- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 March 2018 17:54
- Hits: 1386
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังแกว่งตัว Sideways ออกข้างตามคาดโดยไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น โดยตลาดต่างรอติดตามการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อ 1.1 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างติดตามการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่เป็น 1.50-1.75% แต่ที่ต้องจับตาคือถ้อยแถลงของประธาน FED และ Dot plot ว่าจะส่งสัญญาณทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอย่างไร รวมถึงการเจรจาของยุโรป จีน และญี่ปุ่นขอยกเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมินัมของทรัมป์ จากกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ที่ยังจำกัด ทำให้เรามองว่าหุ้นที่ยัง Laggard ดูน่าสนใจในการเข้าลงทุนในระยะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Domestic Play เนื่องจากต่างประเทศยังมีประเด็นความกังวลทั้งด้านการค้าและการเมือง
กลยุทธ์ : เก็งกำไร Laggard Play//ระยะกลาง-ยาวถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$108ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$255ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$75ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$46ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคและปริมาณน่าจะเบาบางรอผลประชุม Fed สัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> KBANK <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 264 บาท
เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ จะเติบโต Y-Y ทุกไตรมาส จากแรงกดดันของการตั้งสำรองที่ลดลง โดยเฉพาะ Credit cost ที่จะต่ำสุดในรอบ 3 ปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคุณภาพหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 4.08 หมื่นลบ. +19% Y-Y
ราคาหุ้นปรับตัวลง 4% YTD สวนทาง Bank Index ที่ขึ้น 0.4% YTD ขณะที่ ยอด Short Sales เฉลี่ยต่อวัน มี.ค. 18 ลดลงชัดเจน โดยคิดเป็นเพียง 33% ของค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 109 ลบ.
กลยุทธ์วันนี้ >> Laggard Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ยังแกว่งตัว Sideways ออกข้างตามคาดโดยไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น โดยตลาดต่างรอติดตามการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.4 พันลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อ 1.1 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังคงแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างติดตามการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่เป็น 1.50-1.75% แต่ที่ต้องจับตาคือถ้อยแถลงของประธาน FED และ Dot plot ว่าจะส่งสัญญาณทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอย่างไร รวมถึงการเจรจาของยุโรป จีน และญี่ปุ่นขอยกเว้นการขึ้นภาษีเหล็กและอลูมินัมของทรัมป์ จากกรอบการเคลื่อนไหวของ SET ที่ยังจำกัด ทำให้เรามองว่าหุ้นที่ยัง Laggard ดูน่าสนใจในการเข้าลงทุนในระยะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Domestic Play เนื่องจากต่างประเทศยังมีประเด็นความกังวลทั้งด้านการค้าและการเมือง
กลยุทธ์ : เก็งกำไร Laggard Play//ระยะกลาง-ยาวถือต่อ
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$108ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$255ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$75ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$46ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคและปริมาณน่าจะเบาบางรอผลประชุม Fed สัปดาห์นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> KBANK <<
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 264 บาท
เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ จะเติบโต Y-Y ทุกไตรมาส จากแรงกดดันของการตั้งสำรองที่ลดลง โดยเฉพาะ Credit cost ที่จะต่ำสุดในรอบ 3 ปี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคุณภาพหนี้ที่แข็งแกร่งขึ้น โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 4.08 หมื่นลบ. +19% Y-Y
