- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 March 2018 17:24
- Hits: 1266
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“มี momentum ไปต่อได้ ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
แม้ดัชนีดาวโจนส์จะปรับตัวลง แต่เป็นการปรับตัวลงจากหุ้นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เรามองว่า ความกังวลจากปัจจัยต่างประเทศเริ่มน้อยลงไป แรงซื้อมีโอกาสกลับเข้ามายังตลาดอีกครั้ง จึงมองว่าตลาดหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นต่อได้ในวันนี้ .... ปัจจัยต่างประเทศ ECB กล่าวในช่วงวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำมากต่อไป ติดตามตัวเลข CPI (เงินเฟ้อ) สหรัฐฯในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลถึงการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย .... ปัจจัยในประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2018 เติบโตถึง +14.9%, Exxon มีแผนลงทุนในพื้นที่ EEC 2 แสนล้านบาท, มีการประกาศเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Cluster) อีก 6 เขต จากเดิมมีอยู่ 9 เขต วันนี้ติดตามเกณฑ์ พรก. กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในที่ประชุม ครม. ซึ่งจะเก็บส่วนต่างกำไร 10%
“มี momentum ไปต่อได้ ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
แม้ดัชนีดาวโจนส์จะปรับตัวลง แต่เป็นการปรับตัวลงจากหุ้นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น เรามองว่า ความกังวลจากปัจจัยต่างประเทศเริ่มน้อยลงไป แรงซื้อมีโอกาสกลับเข้ามายังตลาดอีกครั้ง จึงมองว่าตลาดหุ้นมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นต่อได้ในวันนี้ .... ปัจจัยต่างประเทศ ECB กล่าวในช่วงวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำมากต่อไป ติดตามตัวเลข CPI (เงินเฟ้อ) สหรัฐฯในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลถึงการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย .... ปัจจัยในประเทศ ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2018 เติบโตถึง +14.9%, Exxon มีแผนลงทุนในพื้นที่ EEC 2 แสนล้านบาท, มีการประกาศเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Cluster) อีก 6 เขต จากเดิมมีอยู่ 9 เขต วันนี้ติดตามเกณฑ์ พรก. กำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในที่ประชุม ครม. ซึ่งจะเก็บส่วนต่างกำไร 10%
กลยุทธ์การลงทุน:
เรามองว่าตลาดสามารถปรับขึ้นต่อได้แต่มีกรอบจำกัด การเข้าเก็งกำไรยังแนะนำเป็นลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำให้เก็งกำไรในช่วงสั้น ยังคงแนะนำเป็นกลุ่ม defensive ที่ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามความผันผวนของตลาด, กลุ่ม domestic play ที่ได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว, หุ้นที่ได้รับผลบวกตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้น และ กลุ่มที่ยัง laggard และเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา เช่น กลุ่ม ICT …. โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ AOT, CPALL, HMPRO, ADVANC*
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: BEM*, TOA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: SGP, JWD, SMT
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
เรามองว่าตลาดสามารถปรับขึ้นต่อได้แต่มีกรอบจำกัด การเข้าเก็งกำไรยังแนะนำเป็นลักษณะ selective buy .... หุ้นที่แนะนำให้เก็งกำไรในช่วงสั้น ยังคงแนะนำเป็นกลุ่ม defensive ที่ราคาหุ้นไม่เป็นไปตามความผันผวนของตลาด, กลุ่ม domestic play ที่ได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว, หุ้นที่ได้รับผลบวกตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูงขึ้น และ กลุ่มที่ยัง laggard และเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา เช่น กลุ่ม ICT …. โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ AOT, CPALL, HMPRO, ADVANC*
