เตียง) และรพ. ราชธานีโรจนะ "RRH" (จดทะเบียน 100 เตียง และมีเตียงบริการจริง 32 เตียง) ทั้งนี้ RJH มีลูกค้าหลักทั้งเงินสดและประกันสังคม (SC) อีกทั้งมีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ บางปะอิน, ไฮเทค, สหรัตนนคร, โรจนะ ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและขยายตัวตามภาคอุตสาหกรรม โดยปี 2560 RJH มีอัตราใช้บริการจริงของ IPD และ OPD อยู่ที่ 80.5% และ 80.4% ตามลำดับ ขณะที่สิ้นปี 2560 มีผู้ประกันตน(SC) ลงทะเบียนราว 1.68 แสนคน จากโควต้าที่ได้รับราว 2.01 แสนคน
กรองแล้ว...ปีนี้คาดกำไรโต 12.2%YoY หลังมีหลายปัจจัยบวกที่ช่วยเอื้อการเติบโต
ปี 2561 เราคาด RJH มีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท โต 12.2%YoY จากรายได้ค่ารักษาที่คาดโต 12%YoY ด้วยแรงหนุนจาก 1) การโตของกลุ่มเงินสด หลังมีแผนรุกตลาดตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนนอกสถานที่ พร้อมมีแผนเพิ่มอัตรารักษาโรคซับซ้อนด้วยการผ่าตัดส่องกล้องและขยายกำลังให้บริการ อาทิ ตั้งแต่กลาง ม.ค. 61 เปิดศูนย์ MRI แห่งแรกในจ.อยุธยา (ตั้งเป้ามีผู้ป่วย 160 รายต่อเดือน โดยกลาง ม.ค.-กลางมี.ค. มีผู้ป่วยแล้ว 186 ราย), ช่วง 3Q61 จะเพิ่ม IPD ที่ RJH และ RRH อีก 23 เตียงและ 16 เตียง ตามลำดับ, ช่วง 4Q61 ศูนย์ล้างไตที่ RJH จะเพิ่มจาก 27 units เป็น 43 units ซึ่งจะคิดค่าบริการ 2-3 พันบาท สูงกว่า Units เดิมที่มีค่าบริการ 1.5-1.8 พันบาท 2) จะรับรู้ผลเต็มปีการขึ้นค่าบริการของ SC และสิ้นปีนี้คาดมีผู้ประกันตนเพิ่ม 7%YoY เป็น 1.8 แสนคน ส่วนเคสส่งต่อผู้ป่วยหัวใจที่ใช้สิทธิบัตรทองของ รพ. ภัทร-ธนบุรีที่ลดลงตั้งแต่ช่วง 4Q60 มองไม่กระทบต่อกำไร เพราะมีรายได้เพียงปีละ 13 ล้านบาท คิดเป็น 0.9% ของค่ารักษารวม อีกทั้งบริษัทได้เร่งหาตลาดกลุ่มเงินสดและ SC ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีมาร์จิ้นดีกว่ามาทดแทน และ 3) จะรับรู้ผลดำเนินงานของ RRH ได้เต็มที่หลังดีลเข้าซื้อหุ้นที่เหลือ 46.07% ของ RRH (ปัจจุบันถือ 53.93%) คาดแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. 61 ซึ่งคาด RRH จะมีกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง หลังปี 2559-2560 มีกำไรปกติ 1.8 ล้านบาท และ 26.8 ล้านบาท ตามลำดับ
เริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 31 บาท และมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.)
เราเริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" ด้วยเหตุผล 1) เป็นผู้นำ รพ. เอกชนในจ.อยุธยา ซึ่งช่วง 2 ปีนี้คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 11.7% หลังเพิ่มศูนย์เฉพาะทางและกำลังบริการต่อเนื่อง 2) ฐานะการเงินแกร่ง โดยแม้การซื้อหุ้น RRH ที่เหลือจะใช้เงินราว 435 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกู้ยืม 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลื่อมาจากเงินสดในกิจการ แต่ไม่น่ากังวลเพราะสิ้นปี 2560 มี Net Cash 666 ล้านบาท และแทบไม่มีหนี้ทีมีดอกเบี้ยจ่ายเลย อีกทั้งคาดมี CFO ปีละ 300 ล้านบาท จึงมีศักยภาพกู้ยืมสูงและพอรองรับแผนสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ 9 ชั้นซึ่งใช้งบลงทุน 600 ล้านบาทและคาดเปิดบริการกลางปี 2563 และ 3) ปัจจุบันเทรด PER ปี 61 ที่ 28.4x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 36x และราคาหุ้นยังมี Upside 26% จากพื้นฐานปี 2561 ที่ 31 บาท (วิธี DCF) พร้อมมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. yield 1.3%
ปี 2561 เราคาด RJH มีกำไรสุทธิ 260 ล้านบาท โต 12.2%YoY จากรายได้ค่ารักษาที่คาดโต 12%YoY ด้วยแรงหนุนจาก 1) การโตของกลุ่มเงินสด หลังมีแผนรุกตลาดตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนนอกสถานที่ พร้อมมีแผนเพิ่มอัตรารักษาโรคซับซ้อนด้วยการผ่าตัดส่องกล้องและขยายกำลังให้บริการ อาทิ ตั้งแต่กลาง ม.ค. 61 เปิดศูนย์ MRI แห่งแรกในจ.อยุธยา (ตั้งเป้ามีผู้ป่วย 160 รายต่อเดือน โดยกลาง ม.ค.-กลางมี.ค. มีผู้ป่วยแล้ว 186 ราย), ช่วง 3Q61 จะเพิ่ม IPD ที่ RJH และ RRH อีก 23 เตียงและ 16 เตียง ตามลำดับ, ช่วง 4Q61 ศูนย์ล้างไตที่ RJH จะเพิ่มจาก 27 units เป็น 43 units ซึ่งจะคิดค่าบริการ 2-3 พันบาท สูงกว่า Units เดิมที่มีค่าบริการ 1.5-1.8 พันบาท 2) จะรับรู้ผลเต็มปีการขึ้นค่าบริการของ SC และสิ้นปีนี้คาดมีผู้ประกันตนเพิ่ม 7%YoY เป็น 1.8 แสนคน ส่วนเคสส่งต่อผู้ป่วยหัวใจที่ใช้สิทธิบัตรทองของ รพ. ภัทร-ธนบุรีที่ลดลงตั้งแต่ช่วง 4Q60 มองไม่กระทบต่อกำไร เพราะมีรายได้เพียงปีละ 13 ล้านบาท คิดเป็น 0.9% ของค่ารักษารวม อีกทั้งบริษัทได้เร่งหาตลาดกลุ่มเงินสดและ SC ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งมีมาร์จิ้นดีกว่ามาทดแทน และ 3) จะรับรู้ผลดำเนินงานของ RRH ได้เต็มที่หลังดีลเข้าซื้อหุ้นที่เหลือ 46.07% ของ RRH (ปัจจุบันถือ 53.93%) คาดแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. 61 ซึ่งคาด RRH จะมีกำไรดีขึ้นต่อเนื่อง หลังปี 2559-2560 มีกำไรปกติ 1.8 ล้านบาท และ 26.8 ล้านบาท ตามลำดับ
เริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 31 บาท และมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.)