ราคาหุ้นปรับตัวลง 4% YTD สวนทาง Bank Index ที่ขึ้น 0.4% YTD ขณะที่ ยอด Short Sales เฉลี่ยต่อวัน มี.ค. 18 ลดลงชัดเจน โดยคิดเป็นเพียง 33% ของค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 109 ลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กสทช.ผ่อนผัน TRUE-ADVANC โดยแบ่งชำระค่างวดคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี เตรียมเสนอครม. 27 มี.ค.นี้ เป็นบวกต่อ ADVANC แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 220 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง TRUE แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 6.50
(+) ADB เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท อิง PE ที่ 20 เท่า ราคาปัจจุบันแม้จะปรับขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อคิดเป็น PE2018 ยังต่ำเพียง 14 เท่า และ PEG ที่ 0.7 เท่า ปัจจัยหนุนระยะสั้นอยู่ที่แนวโน้มกำไรสุทธิที่ยังเติบโตสูง โดยเฉพาะ 1Q18 ที่คาดพลิกมาเป็นกำไรสุทธิ 18 ลบ. จากขาดทุน 0.3 ลบ. ใน 1Q17 เพราะตลาดพีวีซีคอมปาวด์ที่ใช้ในสายไฟฟื้นตัว ขณะที่ กาวและยาแนว แม้ยอดส่งออกจะถูกกระทบจากเงินบาทแข็งอยู่บ้าง แต่ความต้องการของลูกค้าตะวันออกกลางยังเติบโตสูง และที่สำคัญคือต้นทุนการผลิตทั้งหมดเริ่มอ่อนตัวลง ส่วนปัจจัยหนุนระยะยาว จะเริ่มใน 2H18 จากการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ให้กลุ่มโชวะ เราคาดกำไรทั้งปีนี้เพิ่มขึ้น 139% Y-Y อยู่ที่ 69 ลบ. และคาดปันผลสูงราว 4-5% ต่อปี (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ ADB)
(+) ASK จะบันทึกเงินสำรองฯของมาตรฐานบัญชีใหม่ผ่านกำไรสะสมใน Equity ซึ่งทำให้ไม่กระทบต่องบกำไรขาดทุน เรามองเป็นบวกต่อวิธีดังกล่าว แม้ว่าจะทำให้ D/E Ratio ตึงตัวขึ้น แต่ยังไม่เกิน Confortable level และไม่กระทบต่อเงินปันผล แต่ทำให้ ROE ดีขึ้นเล็กน้อย และ Coverage ratio เพิ่มเป็น > 100% เราคงคาดการณ์กำไรปี 2018 ที่ 766 ลบ. +2.8% Y-Y ราคาหุ้นอาจ Underperform กลุ่มในช่วง 1H18 นี้เพราะ Dividend effect (จ่ายปีละครั้ง ล่าสุดประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1.48 บาท Yield วันก่อน XD อยู่ที่ราว 6%) แต่เราเห็นเป็นโอกาสสะสม และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ ราคาเป้าหมาย 26.20 บาท
(+) TKS-SYNEX ผู้บริหารแถลงแผนการดำเนินธุรกิจของทั้ง 3 บริษัทในเครือ (TKS TBSP SYNEX) ซึ่งเรามองบวกทั้งในส่วนของ TKS และ TBSP ที่จะมี Synergy จากการรวมกัน และแนวโน้มกำไรปีนี้ของ TKS เองจะฟื้นตัวจากการมี event ใหญ่ในการพิมพ์ไปรษณียบัตรฟุตบอลโลก ต่างจากปีก่อนที่ไม่มี ส่วน SYNEX ยังตั้งเป้าเพิ่มการเป็นตัวแทนค้าส่งสินค้าไอทีอีก 4-5 แบรนด์ และคาดรายได้โตอีก 13% Y-Y อยู่ที่ 3.7 หมื่นลบ. ก่อนจะแตะ 5 หมื่นลบ. ในปี 2020 อีกทั้ง ยังเน้นเพิ่มมาร์จิ้นมากขึ้น หลังสามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิแตะ 2% ได้ใน 4Q17 เรามีแนวโน้มปรับกำไรปีนี้ขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่น่ากระทบราคาเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท ส่วน TKS และ TBSP เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ แต่ Valuation ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต Upside ยังจำกัด
(+) TACC บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10% Y-Y โดยจะเริ่มวางขายเครื่องดื่มโถกดสูตรใหม่น้ำตาลน้อยใน 7-11 ตั้งแต่ 2Q18 และจะวางขายเครื่องดื่มช็อคโกแลต Hershey’s เป็นโถกดถาวรด้วย รวมถึงการที่บริษัทได้รับ License ให้เป็นตัวแทนให้สิทธิ์ใช้ตัวการ์ตูน Rilakkuma ครอบคลุม 7 ประเทศ เป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2Q18 เราคาดว่าการโตของธุรกิจในประเทศจะช่วยชดเชยการแผ่วลงของธุรกิจในกัมพูชาได้ทั้งหมด ส่วนตลาดจีนยังติดปัญหาบางส่วน ทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้าออกไป เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ +11% Y-Y อยู่ที่ 125 ลบ. ระยะสั้น คาดกำไร 1Q18 ไม่สดใส แต่จะกลับมาโตดีตั้งแต่ 2Q18 ยังคงราคาเป้าหมายที่ 6 บาท และคงคำแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 มี.ค.- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดุลการค้า (ม.ค.)