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: BEM*, TOA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: SGP, JWD, SMT
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) AOT : (ราคาปิด 68.50 บาท)
ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2018 เติบโตถึง +14.9% นำโดยนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย, มาเลเซีย, และ จีน นอกจากนี้ เรายังคาดกำไรสุทธิช่วง 2Q18 (ม.ค.-มี.ค.2018) มีทิศทางเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว และปีก่อนยังได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 77.00 บาท
(+) AOT : (ราคาปิด 68.50 บาท)
ตัวเลขนักท่องเที่ยวช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2018 เติบโตถึง +14.9% นำโดยนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย, มาเลเซีย, และ จีน นอกจากนี้ เรายังคาดกำไรสุทธิช่วง 2Q18 (ม.ค.-มี.ค.2018) มีทิศทางเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว และปีก่อนยังได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 77.00 บาท
(+) CPALL : (ราคาปิด 87.75 บาท)
ในช่วงที่ตลาดยังผันผวนและมีทิศทางที่ไม่แน่นอน เรามองว่า CPALL ซึ่งมีลักษณะเป็นหุ้น defensive เหมาะกับตลาดในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลบวกจาก การประกาศเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Cluster) อีก 6 เขต .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 86.00 บาท
(+) ADVANC* : (ราคาปิด 208.00 บาท)
เรามองว่าการที่กลุ่ม ICT สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ดี เป็นการ switch มายังกลุ่มที่ยัง laggard นอกจากนี้ ADVANC ยังได้รับผลบวกจากการที่ กสทข. ยังไม่มีการจัดการประมูลคลื่นความถี่ไปจนถึงปลายปีนี้
(+) TOA* : (ราคาปิด 36.75 บาท)
TOA มีโอกาสเติบโตได้ดีในช่วง 1Q18 จากการปรับราคาสินค้า และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ระดับสูง แม้ผลประกอบการปี 2017 จะปรับตัวลง -32% YoY แต่มองปี 2018 แนวโน้มจะดีขึ้น จากการปรับราคาขาย, การบริโภคที่ฟื้นตัว โดย Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 2,346 ล้านบาท (+37% YoY)
หุ้นมีประเด็น
(+) Tourism จัดโปรวัยเกษียณเที่ยวไทยตั้งเป้าปั๊มเศรษฐกิจ 5 พันล้าน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมดึงวัยเกษียณกำลังซื้อสูงหันเที่ยวในประเทศ ได้แพคเกจพิเศษหักลดหย่อนภาษีได้ ผู้ว่าการ ททท.เผยปัจจุบันผู้สูงอายุช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไปมี 14.5 ล้านคน หรือ 22% ของประชากร และกลุ่ม Silver age (55-70ปี) มีอยู่ 10.5 ล้านคน การสำรวจปี 2017 กลุ่มนี้มีรายได้ตั้งแต่ 45,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ถึง 350,000 คน มีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่อทริป 5,197.76 บาท สูงกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของคนไทยที่ใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวถึง 2 เท่า โดยกลุ่ม Silver age มีอัตราการเติบโตปีละ 10% ททท.มีแผนจะจัดแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่ม Silver age โดยจะเน้นท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนเป็นหลัก ตั้งเป้าโปรมืให้มีการเดินทางจริงไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน กระจายรายได้ในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ในปี 2018 ทั้งนี้มีนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองที่ผ่าน ครม.