เราเริ่มต้นแนะนำ "ซื้อ" ด้วยเหตุผล 1) เป็นผู้นำ รพ. เอกชนในจ.อยุธยา ซึ่งช่วง 2 ปีนี้คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 11.7% หลังเพิ่มศูนย์เฉพาะทางและกำลังบริการต่อเนื่อง 2) ฐานะการเงินแกร่ง โดยแม้การซื้อหุ้น RRH ที่เหลือจะใช้เงินราว 435 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกู้ยืม 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลื่อมาจากเงินสดในกิจการ แต่ไม่น่ากังวลเพราะสิ้นปี 2560 มี Net Cash 666 ล้านบาท และแทบไม่มีหนี้ทีมีดอกเบี้ยจ่ายเลย อีกทั้งคาดมี CFO ปีละ 300 ล้านบาท จึงมีศักยภาพกู้ยืมสูงและพอรองรับแผนสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ 9 ชั้นซึ่งใช้งบลงทุน 600 ล้านบาทและคาดเปิดบริการกลางปี 2563 และ 3) ปัจจุบันเทรด PER ปี 61 ที่ 28.4x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 36x และราคาหุ้นยังมี Upside 26% จากพื้นฐานปี 2561 ที่ 31 บาท (วิธี DCF) พร้อมมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. yield 1.3%
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK
แกว่งตัวลงต่อ! .. ดัชนี SET วานนี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนีแกว่งตัวในลักษณะโค้งลง ย่ำตัวอยู่แดนลบตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงท้ายตลาดมีแรงขายเพิ่มขึ้นส่งผลดัชนีปิดสิ้นวัน 1,799.79 จุด ปรับลดลง 11.97 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 5.1 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดเริ่มกลับมาอ่อนแออีกครั้ง หลังจาก SET ยังไม่สามารถยืนทะลุแนวต้าน 1,820 จุด ตรงข้ามกลับย่อตัวแรงวกกลับไปเทรดต่ำกว่าระดับดัชนี 1,800 จุดอีกครั้ง โดยในกราฟ 120 นาที เริ่มฟ้องอาการอ่อนตัว กลุ่มแท่งเทียนบริเวณแนวต้าน 1,820 จุด ส่งสัญญาณเชิงลบด้วยการทำหางยาว Long- Leg-Upper Shadow ส่วนทางเทคนิค ทั้ง RSI ที่โค้งตัวต่ำลงกว่า 50% เข้าสู่ Negative Zone และ MACD เริ่มโค้งตัวลงต่ำกว่า Signal Line ทำให้เรามองว่าวันนี้ มีโอกาสที่ดัชนี SET พักตัวลงต่อ โดยมองว่าดัชนีจะแกว่งตัวลงปิด GAP UP ที่ 1,775 จุด อย่างไรก็ดีเรามองว่าตลาดเริ่มมีความผันผวนสูงขึ้น ฉะนั้นแนะนำลดพอร์ตการลงทุนถือเงินสด ระมัดระวังแนวรับสุดท้าย 1,760 จุด หากหลุดมองลงต่อแรง
แกว่งตัวลงต่อ! .. ดัชนี SET วานนี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนีแกว่งตัวในลักษณะโค้งลง ย่ำตัวอยู่แดนลบตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงท้ายตลาดมีแรงขายเพิ่มขึ้นส่งผลดัชนีปิดสิ้นวัน 1,799.79 จุด ปรับลดลง 11.97 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 5.1 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดเริ่มกลับมาอ่อนแออีกครั้ง หลังจาก SET ยังไม่สามารถยืนทะลุแนวต้าน 1,820 จุด ตรงข้ามกลับย่อตัวแรงวกกลับไปเทรดต่ำกว่าระดับดัชนี 1,800 จุดอีกครั้ง โดยในกราฟ 120 นาที เริ่มฟ้องอาการอ่อนตัว กลุ่มแท่งเทียนบริเวณแนวต้าน 1,820 จุด ส่งสัญญาณเชิงลบด้วยการทำหางยาว Long- Leg-Upper Shadow ส่วนทางเทคนิค ทั้ง RSI ที่โค้งตัวต่ำลงกว่า 50% เข้าสู่ Negative Zone และ MACD เริ่มโค้งตัวลงต่ำกว่า Signal Line ทำให้เรามองว่าวันนี้ มีโอกาสที่ดัชนี SET พักตัวลงต่อ โดยมองว่าดัชนีจะแกว่งตัวลงปิด GAP UP ที่ 1,775 จุด อย่างไรก็ดีเรามองว่าตลาดเริ่มมีความผันผวนสูงขึ้น ฉะนั้นแนะนำลดพอร์ตการลงทุนถือเงินสด ระมัดระวังแนวรับสุดท้าย 1,760 จุด หากหลุดมองลงต่อแรง
STRATEGY
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำขายถือเงินสดหาก SET รีบาวด์แนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด ส่วนกรณีไม่มีหุ้น แนะนำถือเงินสดก่อนรอสัญญาณการกลับตัว
