- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 14 March 2018 17:52
- Hits: 2275
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“กลับมากังวลการเมืองสหรัฐ & สงครามการค้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : SET Index เมื่อวานนี้ปรับขึ้นต่อ 9.58 จุดปิดที่ 1809.90 แม้ว่ามีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงค์ แต่การปรับขึ้นของหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมี ไฟแนนซ์ อิเลคทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า ก็ช่วยพยุงและทำให้ตลาดบวกต่อได้ กลุ่มที่นำซื้อสุทธิคือ พอร์ตบล. ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิลดลง และต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิเล็กน้อย
สำหรับวันนี้ Sentiment เป็นลบ หลังจากที่ทรัมป์ปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากรมว.ต่างประเทศ หลังขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา และโยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งแทน ซึ่งทำให้ตลาดกังวลความไม่แน่นอนในนโยบายต่างประเทศสหรัฐ โดยเฉพาะกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน นอกจากนั้นทรัมป์ยังมีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมและไอทีจากจีนด้วย ส่วนเงินเฟ้อเดือนก.พ.สหรัฐพบว่า +0.2%MoM (+2.2%YoY) ลดลงจากม.ค.ที่ +0.5%MoM ทำให้ความกังวลเรื่องเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ผ่อนคลายลงในช่วงสั้น
กลยุทธ์ลงทุน : เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET สามารถยืนเหนือ 1800 จุดได้อย่างมั่นคง ถ้ายืนไม่ได้ให้ Wait & See โดยมีโอกาสได้ซื้อที่ราคาอ่อนตัว หรือลดพอร์ตตามกรณีมีหุ้นในพอร์ตมากและเงินสดเหลือน้อย
สำหรับหุ้นมีข่าววันนี้เป็น KCE – บอร์ดมีมติให้จ่ายปันผล 1.10 บาท/หุ้นสำหรับ 2H61 ขึ้น XD 26 มี.ค.61 และให้แตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.5 บาทเพื่อเสริมสภาพคล่องซื้อขาย, TRUE – มีลุ้นขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF บุ๊คกำไรก้อนใหญ่ราว 2.6 หมื่นล้านบาท ด้าน EBITDA ปี 61 ขยายตัวได้ต่อ 5%, BEAUTY – ผถห.ใหญ่ขายหุ้นออกอีก 4.66% (140 ล้านหุ้น) ราคา 18.80 บาท/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวาน 5% หลังขายแล้วเหลือสัดส่วนถือหุ้น 21.23%
วิเคราะห์เทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1815-1820 จุด ต่ำกว่า 1800 จุดลดพอร์ตตามสำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น AEONTS, GLAND, SOLAR, CPALL, MEGA, PDI, IVL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ VGI, KTB, GOLD, HMPRO, THCOM หุ้นที่หลุด List เป็น BCH, GFPT และหุ้นที่แนะนำไปแล้วให้หาจังหวะ Take profit คือ TRUE, CWT
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ทรัมป์ปลดรมว.ต่างประเทศ
# มีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา และโยกนายไมค์ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สันและให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่
# ทั้งนี้ การปลดนายทิลเลอร์สันส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายต่างประเทศสหรัฐโดยเฉพาะในด้านนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน
- สหรัฐ : ทรัมป์มีแผนออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม & สื่อสารจากจีนสัปดาห์หน้า
# เว็บไซต์ของโพลิติโครายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
• สหรัฐ : เงินเฟ้อเดือนก.พ.ออกมาตามคาด
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.2%MoM ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจาก +0.5%MoM ในเดือนม.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
# หากเทียบ YoY พบว่าดัชนี CPI ทั่วไป +2.2% ในเดือนก.พ. (จาก +2.1% ในเดือนม.ค.61) และ CPI พื้นฐาน +1.8% เท่ากับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 171.58 จุด
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,007.03 จุด ร่วงลง 171.58 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด หรือ -1.02% เพราะกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐและวิตกสงครามการค้า
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลงหลังคาดการณ์ว่าสหรัฐจะผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ -1.1% ปิดที่ 60.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 31 เซนต์ หรือ -0.5% ปิดที่ 64.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในเดือนเม.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วันสู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาขยับขึ้นหลังมีความไม่แน่นอนการเมืองในสหรัฐ & สงครามการค้า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1327.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนด้านการเมืองหลังทรัปม์ปลดรมว.ต่างประเทศ ซึ่งทำให้ค่าเงิน US$ อ่อนลง 0.3% จากวันก่อนหน้า