แล้วดังนี้ 1)ลดหย่อนภาษีนิติบุคคลสูงสุด 15,000 บาท 2)กำหนดพื้นที่เมืองรองเพิ่มเติม 2 จังหวัด 11 อำเภอ และที่อยู่ระหว่างรอเสนอ ครม. 1) Silver family ให้สิทธิประโยชน์ผู้เสียภาษีที่พาพ่อแม่วัยเกษียณท่องเที่ยวนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2) Silver romance แพคเกจเที่ยวสำหรับคู่รักวัยเกษียณ 3) Silver outing แพคเกจท่องเที่ยวกลุ่มเพื่อนวัยเกษียณ (Source: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยกับข่าวข้างต้น เรามองว่ากลุ่ม Silver age เป็นกลุ่มที่กำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่ชอบท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยนโยบายนี้จะส่งเสริมให้คนกลุ่มนี้มาท่องเที่ยวในประเทศและใช้จ่ายในประเทศเยอะขึ้น อีกทั้งแพคเกจการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองอย่าง Silver family จะกระตุ้นให้ลูกพาพ่อแม่วัยเกษียณไปเที่ยวเมืองรองเยอะขึ้นเนื่องจากนำมาลดหย่อนภาษีได้ การหนุนกลุ่มนี้ท่องเที่ยวเมืองรองจะส่งผลบวกต่อหุ้น ERW (ราคาเหมาะสม 10.0 บาท) ที่มีโรงแรมในเมืองรอง เช่น Budget hotel อย่าง Hop Inn โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5%ของรายได้ทั้งหมดในปี 2017, AAV (ราคาเหมาะสม 6.20 บาท) มีเส้นทางการบินในเมืองรอง , CPALL (86 บาท) มีสาขาอยู่ตามเมืองรอง
ในช่วงที่ตลาดยังผันผวนและมีทิศทางที่ไม่แน่นอน เรามองว่า CPALL ซึ่งมีลักษณะเป็นหุ้น defensive เหมาะกับตลาดในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ CPALL ยังได้รับผลบวกจาก การประกาศเขตพัฒนาการท่องเที่ยว (Cluster) อีก 6 เขต .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 86.00 บาท
(+) ADVANC* : (ราคาปิด 208.00 บาท)
เรามองว่าการที่กลุ่ม ICT สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ดี เป็นการ switch มายังกลุ่มที่ยัง laggard นอกจากนี้ ADVANC ยังได้รับผลบวกจากการที่ กสทข. ยังไม่มีการจัดการประมูลคลื่นความถี่ไปจนถึงปลายปีนี้
(+) TOA* : (ราคาปิด 36.75 บาท)
TOA มีโอกาสเติบโตได้ดีในช่วง 1Q18 จากการปรับราคาสินค้า และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ระดับสูง แม้ผลประกอบการปี 2017 จะปรับตัวลง -32% YoY แต่มองปี 2018 แนวโน้มจะดีขึ้น จากการปรับราคาขาย, การบริโภคที่ฟื้นตัว โดย Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2018 ที่ 2,346 ล้านบาท (+37% YoY)
หุ้นมีประเด็น
(+) Tourism จัดโปรวัยเกษียณเที่ยวไทยตั้งเป้าปั๊มเศรษฐกิจ 5 พันล้าน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมดึงวัยเกษียณกำลังซื้อสูงหันเที่ยวในประเทศ ได้แพคเกจพิเศษหักลดหย่อนภาษีได้ ผู้ว่าการ ททท.เผยปัจจุบันผู้สูงอายุช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไปมี 14.5 ล้านคน หรือ 22% ของประชากร และกลุ่ม Silver age (55-70ปี) มีอยู่ 10.5 ล้านคน การสำรวจปี 2017 กลุ่มนี้มีรายได้ตั้งแต่ 45,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ถึง 350,000 คน มีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวต่อทริป 5,197.76 บาท สูงกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของคนไทยที่ใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวถึง 2 เท่า โดยกลุ่ม Silver age มีอัตราการเติบโตปีละ 10% ททท.มีแผนจะจัดแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่ม Silver age โดยจะเน้นท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนเป็นหลัก ตั้งเป้าโปรมืให้มีการเดินทางจริงไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน กระจายรายได้ในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ในปี 2018 ทั้งนี้มีนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรองที่ผ่าน ครม.แล้วดังนี้ 1)ลดหย่อนภาษีนิติบุคคลสูงสุด 15,000 บาท 2)กำหนดพื้นที่เมืองรองเพิ่มเติม 2 จังหวัด 11 อำเภอ และที่อยู่ระหว่างรอเสนอ ครม. 1) Silver family ให้สิทธิประโยชน์ผู้เสียภาษีที่พาพ่อแม่วัยเกษียณท่องเที่ยวนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2) Silver romance แพคเกจเที่ยวสำหรับคู่รักวัยเกษียณ 3) Silver outing แพคเกจท่องเที่ยวกลุ่มเพื่อนวัยเกษียณ (Source: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยกับข่าวข้างต้น เรามองว่ากลุ่ม Silver age เป็นกลุ่มที่กำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มที่ชอบท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยนโยบายนี้จะส่งเสริมให้คนกลุ่มนี้มาท่องเที่ยวในประเทศและใช้จ่ายในประเทศเยอะขึ้น อีกทั้งแพคเกจการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองอย่าง Silver family จะกระตุ้นให้ลูกพาพ่อแม่วัยเกษียณไปเที่ยวเมืองรองเยอะขึ้นเนื่องจากนำมาลดหย่อนภาษีได้ การหนุนกลุ่มนี้ท่องเที่ยวเมืองรองจะส่งผลบวกต่อหุ้น ERW (ราคาเหมาะสม 10.0 บาท) ที่มีโรงแรมในเมืองรอง เช่น Budget hotel อย่าง Hop Inn โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5%ของรายได้ทั้งหมดในปี 2017, AAV (ราคาเหมาะสม 6.20 บาท) มีเส้นทางการบินในเมืองรอง , CPALL (86 บาท) มีสาขาอยู่ตามเมืองรอง
