WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

“เล่นกรอบแคบ รอข่าวบวก”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  เรามองว่าตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องแต่มีกรอบจำกัด ทั้งนี้ภาพต่างประเทศยังออกไปในทางลบหลังมีประเด็นว่า ปธน.ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ, สหรัฐจะขึ้นภาษีกับทางจีนนำโดยกลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร, และราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลง .... ปัจจัยต่างประเทศ CPI สหรัฐฯ ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. .... ปัจจัยในประเทศ  ครม.เห็นชอบหลักการยกร่าง พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กำกับดูแล-เก็บภาษี คาดชัดเจนสัปดาห์หน้า, กสทช. แพ้คดีทีวีดิจิทัลแก่ทีวีพูล โดย กสทช.ต้องคืนเงิน 1,500 ล้านบาท และเป็นการเปิดทางคืนไลเซ่นส์ หลังการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ทีวีดิจิทัลล่าช้า .... ติดตาม สนช. ตีความแก้กฏหมายลูกในวันพรุ่งนี้

กลยุทธ์การลงทุน:
  เรามีมุมมองเช่นเดียวกับวานนี้นั่นคือตลาดสามารถปรับขึ้นต่อได้แต่มีกรอบจำกัด การเข้าเก็งกำไรยังแนะนำเป็นลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำให้เก็งกำไรในช่วงสั้น ยังคงแนะนำเป็นกลุ่ม defensive ที่ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามความผันผวนของตลาด, กลุ่ม domestic play ที่ได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว, กลุ่ม media ที่ได้รับผลบวกจากประเด็นการคืนไลเซ่นส์ทีวีดิจิทอล และ กลุ่มที่ยัง laggard และเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา เช่น กลุ่ม ICT ….  โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ BANPU*, EA*, TRUE*, IRPC
  หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: KCE, BEC*, EPG
  หุ้นแนะนำทางเทคนิค: KTC, CBG, SOLAR
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) KCE : (ราคาปิด 69.25 บาท)
  กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ปรับตัวขึ้นมามากในช่วงวานนี้ คาดส่วนนึงมาจากที่สหรัฐฯจะมีการขึ้นภาษีกับทางจีนนำโดยกลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร ส่งผลให้คาดการณ์ volume การขายไปยังสหรัฐฯจากไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ KCE ยังมีประเด็นการแตกพาร์จาก 1.00 บาท เหลือ 0.5 บาท .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 80.00 บาท
(+) BEC* : (ราคาปิด 13.20 บาท)
  เรามองว่าประเด็นกสทช.ต้องคืนเงิน 1,500 ล้านบาท และเป็นการเปิดทางคืนไลเซ่นส์ หลังการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ทีวีดิจิทัลล่าช้า จะส่งผลบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ BEC ได้รับแรงหนุนจากละครบุเพสันนิวาสที่ได้ผลตอบรับดีเกินคาด และมองว่าขาดทุนจำนวน 335 ล้านบาทในไตรมาส 4 จะเป็นจุดต่ำสุดของ BEC
(+) EPG : (ราคาปิด 7.20 บาท)
  EPG ได้รับผลกระทบในช่วงสั้นจากผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งค่า อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองในเชิงบวกต่อผลประกอบการระยะยาวของ EPG โดยคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ในช่วง กำไรสุทธิปี 2019 (เม.ย.2018-มี.ค.2019) โดยเราคาดไว้ที่ 1,150 ล้านบาท (+17% YoY) …. ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 9.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(-) BANK เก็บค่าต๋งแบงก์เพิ่ม ฟื้นกองทุนฟื้นฟูฯ-สนช.ถกวาระแรก 15 มี.ค.นี้
  การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 15 มี.ค.นี้ จะพิจารณาวาระที่ 1 ในการแก้กฎหมายแบงก์ชาติ ฟื้นกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ให้อำนาจกู้เงินอัดฉีดเงินช่วยสถาบันการเงินมีปัญหา เล็งเก็บค่าต๋งแบงก์จ่ายหนี้เพิ่ม แต่ต้องไม่เกิน 1% ของเงินฝาก เพื่อแก้ปัญหาสถาบันการเงินที่ประสบภาวะวิกฤติทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจหรือระบบการเงินของประเทศสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น (ที่มา: นสพ. ฐานเศรษฐกิจ)
  ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงลบต่อประเด็นข่าวดังกล่าวกับกลุ่มธนาคาร เนื่องจากปัจจุบันสถาบันการเงินมีการจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเงินฝากให้กับกองทุนฟื้นฟู (FIDF) ที่ระดับ 0.46% ของเงินฝาก แต่หาก สนช. มีการพิจารณาเรียกเก็บค่าธรรมเนียมส่วนนี้เพิ่ม จะส่งให้มีต้นทุนเงินฝากมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยธนาคารที่มีเงินฝากในระบบมากที่สุด คือกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ เรียงจากมากไปน้อยคือ BBL, SCB, KTB และ KBANK แต่อย่างไรก็ดี เราคาดว่า ธนาคารอาจมีการผลักภาระให้กับผู้ฝากเงินได้ ขณะที่เรายังรอความชัดเจนจากการประชุม สนช. วันที่ 15 มี.ค. อีกครั้ง
(-) BANK, FINANCE: ธปท. สั่งปรับลดค่าธรรมเนีมเพื่อความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค
  ธปท.ออกประกาศเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2018  สั่งแบงก์-น็อนแบงก์ (สถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน บริษัทที่ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่มิใช่สถาบันการเงิน และบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล (พีโลน) ภายใต้การกำกับที่มิใช่สถาบันการเงิน) ปรับแก้การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต- พีโลน รวมถึงค่าฟี-ค่าทวงหนี้-เบี้ยปรับ ให้เป็นธรรม เช่น เรียกเก็บค่าติดตามทวงถามหนี้โดยไม่มีการทวงถามจริง และการเก็บค่าทวงถามหนี้ของสถาบันการเงินและน็อนแบงก์ โดยรวมคิดอัตราเฉลี่ย 100 บาท ต่อการทวงถามหนี้ 1 รอบบิลนั้น ๆ  ซึ่งอาจสูงเกินไป เพราะการโทรศัพท์หรือออกหนังสือทวงถามหนี้ อาจมีต้นทุนไม่ถึง 100 บาท (ที่มา: นสพ.ประชาชาติธุรกิจ)
ความเห็น: เรามองว่าการควบคุมอัตราดอกเบี้ยข้างต้นนั้นจะส่งผลให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภคมากขึ้น โดยให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมที่สอดคล้องค่าใช้จ่ายทีเกิด ส่งผลให้ธนาคาร และกลุ่มสถาบันทางการเงินมีรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง โดยเฉพาะ KKP ที่เราคาดว่าจะได้รับผลกระทบสูงจากการปรับลดรายได้ค่าติดตามและทวงถามหนี้ ที่แต่เดิมคิดสูงถึง 500 บาท/ครั้ง ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมที่คิดรวมกับอัตราดอกเบี้ย เรามองว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนสินเชื่อในอุตสาหกรรมยังต่ำกว่าที่ ธปท. กำหนด เราจึงคงคำแนะนำ เท่ากับตลาด สำหรับกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสถาบันทางการเงิน
(+) KCE เตรียมแตกพาร์จาก 1.00 บาท เป็น 0.50 บาท
  KCE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/2561เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2018 มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้และการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง
  มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ ปัจจุบันมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัท เท่ากับหุ้นละ 1 บาท เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ถือหุ้น ที่ประชุมอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท จากเดิมมี 586 ล้านหุ้น จะเป็น 1,173 ล้านหุ้น ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้นี้จะไม่ทำให้ทุนจดทะเบียนของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด (ที่มา: SET)
ความเห็น: เรามองประเด็นข่าวดังกล่าวเป็นกลางต่อตัวพื้นฐานของบริษัท เนื่องจากการแตกพาร์ไม่ได้ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตามเรามองเป็นบวกเล็กน้อยต่อราคาหุ้นของ KCE เนื่องจากการแตกพาร์จะทำให้สภาพคล่องของราคาหุ้นดีขึ้น ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ ถือ KCE ที่ราคาเหมาะสม 80 บาท
  (+) TU กลุ่มวอลล์มาร์ทชื่นชมไทย เป็นผู้นำในการต่อสู้การประมงผิดกฎหมาย กลุ่ม วอลล์มาร์ท ผู้นำเข้าสินค้าประมงรายใหญ่ ชื่นชม และยอมรับไทย เป็นผู้นำในการต่อสู้การประมงผิดกฎหมาย แรงงานผิดกฎหมาย แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ เนื่องจากไทยมีกฎหมาย ที่ดี มีระบบจัดการที่ชัดเจน และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ โดยกำหนดเป็นนโยบายที่จำเป็น ความถูกต้องที่จะต้องทำ
  ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว และคาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นประมงของไทย โดยผู้ประกอบการายใหญ่อย่าง TU จะสามารถทำการตลาดได้มากขึ้นและผู้บริโภคลดความกังวลกับแหล่งที่มาของสินค้าจากผู้ประกอบการไทย อนึ่งราคาต้นทุนปลาทูน่าปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,450 เหรียญต่อตัน จากจุดสูงสุด 2,300 เหรียญต่อตันเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” TU ราคาเป้าหมาย 23 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) BBL, MEDIA เปิดทางคืนไลเซ่นส์ทีวีดิจทัลหนุนแบงก์และ Digital TV operato
  ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาว่า กสทช.ผิดสัญญาในเรื่องการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิทัล "ไทยทีวี จึงมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกสัญญาได้ ศาลได้มีคำสั่งให้ กสทช.คืน แบงก์การันตีให้บริษัทไทยทีวี งวดที่ 3-6 เป็นเงินรวมกว่า 1,500 ล้านบาท เลขาธิการ กสทช.จะคัดคำพิพากษาศาลฯเสนอต่อที่ประชุมบอร์ดกสทช. วันนี้ (14 มี.ค.) สำหรับการอุทธรณ์คำวินิจฉัยบอร์ด กสทช.จะพิจารณา เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น เรามองว่ามีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลหลายรายต้องการคืน License ทั้งนี้เรามองว่าข่าวข้างต้นเป็นบวกต่อกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลรายใหญ่ที่เป็นทั้งผู้ประกอบการและผลิตcontent คือ BEC, WORK, MONO, RS (ซื้อ/35บาท), GRAMMY และกลุ่มธนาคาร คือ BBL(ซื้อ/222บาท) แต่อย่างไรก็ดี ทาง กสทช. ยังสามารถยื่นอุทรณ์ได้ซึ่งอาจส่งผลให้คดียังไม่ถึงที่สุด
 (+) HUMAN (ซื้อ/14.00 บาท) ปรับประมาณการขึ้น สะท้อน Economy of scale ที่ดีกว่าคาด
  เรามีการปรับประมาณการกำไรสุทธิ HUMAN ปี 2018/19 ขึ้นจากเดิม 14%/12% เป็น 155 ล้านบาท และ 215 ล้านบาท ตามลำดับ จากการปรับประมาณการ Gross Profit Margin (GPM) ในปี 2018-19 ขึ้นจากเดิม 300 bps และ 200 bps ส่งผลให้ GPM ปรับเพิ่มเป็น 43.2% ในปี 2018 และ 45.5% ในปี 2019  เปรียบเทียบกับ 39.4% ในปี 2017 สะท้อนผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่ 4/2017 ในขณะที่แนวโน้มปี 2018-19 ยังคงภาพเดิมธุรกิจหลักได้รับแรงหนุนจาก Outsourcing trend และสินค้าใหม่ซึ่งมีพัฒนาการตามแผน ช่วยให้บริการ Back office outsourcing ครอบคลุมมากขึ้นขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง ผู้บริหารคงเป้าขยายฐานลูกค้า
  เพิ่มเฉลี่ยปีละ 5 หมื่นราย ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเหมาะสมใหม่เป็น 14.00 บาท (เดิม 13.00 บาท) สะท้อนสมมติฐานใหม่
(0) TK (ซื้อ/18.00 บาท)ปรับกำไรสุทธิลดลง จากแรงกดดันทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้น
  ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ลง 8% จากความเสี่ยงของข้อกำหนดใหม่ที่บังคับให้บริษัทเรียกเก็บค่าปรับล่าช้าลดลงจากเดิมที่ MLR+10%(ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 17%)  เป็นไม่เกิน 15% ส่งผลให้เราปรับลดรายได้อื่นลดลง 15% ในขณะที่เรายังไม่ใส่ผลกระทบของการอัตราผลตอบแทนในอนาคต เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เราจึงยังคงประมาณการอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 33% และคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อที่ 21% และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 9.5% เพื่อรองรับ IFRS9 และส่งผลให้บริษัทมี Coverage Ratio ระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 135% คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคารเป้าหมายใหม่  18.00 บาท (อิง PBV ที่ 1.7x) โดยเรามองว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะยังคงเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพ และการขยายเข้าสู่ CLMV ที่มีอัตราผลตอบแทนมากกว่าในประเทศ
 Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]
OO6446

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!