- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 March 2018 19:43
- Hits: 5953
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อ/ถือเมื่อ SET ไม่หลุด 1800”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : THAI (จาก Fully Valued เป็นถือ), ANAN (จากซื้อเป็น Fully Valued)
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : นักลงทุนยังคงกังวลกับความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐ หลังปธน.ทรัมป์สั่งปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ต่อจากการปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน จากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเมื่อหลายวันก่อน และมีข่าวว่าอาจจะปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวออกจากตำแหน่งด้วยรวมทั้งวิตกว่าอาจจะเกิดสงครามการค้าหลังทรัมป์กดดันจีนให้ลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐลง 1 แสนล้านUS$ และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนฯ โทรคมนาคม และสินค้าบริโภคจากจีน 6 หมื่นล้านUS$ ด้วย สำหรับในประเทศ ยังเป็นการเลือกลงทุนตามข่าว & ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายบริษัทเป็นหลัก ส่วนปัจจัยที่มีน้ำหนักช่วงนี้เป็นเรื่องการขึ้น XD และการทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1 (Window dressing) สำหรับการเมืองไทย แม้สนช.จะมีการเข้าชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกม.ลูกว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.แต่คาดว่าประเด็นนี้จะไม่กระทบการเลือกตั้ง ปัจจัยติดตามสัปดาห์นี้ คือ ผลการประชุมเฟด 20-21 มี.ค.นี้เพื่อจับทิศทางดอกเบี้ยในระยะต่อไป สำหรับรอบนี้ตลาดคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% (เป็น 1.75%) ทั้งนี้ US 10-year bond yield ปรับขึ้นเป็น 2.855% Dollar index ขยับขึ้นสู่ระดับ 90.275 หุ้น Update วันนี้เป็น ANAN- เราปรับคำแนะนำเป็น Fully Valued (เดิมซื้อ) เนื่องจากมีปัญหาการโอนคอนโดแอชตัน อโศก (มูลค่า 6.7 พันล้านบาท) และอาจต้องใช้เวลาในกระบวนการศาลอีกนาน เราจึงเอารายได้ & กำไรโครงการนี้ออกจากประมาณการก่อน ทำให้คาดการณ์กำไรปี 61/62 ลดลง 24% และ 10% ปรับราคาพื้นฐานเป็น 4.0 บาท
วิเคราะห์เทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1820-1830 จุด ต่ำกว่า 1800 จุดลดพอร์ตตามสำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น MBK, PTTEP, BCH, TWPC, GFPT, WP, HANA ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ AEONTS, TOP, AJ, MCOT, KTB, MAJOR, VNT หุ้นที่หลุด List คือ BLA, CENTEL และหุ้นที่แนะนำไปแล้วให้หาจังหวะ Take profit คือ CPALL, INTUCH, PTTGC
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.เพิ่มแข็งแกร่ง และการผลิตภาคอุตสาหกรรมโตขึ้นต่อเนื่อง
# ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 102 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 99.3 และสูงกว่าระดับ 99.9 ในเดือนก.พ.
# การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3% โดยได้แรงหนุนจากภาคก่อสร้าง, ภาคพลังงาน และเหมืองแร่
- สหรัฐ : วิตกความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ
# ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ตัดสินใจปลดพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ รวมทั้งอาจมีการปลดพล.อ.จอห์น เคลลี หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาวออกจากตำแหน่งด้วย
# ก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา
- สหรัฐ : กังวลผลกระทบจากสงครามการค้า
# วิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ, โทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีน ในวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกดดันให้จีนปรับลดยอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐลง 1 แสนล้านดอลลาร์ด้วย
• สหรัฐ : จับตาผลประชุมเฟด 20-21 มี.ค.นี้
# ติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้ ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย.และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
+/• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนีปิดเพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก
# ดัชนี DJIA ปิด 24,946.51 จุด +72.85 จุด หรือ +0.29% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด 2,752.01 จุด +4.68 จุด หรือ +0.17% และดัชนี Nasdaq ปิด 7,481.99 จุด +0.25 จุด นับว่าตลาดปรับขึ้นไม่มาก แม้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคแข็งแกร่ง แต่ก็กังวลการเมืองในสหรัฐและสงครามการค้าที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์
+/• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นกว่า 1%
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 62.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 66.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หนุนโดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นยังจำกัดเพราะอุปทานที่เพิ่มจากสหรัฐยังกดดันเป็นระยะ
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาอ่อนลง 0.4%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1312.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลงราว 0.9%
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
+ TKS (ราคาปิด 11.30 บาท) : จะทำเทนเดอร์ฯ TBSP @ 15.70 บาท/หุ้น
# ผู้บริหาร TKS กล่าวว่าทางบริษัทจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ หรือเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ หุ้น TBSP ราคาหุ้นละ 15.70 บาท/หุ้น(ราคาปิดของ TBSP ล่าสุดเท่ากับ 15.80 บาท) เพื่อเข้าไปถือหุ้น 70-80% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ 19.89% โดยเงินที่ใช้ทำเทนเดอร์ฯ มาจากการกู้ยืมและเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 60 ล้านหุ้น สัดส่วน 6.0034 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 10 บาท ขึ้น XR ไปแล้วเมื่อ 21 ก.พ.61 ชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน 20-26 มี.ค.61 ทั้งนี้ทาง TKS ไม่มีแผนนำ TBSP ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน
# ทาง TKS เชื่อว่าการเข้าซื้อกิจการ TBSP ก็เพื่อให้เกิด Synergies ทางธุรกิจ และทำให้ TKS มีกำไรเพิ่มขึ้นจากการทำงบการเงินรวมกับ TBSP (ซึ่งในปี 60 ทาง TBSP มีรายได้ 1.35 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท EPS 0.91 บาท/หุ้น และ TKS มีรายได้ 1.65 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 336 ล้านบาท EPS 0.93 บาท/หุ้น) ในด้านกลยุทธ์ธุรกิจทาง TBSP ได้ปรับตัวไปเน้นธุรกิจผลิตฉลากอัจฉริยะ และบริการบริหารฐานข้อมูล & ระบบสื่อสารลูกค้าองค์กร ส่วนTKS ก็เน้นธุรกิจบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค
# การเพิ่มทุนของ TKS มี Dilution effect 14.3% เราคาดว่าการเติบโตของกำไรหลังซื้อกิจการและทำงบการเงินรวมกับ TBSP จะพอๆกันกับ Dilution ที่เกิดขึ้น ทำให้ EPS ปีนี้ของ TKS จะเติบโตไม่มาก แต่คาดว่าดีลนี้จะเป็นผลดีในระยะยาวและทำให้ EPS บริษัทขยายตัวได้ในระยะยาว
# TKS ประกาศปันผลสำหรับ 2H60 เท่ากับ 0.52 บาท/หุ้น ขึ้น XD 23 มี.ค.61 ณ ราคาปิด 11.30 บาท คิดเป็น Dividend yield 4.6%
• การเมืองไทย : 30 สนช.ยื่นเรื่องให้ส่งตีความกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. คาดยื่นศาลฯ วันนี้ (19 มี.ค.61)
# นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่าได้รับรายชื่อสมาชิกสนช.จำนวน 30 รายชื่อเพื่อขอให้ประธานสนช.ส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งวุฒิสภา (ส.ว.) ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในบทเฉพาะกาลแล้ว โดยคาดว่าจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในวันที่ 19 มี.ค.นี้ คาดศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยฯได้ภายเวลาไม่เกิน 1 เดือน
# ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.นั้น นายพรเพชรกล่าวว่าจะส่งร่างไปให้นายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 19 มี.ค.นี้ ทั้งนี้นายพรเพชร ยืนยันว่าร่างกฎหมายลูกส.ส. สนช.จะไม่ยื่นตีความเพราะหากยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญจะกระทบต่อโรดแมพเลือกตั้งแน่นอน เนื่องจากไม่มีเวลา 90 วันมารองรับเหมือนร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.
+ Window dressing ช่วงปลายเดือนมี.ค.เพื่อปิดงบไตรมาส 1
# นักลงทุนมีความหวังว่าจะมีการทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 1/61 (Window dressing) จากนักลงทุนสถาบันในช่วงสัปดาห์สุดท้าย โดยหุ้นที่อยู่ในข่ายที่จะทำราคาปิดมักเป็นหุ้นขนาดใหญ่ (Big cap) ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO6662