(+) CPN 'เซ็นทรัล เวสต์เกต' ขยายกลุ่มลูกค้าและพื้นที่เป้าหมายคลุม 13 ล้านคน
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา แถลงวิสัยทัศน์ความเป็นซูเปอร์- รีจินัลมอลล์แห่งเซ้าท์อีสต์เอเชียของ "เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต" พร้อมดึง "อิเกีย" แบรนด์เฟอร์นิเจอร์อันดับ 1 ของโลกเป็นพันธมิตร โดยอิเกียสโตร์โมเดลใหม่ใหญ่ที่สุดในไทยจะเปิดให้บริการวันที่ 15 มี.ค.นี้ ขณะที่ซีพีเอ็นเตรียมทุ่มงบการตลาดกว่า 120 ล้านบาท สร้างสรรค์แคมเปญ “ขยายความสุข สนุกกับชีวิตใหญ่มาก” สอดรับความเจริญและไลฟ์สไตล์ Urbanization ย่านบางใหญ่-เวสต์เกต ที่เตรียมขึ้นแท่นทำเลทองด้วยศักยภาพศูนย์กลางความเจริญฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตก (West Business District หรือ WBD) รวมถึงดึงยอดทราฟฟิคมายังศูนย์ฯ และอิเกียรสโตร์รวมกันกว่า 100,000 คนต่อวัน (ที่มา: นสพ. กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวกับ CPN แม้ว่าพื้นที่ที่ให้อิเกียรสโตร์เช่าจะเป็นของเซ็นทรัลกรุ๊ป แต่อย่างไรก็ดี อิเกียรสโตร์แห่งนี้ยังใหญ่และใหม่ที่สุดในไทยและยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยพื้นที่รวมกว่า 50,000 ตร.ม. และมีจุดเชื่อมต่อกับเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกตทั้ง 3 ชั้น ทำให้ CPN ตั้งเป้าหมาย Traffic เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1 แสนคนต่อวัน จากระดับปัจจุบันที่เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกตทำได้เพียง 6-8 หมื่นคนต่อวัน เรามองว่า จะส่งผลดีต่อจำนวนคนที่เดินเข้าห้างเพิ่มขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นจะผลักดันให้เกิดการปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต โดยจะเป็น upside เพิ่มเติมต่อประมาณการของเรา ส่วนงบทางการตลาด 120 ล้านบาท เป็นงบลงทุนระดับปกติของ CPN ในการเปิดศูนย์ใหม่อยู่แล้ว เบื้องต้นเรายังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 92 บาท
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา แถลงวิสัยทัศน์ความเป็นซูเปอร์- รีจินัลมอลล์แห่งเซ้าท์อีสต์เอเชียของ "เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต" พร้อมดึง "อิเกีย" แบรนด์เฟอร์นิเจอร์อันดับ 1 ของโลกเป็นพันธมิตร โดยอิเกียสโตร์โมเดลใหม่ใหญ่ที่สุดในไทยจะเปิดให้บริการวันที่ 15 มี.ค.นี้ ขณะที่ซีพีเอ็นเตรียมทุ่มงบการตลาดกว่า 120 ล้านบาท สร้างสรรค์แคมเปญ “ขยายความสุข สนุกกับชีวิตใหญ่มาก” สอดรับความเจริญและไลฟ์สไตล์ Urbanization ย่านบางใหญ่-เวสต์เกต ที่เตรียมขึ้นแท่นทำเลทองด้วยศักยภาพศูนย์กลางความเจริญฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตก (West Business District หรือ WBD) รวมถึงดึงยอดทราฟฟิคมายังศูนย์ฯ และอิเกียรสโตร์รวมกันกว่า 100,000 คนต่อวัน (ที่มา: นสพ. กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวกับ CPN แม้ว่าพื้นที่ที่ให้อิเกียรสโตร์เช่าจะเป็นของเซ็นทรัลกรุ๊ป แต่อย่างไรก็ดี อิเกียรสโตร์แห่งนี้ยังใหญ่และใหม่ที่สุดในไทยและยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยพื้นที่รวมกว่า 50,000 ตร.ม. และมีจุดเชื่อมต่อกับเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกตทั้ง 3 ชั้น ทำให้ CPN ตั้งเป้าหมาย Traffic เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1 แสนคนต่อวัน จากระดับปัจจุบันที่เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกตทำได้เพียง 6-8 หมื่นคนต่อวัน เรามองว่า จะส่งผลดีต่อจำนวนคนที่เดินเข้าห้างเพิ่มขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นจะผลักดันให้เกิดการปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต โดยจะเป็น upside เพิ่มเติมต่อประมาณการของเรา ส่วนงบทางการตลาด 120 ล้านบาท เป็นงบลงทุนระดับปกติของ CPN ในการเปิดศูนย์ใหม่อยู่แล้ว เบื้องต้นเรายังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 92 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) BJC (ซื้อ/72.00 บาท) อัตราภาษีแนวโน้มลดลง การบริโภคเติบโตต่อเนื่อง