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นขายถือเงินสด หาก SET รีบาวด์โดยมีแนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด กรณีไม่มีหุ้นเริ่ม แนะนำถือเงินสด รอดัชนีปรับฐานเสร็จ
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำขายถือเงินสดหาก SET รีบาวด์แนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด ส่วนกรณีไม่มีหุ้น แนะนำถือเงินสดก่อนรอสัญญาณการกลับตัว
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นขายถือเงินสด หาก SET รีบาวด์โดยมีแนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด กรณีไม่มีหุ้นเริ่ม แนะนำถือเงินสด รอดัชนีปรับฐานเสร็จ
SECTOR ALERT
SECTOR ALERT! สัปดาห์ของกลุ่มท่องเที่ยว! Sector Alert วันนี้แนะนำจับตากลุ่มท่องเที่ยว TOURISM เป็นกลุ่มที่อาจย่อตัวลงต่อ หลังสัปดาห์ก่อนหน้านี้ปรับตัวรีบาวด์ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ดี กราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนียังไม่สามารถสร้าง Higher High ได้ ตรงข้ามกลับสร้าง Higher Low ใหม่ จึงช่วยยืนยันการแกว่งตัวตาม Downtrend Channel ต่อไป ประกอบกับทางเทคนิค RSI โค้งตัวลงต่ำกว่า 50% เข้าสู่ Negative Zone เป็นสัญญาณเชิงลบที่สนับสนุนมุมมองข้างต้น โดยมี STOCK ALERT ดังนี้ CENTEL (แนวรับ: 42.75 บาท) และ ERW (แนวรับ 7.30 บาท)
SECTOR ALERT! สัปดาห์ของกลุ่มท่องเที่ยว! Sector Alert วันนี้แนะนำจับตากลุ่มท่องเที่ยว TOURISM เป็นกลุ่มที่อาจย่อตัวลงต่อ หลังสัปดาห์ก่อนหน้านี้ปรับตัวรีบาวด์ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ดี กราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนียังไม่สามารถสร้าง Higher High ได้ ตรงข้ามกลับสร้าง Higher Low ใหม่ จึงช่วยยืนยันการแกว่งตัวตาม Downtrend Channel ต่อไป ประกอบกับทางเทคนิค RSI โค้งตัวลงต่ำกว่า 50% เข้าสู่ Negative Zone เป็นสัญญาณเชิงลบที่สนับสนุนมุมมองข้างต้น โดยมี STOCK ALERT ดังนี้ CENTEL (แนวรับ: 42.75 บาท) และ ERW (แนวรับ 7.30 บาท)
STOCK HUNTER
Point of view ซื้อย่อ เพื่อรอเบรกอัพ! Stock Hunter วันนี้เลือก FN หลังจากราคาดีดตัวขึ้นมาจาก Bottom กราฟรายวัน เกิดสัญญาณเชิงบวกสนับสนุนทั้งจาก RSI > 50 เข้าสู่ Positive Zone และ MACD ตัดเหนือเส้น Signal Line ที่สำคัญการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น FN ฟอร์มตัวคล้ายกับ Price Pattern แบบ V-shape ทำให้เราจับจ้องเจ้า FN เป็นพิเศษ โดยเรามองเป้าหมายของ V-shape รอบนี้ที่ 5.00 บาท ยังคงมี Upside อยู่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ให้แนวรับ 4.08 บาท อย่างไรก็ดี หากไม่เป็นตามคาด ราคาวกกลับไหลหลุด 3.90 บาท ให้ Cut Loss ทิ้งก่อน
Point of view ซื้อย่อ เพื่อรอเบรกอัพ! Stock Hunter วันนี้เลือก FN หลังจากราคาดีดตัวขึ้นมาจาก Bottom กราฟรายวัน เกิดสัญญาณเชิงบวกสนับสนุนทั้งจาก RSI > 50 เข้าสู่ Positive Zone และ MACD ตัดเหนือเส้น Signal Line ที่สำคัญการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น FN ฟอร์มตัวคล้ายกับ Price Pattern แบบ V-shape ทำให้เราจับจ้องเจ้า FN เป็นพิเศษ โดยเรามองเป้าหมายของ V-shape รอบนี้ที่ 5.00 บาท ยังคงมี Upside อยู่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ให้แนวรับ 4.08 บาท อย่างไรก็ดี หากไม่เป็นตามคาด ราคาวกกลับไหลหลุด 3.90 บาท ให้ Cut Loss ทิ้งก่อน
อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองระยะสั้นดัชนีลงต่อ!!!
