- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 12 March 2018 16:13
- Hits: 763
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Let Profit Run หลังจากซื้อเพิ่มไปแล้ว 2018SET Target : 1900
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดบวกได้ตามคาดก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ถูกขายหนัก โดยระหว่างวันดัชนีลงไปทดสอบแนวรับ 1,760 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาและทำให้ดัชนีปิดลบเพียง 3.53 จุด ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียวที่ 2.8 พันลบ. ส่วนคนที่ขายหนักสุดเป็นรายย่อย 1.3 พันลบ. ส่วนบัญชีบล.และกองทุนขายคนละ 700 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET จะรีบาวด์ขึ้นได้ดีในวันนี้หลังจากที่ลงไปทดสอบแนวรับ 1,760 จุดและสามารถดีดกลับได้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกแข็งแกร่งในทุกมุม ทั้งจำนวนการจ้างงานนอกเกษตรที่สูงกว่าคาด รวมถึงค่าจ้างต่อชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดซึ่งทำให้แรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นกว่า 3% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน เรามองว่าการปรับฐานของตลาดสัปดาห์ก่อนเป็นเพียงการปรับพอร์ตระยะสั้นของนักลงทุนรายกลุ่ม โดยยังคาดว่าดัชนีจะพลิกมาปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,900 จุดได้อีกครั้งจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่โตในอัตราเร่ง
กลยุทธ์ : Let Profit Run หลังจากสะสมเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$112ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$259ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$90ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไต้หวัน US$153ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> AMATA <<
คงคำแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว ราคาเป้ามาย 30 บาท
ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการต่อยอดอุตสาหกรรม First S-curve และ New S-curve ซึ่งสะท้อนมายังยอดขอ BOI ในชลบุรีและระยองที่เพิ่มเป็น 60% จาก 45% ของพื้นที่ทั้งหมด นับตั้งแต่รัฐฯเห็นชอบ EEC 2 ปีที่ผ่านมา
AMATA ที่มีพื้นที่พร้อมขายในชลบุรีและระยอง 1.4 หมื่นไร่ และมีรายได้ประจำจากค่าน้ำค่าไฟที่อีก 40% ของรายได้รวม อีกทั้ง มีนิคมฯในเวียดนามตอนใต้และกำลังขอไลเซนส์ที่ตอนเหนิอ ด้วยประสบการณ์ที่สูง เรามองว่ามีโอกาสขยายไปลาวและเมียนมาร์ เพื่อยกระดับการเติบโตในอนาคต
กลยุทธ์วันนี้ >> Let Profit Run หลังจากซื้อเพิ่มไปแล้ว 2018SET Target : 1900
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดบวกได้ตามคาดก่อนที่จะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ถูกขายหนัก โดยระหว่างวันดัชนีลงไปทดสอบแนวรับ 1,760 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาและทำให้ดัชนีปิดลบเพียง 3.53 จุด ณ สิ้นวัน นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียวที่ 2.8 พันลบ. ส่วนคนที่ขายหนักสุดเป็นรายย่อย 1.3 พันลบ. ส่วนบัญชีบล.และกองทุนขายคนละ 700 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET จะรีบาวด์ขึ้นได้ดีในวันนี้หลังจากที่ลงไปทดสอบแนวรับ 1,760 จุดและสามารถดีดกลับได้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกแข็งแกร่งในทุกมุม ทั้งจำนวนการจ้างงานนอกเกษตรที่สูงกว่าคาด รวมถึงค่าจ้างต่อชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดซึ่งทำให้แรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยลดลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นกว่า 3% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน เรามองว่าการปรับฐานของตลาดสัปดาห์ก่อนเป็นเพียงการปรับพอร์ตระยะสั้นของนักลงทุนรายกลุ่ม โดยยังคาดว่าดัชนีจะพลิกมาปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,900 จุดได้อีกครั้งจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่โตในอัตราเร่ง
กลยุทธ์ : Let Profit Run หลังจากสะสมเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : ADVANC, MINT, MTLS, PTTEP, SC
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$112ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$259ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$90ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไต้หวัน US$153ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> AMATA <<
คงคำแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว ราคาเป้ามาย 30 บาท
ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการต่อยอดอุตสาหกรรม First S-curve และ New S-curve ซึ่งสะท้อนมายังยอดขอ BOI ในชลบุรีและระยองที่เพิ่มเป็น 60% จาก 45% ของพื้นที่ทั้งหมด นับตั้งแต่รัฐฯเห็นชอบ EEC 2 ปีที่ผ่านมา