เรามีมุมมองป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดย BJC มีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายของสาขาเดิม เราได้ประมาณการณ์ SSSG อย่าง conservative ที่ 3.5% ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 5.0% ทั้งนี้เราคาดว่า ใน1Q18 จะเห็นการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคเนื่องจากมีช่วงตรุษจีน พนักงานออฟฟิศได้รับการปรับเงินเดือน ภาวะการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตดี และฐานที่ต่ำในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว ประกอบกับใน 2Q18 จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยว รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และยังมีแผนขยายเตาแก้วโรงที่ 5 รวมถึง คาดว่าการปรับโครงสร้างภาษีจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ตลอดจนการรับรู้รายได้เต็มปีจากสาขาของ BIGC 9 แห่งที่เปิดไปในปี 2017 เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธี (DCF) โดยอิง WACC ที่ 6.4% และ terminal growth 3% ได้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) BJC (ซื้อ/72.00 บาท) อัตราภาษีแนวโน้มลดลง การบริโภคเติบโตต่อเนื่อง
เรามีมุมมองป็นบวกจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดย BJC มีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายของสาขาเดิม เราได้ประมาณการณ์ SSSG อย่าง conservative ที่ 3.5% ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 5.0% ทั้งนี้เราคาดว่า ใน1Q18 จะเห็นการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคเนื่องจากมีช่วงตรุษจีน พนักงานออฟฟิศได้รับการปรับเงินเดือน ภาวะการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตดี และฐานที่ต่ำในช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว ประกอบกับใน 2Q18 จะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นเทศกาลท่องเที่ยว รวมถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และยังมีแผนขยายเตาแก้วโรงที่ 5 รวมถึง คาดว่าการปรับโครงสร้างภาษีจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ตลอดจนการรับรู้รายได้เต็มปีจากสาขาของ BIGC 9 แห่งที่เปิดไปในปี 2017 เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธี (DCF) โดยอิง WACC ที่ 6.4% และ terminal growth 3% ได้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) MEGA (ซื้อ/50.00 บาท) ผู้นำธุรกิจสุขภาพครบวงจร
เราเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 50 บาท อิง DCF MEGA เป็นผู้นำในธุรกิจสุขภาพครบวงจรแห่ง Southeast Asia และเป็นรายใหญ่ที่สุดใน Indochina เราคาดว่า กำไรสุทธิปี 2018 จะเติบโตโดดเด่นที่ 21% YoY อยู่ที่ 1,341 ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 10,679 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจาก 1) การรุกขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศของ Branded business โดยปีนี้จะเน้นรุกตลาดกลุ่มประเทศแอฟริกา ซึ่งเราคาดว่าจะมีการเติบโตสูงอยู่ที่ Double digits 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 10-15 ผลิตภัณฑ์ 3) EBITDA margin ที่ขยายตัวเป็น 16.3%จาก 15.7% ในปี 2017 4) รายได้จาก Distribution business ที่คาดว่ากลับมาฟื้นตัว เติบโตที่ 8% YoY 5) Gross profit margin ที่ขยายตัวอยู่ที่ 46% จาก 45%ในปี 2017 เราชอบแผนการรุกขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศของบริษัทฯ เรามองว่าบริษัทฯมีโอกาสเติบโตได้อีกมากทั้งจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, แผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่, แผนการขยาย Warehouse ทั้งในไทยและพม่า แม้ปัจจุบันMEGA จะมีPER 28.4x 2018 และมี PEG 1.4x 2018 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม