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
• KCE (ราคาปิด 69.25 บาท) : ประกาศจ่ายปันผลและแตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.50 บ. เพื่อเสริมสภาพคล่อง
# ที่ประชุมคณะกรรมการ KCE เมื่อ 13 มีนาคม 2561 มีมติจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังปี 2560 เท่ากับ 1.1 บาท/หุ้น (โดย 0.90 บาท/หุ้นจ่ายจากกำไรส่วนที่ได้ BOI และอีก 0.20 บาท/หุ้นจ่ายจากกำไรที่ไม่ได้ BOI) กำหนดXD 26 มี.ค.61
# และกรรมการฯ มีมติให้แตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.50 บาท ทั้งนี้การแตกพาร์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แต่ช่วยให้หุ้นมีสภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น
• BEAUTY (ราคาปิด 19.80 บาท) : ผู้ถือหุ้นใหญ่ขาย Big lot อีก 140 ล้านหุ้น @ 18.80 บาท/หุ้น
# BEAUTY แจ้งว่าบริษัทได้รับแจ้งจากนพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และนางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ กรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทว่าได้ขายหุ้นรวมกัน 140 ล้านหุ้น หรือ 4.66% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทแก่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนบุคคลรายใหญ่แบบข้ามคืน ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ราคา 18.80 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินซื้อขาย 2,632 ล้านบาท ภายหลังขายหุ้น นายสุวิน และนางธัญญาภรณ์ยังถือหุ้นใหญ่ 21.23% (จากเดิม 25.89%)
# ทั้งนี้ราคาซื้อขายหุ้น Big lot ที่ 18.80 บาท/หุ้น ต่ำกว่าราคาปิดที่ 19.80 บาท/หุ้นเมื่อวานนี้อยู่ 5% และต่ำกว่าราคาพื้นฐานใน IAA Consensus ที่ 24.20 บาท/หุ้นอยู่ 22%
# สำหรับผลประกอบการปี 60 พบว่าบริษัทมีรายได้ 3.7 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.23 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 87%YoY อัตรากำไรสุทธิสูงที่ 32.9% ซึ่งดีขึ้นจากปี 57 ที่ 21.7% อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้เพราะ GPM ที่แข็งแกร่งและมี Economy of scale ในด้าน Valuation ณ ราคาปัจจุบัน 19.80 บาท ซื้อขายที่ P/E ปี 61 ที่ 37 เท่า (พอๆกับ EPS growth ปี 61 ที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ที่ 35-40%) และมี P/BV ปีนี้ที่ 28 เท่า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
“กลับมากังวลการเมืองสหรัฐ & สงครามการค้า”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : SET Index เมื่อวานนี้ปรับขึ้นต่อ 9.58 จุดปิดที่ 1809.90 แม้ว่ามีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงค์ แต่การปรับขึ้นของหุ้นพลังงาน ปิโตรเคมี ไฟแนนซ์ อิเลคทรอนิกส์ โรงไฟฟ้า ก็ช่วยพยุงและทำให้ตลาดบวกต่อได้ กลุ่มที่นำซื้อสุทธิคือ พอร์ตบล. ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิลดลง และต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิเล็กน้อย
สำหรับวันนี้ Sentiment เป็นลบ หลังจากที่ทรัมป์ปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากรมว.ต่างประเทศ หลังขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา และโยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งแทน ซึ่งทำให้ตลาดกังวลความไม่แน่นอนในนโยบายต่างประเทศสหรัฐ โดยเฉพาะกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน นอกจากนั้นทรัมป์ยังมีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมและไอทีจากจีนด้วย ส่วนเงินเฟ้อเดือนก.พ.สหรัฐพบว่า +0.2%MoM (+2.2%YoY) ลดลงจากม.ค.ที่ +0.5%MoM ทำให้ความกังวลเรื่องเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ผ่อนคลายลงในช่วงสั้น
กลยุทธ์ลงทุน : เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET สามารถยืนเหนือ 1800 จุดได้อย่างมั่นคง ถ้ายืนไม่ได้ให้ Wait & See โดยมีโอกาสได้ซื้อที่ราคาอ่อนตัว หรือลดพอร์ตตามกรณีมีหุ้นในพอร์ตมากและเงินสดเหลือน้อย
สำหรับหุ้นมีข่าววันนี้เป็น KCE – บอร์ดมีมติให้จ่ายปันผล 1.10 บาท/หุ้นสำหรับ 2H61 ขึ้น XD 26 มี.ค.61 และให้แตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.5 บาทเพื่อเสริมสภาพคล่องซื้อขาย, TRUE – มีลุ้นขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF บุ๊คกำไรก้อนใหญ่ราว 2.6 หมื่นล้านบาท ด้าน EBITDA ปี 61 ขยายตัวได้ต่อ 5%, BEAUTY – ผถห.ใหญ่ขายหุ้นออกอีก 4.66% (140 ล้านหุ้น) ราคา 18.80 บาท/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเมื่อวาน 5% หลังขายแล้วเหลือสัดส่วนถือหุ้น 21.23%
วิเคราะห์เทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1815-1820 จุด ต่ำกว่า 1800 จุดลดพอร์ตตามสำหรับหุ้นที่ราคามีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่เป็น AEONTS, GLAND, SOLAR, CPALL, MEGA, PDI, IVL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ VGI, KTB, GOLD, HMPRO, THCOM หุ้นที่หลุด List เป็น BCH, GFPT และหุ้นที่แนะนำไปแล้วให้หาจังหวะ Take profit คือ TRUE, CWT