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % เท่ากับ Spot ส่งผลให้ Basis ทรงตัวจากวันทำการก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -3.0 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +0.38 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.2 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.8 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.11 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.03 ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.26x พร้อมกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.20x ลดลงจากวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis:เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Short 3,116 สัญญา ใน Index Futures พร้อมกับขายสุทธิในตลาดหุ้น 1,025 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เพิ่มเป็น 55,841 ล้านบาท
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % เท่ากับ Spot ส่งผลให้ Basis ทรงตัวจากวันทำการก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -3.0 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ +0.38 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.2 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.8 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.11 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.03 ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.26x พร้อมกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.20x ลดลงจากวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis:เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Short 3,116 สัญญา ใน Index Futures พร้อมกับขายสุทธิในตลาดหุ้น 1,025 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เพิ่มเป็น 55,841 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: คาดลงต่อเข้าหากรอบล่าง Sideway!!!
เมื่อวานนี้ S50H18 เปิดทรงตัวแต่ช่วงบ่ายทิ้งตัวลงจนปิด -7.9 จุด โดยทั้งสัปดาห์นี้ดัชนียังคงต้องระวังแรงขาย เพราะ Indicator ระยะสั้น (กราฟ 120 นาที) บ่งชี้ถึง Sell Signal ดังนี้ 1) หลังค่า MACD ตัดค่า Signal ลง ปัจจุบันทั้งคู่ได้โค้งลงต่อเนื่อง และ 2) RSI ปรับลดลงต่อเนื่อง จนเข้าสู่เขต Negative Zone (<50%) ดังนั้นมองสัปดาห์นี้ดัชนีจะยังคงปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับตรง Gap Up ที่เคยเปิดทิ้งไว้ 1,174.5 จุด และแนวรับตรงกรอบล่าง Sideway ที่ 1,170 จุด
เมื่อวานนี้ S50H18 เปิดทรงตัวแต่ช่วงบ่ายทิ้งตัวลงจนปิด -7.9 จุด โดยทั้งสัปดาห์นี้ดัชนียังคงต้องระวังแรงขาย เพราะ Indicator ระยะสั้น (กราฟ 120 นาที) บ่งชี้ถึง Sell Signal ดังนี้ 1) หลังค่า MACD ตัดค่า Signal ลง ปัจจุบันทั้งคู่ได้โค้งลงต่อเนื่อง และ 2) RSI ปรับลดลงต่อเนื่อง จนเข้าสู่เขต Negative Zone (<50%) ดังนั้นมองสัปดาห์นี้ดัชนีจะยังคงปรับตัวลงต่อ โดยมีแนวรับตรง Gap Up ที่เคยเปิดทิ้งไว้ 1,174.5 จุด และแนวรับตรงกรอบล่าง Sideway ที่ 1,170 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: Hold Short คาดหวังดัชนีลงทดสอบแนวรับที่ 1,174.5 และ 1,170 จุด ตามลำดับ พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากสูงกว่า 1,195 จุด
Outright Trading: Hold Short คาดหวังดัชนีลงทดสอบแนวรับที่ 1,174.5 และ 1,170 จุด ตามลำดับ พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากสูงกว่า 1,195 จุด
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Trading Idea: FN
Trading Idea: FN