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทส่งออกและบริษัทข้ามชาติ
(-) ตลาดหุ้นเอเชียยังคงได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากประเด็นทางการเมือง ในขณะที่ตลาดยังคอยจับตาดูการขึ้นดำรงตำแหน่งของนาย Yi Gang (ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนคนใหม่) หลังนาย Zhou Xiaochuan เกษียณอายุลง
() ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท ปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังการเพิ่มขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่งผลบวกต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 5.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,312.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐกดดันความต้องการถือครองทองคำ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6652
(+) กสทช.ผ่อนผัน TRUE-ADVANC โดยแบ่งชำระค่างวดคลื่น 900 MHz เป็นเวลา 5 ปี เตรียมเสนอครม. 27 มี.ค.นี้ เป็นบวกต่อ ADVANC แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 220 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง TRUE แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 6.50
(+) ADB เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท อิง PE ที่ 20 เท่า ราคาปัจจุบันแม้จะปรับขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อคิดเป็น PE2018 ยังต่ำเพียง 14 เท่า และ PEG ที่ 0.7 เท่า ปัจจัยหนุนระยะสั้นอยู่ที่แนวโน้มกำไรสุทธิที่ยังเติบโตสูง โดยเฉพาะ 1Q18 ที่คาดพลิกมาเป็นกำไรสุทธิ 18 ลบ. จากขาดทุน 0.3 ลบ. ใน 1Q17 เพราะตลาดพีวีซีคอมปาวด์ที่ใช้ในสายไฟฟื้นตัว ขณะที่ กาวและยาแนว แม้ยอดส่งออกจะถูกกระทบจากเงินบาทแข็งอยู่บ้าง แต่ความต้องการของลูกค้าตะวันออกกลางยังเติบโตสูง และที่สำคัญคือต้นทุนการผลิตทั้งหมดเริ่มอ่อนตัวลง ส่วนปัจจัยหนุนระยะยาว จะเริ่มใน 2H18 จากการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ให้กลุ่มโชวะ เราคาดกำไรทั้งปีนี้เพิ่มขึ้น 139% Y-Y อยู่ที่ 69 ลบ. และคาดปันผลสูงราว 4-5% ต่อปี (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ ADB)
(+) ASK จะบันทึกเงินสำรองฯของมาตรฐานบัญชีใหม่ผ่านกำไรสะสมใน Equity ซึ่งทำให้ไม่กระทบต่องบกำไรขาดทุน เรามองเป็นบวกต่อวิธีดังกล่าว แม้ว่าจะทำให้ D/E Ratio ตึงตัวขึ้น แต่ยังไม่เกิน Confortable level และไม่กระทบต่อเงินปันผล แต่ทำให้ ROE ดีขึ้นเล็กน้อย และ Coverage ratio เพิ่มเป็น > 100% เราคงคาดการณ์กำไรปี 2018 ที่ 766 ลบ. +2.8% Y-Y ราคาหุ้นอาจ Underperform กลุ่มในช่วง 1H18 นี้เพราะ Dividend effect (จ่ายปีละครั้ง ล่าสุดประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1.48 บาท Yield วันก่อน XD อยู่ที่ราว 6%) แต่เราเห็นเป็นโอกาสสะสม และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือ ราคาเป้าหมาย 26.20 บาท
(+) TKS-SYNEX ผู้บริหารแถลงแผนการดำเนินธุรกิจของทั้ง 3 บริษัทในเครือ (TKS TBSP SYNEX) ซึ่งเรามองบวกทั้งในส่วนของ TKS และ TBSP ที่จะมี Synergy จากการรวมกัน และแนวโน้มกำไรปีนี้ของ TKS เองจะฟื้นตัวจากการมี event ใหญ่ในการพิมพ์ไปรษณียบัตรฟุตบอลโลก ต่างจากปีก่อนที่ไม่มี ส่วน SYNEX ยังตั้งเป้าเพิ่มการเป็นตัวแทนค้าส่งสินค้าไอทีอีก 4-5 แบรนด์ และคาดรายได้โตอีก 13% Y-Y อยู่ที่ 3.7 หมื่นลบ. ก่อนจะแตะ 5 หมื่นลบ. ในปี 2020 อีกทั้ง ยังเน้นเพิ่มมาร์จิ้นมากขึ้น หลังสามารถสร้างอัตรากำไรสุทธิแตะ 2% ได้ใน 4Q17 เรามีแนวโน้มปรับกำไรปีนี้ขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่น่ากระทบราคาเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท ส่วน TKS และ TBSP เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ แต่ Valuation ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต Upside ยังจำกัด
(+) TACC บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10% Y-Y โดยจะเริ่มวางขายเครื่องดื่มโถกดสูตรใหม่น้ำตาลน้อยใน 7-11 ตั้งแต่ 2Q18 และจะวางขายเครื่องดื่มช็อคโกแลต Hershey’s เป็นโถกดถาวรด้วย รวมถึงการที่บริษัทได้รับ License ให้เป็นตัวแทนให้สิทธิ์ใช้ตัวการ์ตูน Rilakkuma ครอบคลุม 7 ประเทศ เป็นระยะเวลา 4 ปี ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2Q18 เราคาดว่าการโตของธุรกิจในประเทศจะช่วยชดเชยการแผ่วลงของธุรกิจในกัมพูชาได้ทั้งหมด ส่วนตลาดจีนยังติดปัญหาบางส่วน ทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้าออกไป เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ +11% Y-Y อยู่ที่ 125 ลบ. ระยะสั้น คาดกำไร 1Q18 ไม่สดใส แต่จะกลับมาโตดีตั้งแต่ 2Q18 ยังคงราคาเป้าหมายที่ 6 บาท และคงคำแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 มี.ค.- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ก.พ.)
- ยูโรโซน: ดุลการค้า (ม.ค.)
22 มี.ค.- ไทย: ดุลการค้า (ก.พ.)
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
- ยูโรโซน: PMI ภาคการผลิต (มี.ค.)
23 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
28 มี.ค.- ไทย: ประชุม กนง.
(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นหลังจากข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัทส่งออกและบริษัทข้ามชาติ
(-) ตลาดหุ้นเอเชียยังคงได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นจากประเด็นทางการเมือง ในขณะที่ตลาดยังคอยจับตาดูการขึ้นดำรงตำแหน่งของนาย Yi Gang (ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนคนใหม่) หลังนาย Zhou Xiaochuan เกษียณอายุลง
() ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท ปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.20-31.30 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังการเพิ่มขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคส่งผลบวกต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 5.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,312.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐกดดันความต้องการถือครองทองคำ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6652