ปัจจัยต่างประเทศ
- สหรัฐ : ทรัมป์ปลดรมว.ต่างประเทศ
# มีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา และโยกนายไมค์ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สันและให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่
# ทั้งนี้ การปลดนายทิลเลอร์สันส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายต่างประเทศสหรัฐโดยเฉพาะในด้านนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน
- สหรัฐ : ทรัมป์มีแผนออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม & สื่อสารจากจีนสัปดาห์หน้า
# เว็บไซต์ของโพลิติโครายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
• สหรัฐ : เงินเฟ้อเดือนก.พ.ออกมาตามคาด
# ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.2%MoM ในเดือนก.พ. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจาก +0.5%MoM ในเดือนม.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
# หากเทียบ YoY พบว่าดัชนี CPI ทั่วไป +2.2% ในเดือนก.พ. (จาก +2.1% ในเดือนม.ค.61) และ CPI พื้นฐาน +1.8% เท่ากับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
- ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : ดาวโจนส์ปิดร่วง 171.58 จุด
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 25,007.03 จุด ร่วงลง 171.58 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด หรือ -1.02% เพราะกังวลปัญหาการเมืองในสหรัฐและวิตกสงครามการค้า
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาอ่อนลงหลังคาดการณ์ว่าสหรัฐจะผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 65 เซนต์ หรือ -1.1% ปิดที่ 60.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 31 เซนต์ หรือ -0.5% ปิดที่ 64.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในเดือนเม.ย.ของสหรัฐ จะเพิ่มขึ้น 131,000 บาร์เรล/วันสู่ระดับ 6.954 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาขยับขึ้นหลังมีความไม่แน่นอนการเมืองในสหรัฐ & สงครามการค้า
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 1327.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนด้านการเมืองหลังทรัปม์ปลดรมว.ต่างประเทศ ซึ่งทำให้ค่าเงิน US$ อ่อนลง 0.3% จากวันก่อนหน้า
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่นบจ.
• KCE (ราคาปิด 69.25 บาท) : ประกาศจ่ายปันผลและแตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.50 บ. เพื่อเสริมสภาพคล่อง
# ที่ประชุมคณะกรรมการ KCE เมื่อ 13 มีนาคม 2561 มีมติจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งหลังปี 2560 เท่ากับ 1.1 บาท/หุ้น (โดย 0.90 บาท/หุ้นจ่ายจากกำไรส่วนที่ได้ BOI และอีก 0.20 บาท/หุ้นจ่ายจากกำไรที่ไม่ได้ BOI) กำหนดXD 26 มี.ค.61
# และกรรมการฯ มีมติให้แตกพาร์จาก 1 บาทเป็น 0.50 บาท ทั้งนี้การแตกพาร์ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจและปัจจัยพื้นฐานของบริษัท แต่ช่วยให้หุ้นมีสภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น
• BEAUTY (ราคาปิด 19.80 บาท) : ผู้ถือหุ้นใหญ่ขาย Big lot อีก 140 ล้านหุ้น @ 18.80 บาท/หุ้น
# BEAUTY แจ้งว่าบริษัทได้รับแจ้งจากนพ.สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และนางธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ กรรมการและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทว่าได้ขายหุ้นรวมกัน 140 ล้านหุ้น หรือ 4.66% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทแก่นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงนักลงทุนบุคคลรายใหญ่แบบข้ามคืน ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ราคา 18.80 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินซื้อขาย 2,632 ล้านบาท ภายหลังขายหุ้น นายสุวิน และนางธัญญาภรณ์ยังถือหุ้นใหญ่ 21.23% (จากเดิม 25.89%)
# ทั้งนี้ราคาซื้อขายหุ้น Big lot ที่ 18.80 บาท/หุ้น ต่ำกว่าราคาปิดที่ 19.80 บาท/หุ้นเมื่อวานนี้อยู่ 5% และต่ำกว่าราคาพื้นฐานใน IAA Consensus ที่ 24.20 บาท/หุ้นอยู่ 22%
# สำหรับผลประกอบการปี 60 พบว่าบริษัทมีรายได้ 3.7 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.23 พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 87%YoY อัตรากำไรสุทธิสูงที่ 32.9% ซึ่งดีขึ้นจากปี 57 ที่ 21.7% อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้เพราะ GPM ที่แข็งแกร่งและมี Economy of scale ในด้าน Valuation ณ ราคาปัจจุบัน 19.80 บาท ซื้อขายที่ P/E ปี 61 ที่ 37 เท่า (พอๆกับ EPS growth ปี 61 ที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ที่ 35-40%) และมี P/BV ปีนี้ที่ 28 เท่า
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO6441