เราเริ่มต้นให้คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 50 บาท อิง DCF MEGA เป็นผู้นำในธุรกิจสุขภาพครบวงจรแห่ง Southeast Asia และเป็นรายใหญ่ที่สุดใน Indochina เราคาดว่า กำไรสุทธิปี 2018 จะเติบโตโดดเด่นที่ 21% YoY อยู่ที่ 1,341 ล้านบาท และรายได้อยู่ที่ 10,679 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจาก 1) การรุกขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศของ Branded business โดยปีนี้จะเน้นรุกตลาดกลุ่มประเทศแอฟริกา ซึ่งเราคาดว่าจะมีการเติบโตสูงอยู่ที่ Double digits 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 10-15 ผลิตภัณฑ์ 3) EBITDA margin ที่ขยายตัวเป็น 16.3%จาก 15.7% ในปี 2017 4) รายได้จาก Distribution business ที่คาดว่ากลับมาฟื้นตัว เติบโตที่ 8% YoY 5) Gross profit margin ที่ขยายตัวอยู่ที่ 46% จาก 45%ในปี 2017 เราชอบแผนการรุกขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศของบริษัทฯ เรามองว่าบริษัทฯมีโอกาสเติบโตได้อีกมากทั้งจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง, แผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่, แผนการขยาย Warehouse ทั้งในไทยและพม่า แม้ปัจจุบันMEGA จะมีPER 28.4x 2018 และมี PEG 1.4x 2018 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม
(+) SENA (ซื้อ/5.00 บาท) เปิดเกมรุกมากขึ้น คาดปี 2018 Presales และกำไรสุทธิจะโตเด่น
เรามีมุมมองเชิงบวกจากการเข้าร่วมงาน Opportunity Day วานนี้ จากแผนดำเนินธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งตั้งเป้าหมายยอด Presales จะเติบโตเฉลี่ยถึง 43% ต่อปี โดยในปี 2018 SENA มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 158% YoY ซึ่งเราคาดยอด Presales ปี 2018 จะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% YoY ด้านกำไรสุทธิปี 2018 เรามีการปรับเพิ่มคาดการณ์ขึ้นจากเดิม 6% เป็น 810 ล้านบาท กลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น 9% YoY จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น โดยเราปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปี 2018 ขึ้นจากเดิม 10% เป็นที่ 5.2 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2017 มียอด Backlog ที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2018 แล้ว 2.48 พันล้านบาท เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยปรับเพิ่มเป็น 5 บาท จากเดิม 4.70 บาท
เรามีมุมมองเชิงบวกจากการเข้าร่วมงาน Opportunity Day วานนี้ จากแผนดำเนินธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งตั้งเป้าหมายยอด Presales จะเติบโตเฉลี่ยถึง 43% ต่อปี โดยในปี 2018 SENA มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 18 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 158% YoY ซึ่งเราคาดยอด Presales ปี 2018 จะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% YoY ด้านกำไรสุทธิปี 2018 เรามีการปรับเพิ่มคาดการณ์ขึ้นจากเดิม 6% เป็น 810 ล้านบาท กลับมาทำสถิติสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น 9% YoY จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น โดยเราปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปี 2018 ขึ้นจากเดิม 10% เป็นที่ 5.2 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2017 มียอด Backlog ที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2018 แล้ว 2.48 พันล้านบาท เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยปรับเพิ่มเป็น 5 บาท จากเดิม 4.70 บาท
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO6375
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO6375