Connect the World- (P.2)
สหรัฐฯ ปิดลบ หลังมีข่าวการล้วงข้อมูลผู้ใช้ Facebook กว่า 50 ล้านคน
สหรัฐฯ ปิดลบ หลังมีข่าวการล้วงข้อมูลผู้ใช้ Facebook กว่า 50 ล้านคน
Market Outlook
วันนี้คาด SET แกว่งตัวระหว่าง 1,785-1,810 จุด โดยมองดัชนีย่อตัวลงก่อนแล้วค่อยทยอยดีดขึ้นด้วยกรอบจำกัด หลังมีแรงกดดันจากความกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ และรอจับตาผลประชุมเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ เพื่อดูมุมมอง ศก.สหรัฐฯและการปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้
วันนี้คาด SET แกว่งตัวระหว่าง 1,785-1,810 จุด โดยมองดัชนีย่อตัวลงก่อนแล้วค่อยทยอยดีดขึ้นด้วยกรอบจำกัด หลังมีแรงกดดันจากความกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ และรอจับตาผลประชุมเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ เพื่อดูมุมมอง ศก.สหรัฐฯและการปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้
Market Factors
(-) ตลาดหุ้น DJIA ปิด -1.35%DoD หลังวิตกข่าวล้วงข้อมูลของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กโดยไม่ได้รับอนุญาตและกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ รวมทั้งรอผลประชุมของเฟดในวันพุธนี้
(-) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด -0.4%DoD หลังมีรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
(+/-) วันนี้ติดตาม ครม. พิจารณาแผนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อม 3 สนามบินในโครงการ EEC มูลค่า 2 แสน ลบ. เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญ อาทิ สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จาก API ของสหรัฐฯ, เงินเฟ้อ ก.พ .ของอังกฤษ
(-) ตลาดหุ้น DJIA ปิด -1.35%DoD หลังวิตกข่าวล้วงข้อมูลของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กโดยไม่ได้รับอนุญาตและกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐฯ รวมทั้งรอผลประชุมของเฟดในวันพุธนี้
(-) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด -0.4%DoD หลังมีรายงานแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
(+/-) วันนี้ติดตาม ครม. พิจารณาแผนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อม 3 สนามบินในโครงการ EEC มูลค่า 2 แสน ลบ. เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญ อาทิ สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จาก API ของสหรัฐฯ, เงินเฟ้อ ก.พ .ของอังกฤษ
Investment Strategy
แม้ภาพตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนจากกังวลปัญหาการเมืองของสหรัฐฯ และรอดูผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดแต่ด้วยพื้นฐาน ศก.ไทยยังมีความแข็งแกร่งและส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จึงทำให้เราคงแนะนำกลยุทธ์ "Selective Buy" หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวสูงและดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น : PTT, PTTEP, PTTGC
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กสทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, ERW
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้น XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
แม้ภาพตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนจากกังวลปัญหาการเมืองของสหรัฐฯ และรอดูผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดแต่ด้วยพื้นฐาน ศก.ไทยยังมีความแข็งแกร่งและส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จึงทำให้เราคงแนะนำกลยุทธ์ "Selective Buy" หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวสูงและดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น : PTT, PTTEP, PTTGC
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กสทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, ERW
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้น XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
Fundamental Reports
ANAN (BUY:[email protected]): บริษัทแจ้งเลื่อนโอน Ashton อโศกออกไปเดือน มี.ค.62 หลังไม่ได้รับใบรับรองการก่อสร้างและเปิดใช้อาคารส่งผลให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 61 โดยภายใต้ประมาณการใหม่ปี 61 คาดกำไรยังโต 29.6%YoY และโตต่อ 50.1%YoY จากทยอยโอน 33 โครงการที่จะเริ่มโอนและอยู่ระหว่างโอนด้วย Backlog 4.7 หมื่น ลบ. อีกทั้งช่วงที่ผ่านมามองราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบแล้วจนมี Upside 19.6% จึงแนะนำ "ซื้อ"
ANAN (BUY:[email protected]): บริษัทแจ้งเลื่อนโอน Ashton อโศกออกไปเดือน มี.ค.62 หลังไม่ได้รับใบรับรองการก่อสร้างและเปิดใช้อาคารส่งผลให้เราปรับลดประมาณการกำไรปี 61 โดยภายใต้ประมาณการใหม่ปี 61 คาดกำไรยังโต 29.6%YoY และโตต่อ 50.1%YoY จากทยอยโอน 33 โครงการที่จะเริ่มโอนและอยู่ระหว่างโอนด้วย Backlog 4.7 หมื่น ลบ. อีกทั้งช่วงที่ผ่านมามองราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบแล้วจนมี Upside 19.6% จึงแนะนำ "ซื้อ"
Market Talk and News
BCH ([email protected]): ช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรโต YoY เด่นสุดในกลุ่มจากรับรู้ผลเต็มปีขึ้นค่าบริการประกันสังคมบวกกับมีกำลังให้บริการที่เพิ่มขึ้นและการระบาดของโรคต่างๆในช่วงต้นปีหนุนอัตราใช้บริการกลุ่มเงินสดอีกทั้ง WMC คาดผลดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องหนุนปี 61 คาดกำไรโต 14.8%YoY + Upside 9.4% และมีปันผล 0.12 บาท (XD 9 พ.ค.)
FN (BUY:Consensus [email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 72.8%YoY จากแผนหาสินค้าInternational Brand เข้ามาจำหน่ายมากขึ้นพร้อมกับแผนทำตลาดสินค้าแบรนด์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกทั้งปีนี้มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ช่องทางจำหน่ายสินค้าแบบออนไลน์เป็น 5% จากปี 60 ที่ 1-2% + ราคาหุ้นยังมี Upside 24.0% จึงแนะนำ "ซื้อ"
BCH ([email protected]): ช่วง 1Q61-2Q61 คาดกำไรโต YoY เด่นสุดในกลุ่มจากรับรู้ผลเต็มปีขึ้นค่าบริการประกันสังคมบวกกับมีกำลังให้บริการที่เพิ่มขึ้นและการระบาดของโรคต่างๆในช่วงต้นปีหนุนอัตราใช้บริการกลุ่มเงินสดอีกทั้ง WMC คาดผลดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องหนุนปี 61 คาดกำไรโต 14.8%YoY + Upside 9.4% และมีปันผล 0.12 บาท (XD 9 พ.ค.)
FN (BUY:Consensus [email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 72.8%YoY จากแผนหาสินค้าInternational Brand เข้ามาจำหน่ายมากขึ้นพร้อมกับแผนทำตลาดสินค้าแบรนด์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกทั้งปีนี้มีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ช่องทางจำหน่ายสินค้าแบบออนไลน์เป็น 5% จากปี 60 ที่ 1-2% + ราคาหุ้นยังมี Upside 24.0% จึงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BCH, SYMC
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BCH, SYMC
AECS - Fundamental and Strategic Team
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO6737
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO6737