AMATA ที่มีพื้นที่พร้อมขายในชลบุรีและระยอง 1.4 หมื่นไร่ และมีรายได้ประจำจากค่าน้ำค่าไฟที่อีก 40% ของรายได้รวม อีกทั้ง มีนิคมฯในเวียดนามตอนใต้และกำลังขอไลเซนส์ที่ตอนเหนิอ ด้วยประสบการณ์ที่สูง เรามองว่ามีโอกาสขยายไปลาวและเมียนมาร์ เพื่อยกระดับการเติบโตในอนาคต
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯออกมาดี เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นถึง 310,000 คน มากกว่าคาดที่ 200,000 คน อัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ 4.1% เป็นเดือนที่ 5 ส่วนค่าจ้างแรงงานซึ่งสำคัญสุด +0.1% M-M ชะลอจาก ม.ค. ที่ +0.3% M-M ทำให้ตลาดคลายกังวลเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ย สินทรัพย์เสี่ยงเริ่มฟื้นกลับ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวของ SET ในสัปดาห์นี้ แต่ยังมีหลายประเด็นต้องจับตา ทั้งการปะมูลพันธบัตรและตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ รวมถึงการขึ้นภาษีเหล็กและการพบกับผู้นำเกาหลีเหนือของทรัมป์
(0) BJC จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ บริษัทยังตั้งเป้าการเติบโตต่อเนื่องจากทั้ง 4 ธุรกิจหลัก แนวโน้ม SSSG 1Q18 ของ BIGC ยังเป็นบวกเล็กน้อย และมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงอยู่ระหว่างขยายโรงแก้วแห่งที่ 5 ช่วยเพิ่ม capacity อีก 12% คาดเสร็จ 3Q18 แต่การปรับโครงสร้างภาษีล่าช้ากว่าคาด และการกลับรายการภาษีก้อนใหญ่ยังไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ เราจึงปรับลดกำไรสุทธิปีนี้ลง 14% เหลือ 6.6 พันลบ. (+26% Y-Y) และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 61 บาท จาก 64 บาท (DCF) แนะนำถือ
(0) EA การประชุมนักวิเคราะห์โทนกลางๆ เป็นการ update โครงการแบตฯ (คาดเริ่มก่อสร้าง 2Q18 เสร็จ 2Q19) และโครงการอื่นที่บริษัทมีแผน เราคิดว่าพื้นฐานของ EA เป็นปกติทุกอย่าง แต่ราคาหุ้นคาดหวังมากเกินไปกับโครงการแบตฯ เราคาดกำไรปีนี้ +36% Y-Y อยู่ที่ 5.2 พันลบ. สำหรับมูลค่าโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เราประเมินได้ 47 บาท
(+) BEM รายงานยอดผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าเดือนก.พ. เติบโตดีทั้ง 2 ธุรกิจ โดยปริมาณรถบนทางด่วน +3% Y-Y หนุนจากศรีรัช-รอบนอก ส่วนจำนวนผู้โดยสารในรถไฟฟ้า +7.6% Y-Y อยู่ที่ 3.22 แสนเที่ยว/วัน ซึ่งดูจะขัดแย้งกับราคาหุ้นที่ลง 7% YTD เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ +18% Y-Y อยู่ที่ 3.7 พันลบ. และคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้ามาย 10 บาท
(+) FTE ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 20% Y-Y ปัจจุบันมีงานในมือทั้งงานขายอุปกรณ์ดับเพลิง และงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพิลงราว 400 ลบ. คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 70% และมีงานรอประมูลในช่วงที่เหลือของปีอีกราว 700 ลบ.ส่วนใหญ่คืองานในสถานีฐานของกฟผ.และกฟน. เป้าดังกล่าวใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่คาดรายได้ +18% Y-Y อยู่ที่ 1.1 พันลบ. และกำไรสุทธิโต 15% Y-Y อยู่ที่ 150 ลบ. Upside อยู่ที่งานปรับปรุงระบบดับเพลิงสถานีฐานทั่วประเทศของกฟภ. และการขายตัวของโรงไฟฟ้า SPP ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้ามาย 5 บาท
(+) ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯออกมาดี เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นถึง 310,000 คน มากกว่าคาดที่ 200,000 คน อัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ 4.1% เป็นเดือนที่ 5 ส่วนค่าจ้างแรงงานซึ่งสำคัญสุด +0.1% M-M ชะลอจาก ม.ค. ที่ +0.3% M-M ทำให้ตลาดคลายกังวลเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ย สินทรัพย์เสี่ยงเริ่มฟื้นกลับ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวของ SET ในสัปดาห์นี้ แต่ยังมีหลายประเด็นต้องจับตา ทั้งการปะมูลพันธบัตรและตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ รวมถึงการขึ้นภาษีเหล็กและการพบกับผู้นำเกาหลีเหนือของทรัมป์
(0) BJC จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ บริษัทยังตั้งเป้าการเติบโตต่อเนื่องจากทั้ง 4 ธุรกิจหลัก แนวโน้ม SSSG 1Q18 ของ BIGC ยังเป็นบวกเล็กน้อย และมีแผนเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง รวมถึงอยู่ระหว่างขยายโรงแก้วแห่งที่ 5 ช่วยเพิ่ม capacity อีก 12% คาดเสร็จ 3Q18 แต่การปรับโครงสร้างภาษีล่าช้ากว่าคาด และการกลับรายการภาษีก้อนใหญ่ยังไม่แน่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ เราจึงปรับลดกำไรสุทธิปีนี้ลง 14% เหลือ 6.6 พันลบ. (+26% Y-Y) และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 61 บาท จาก 64 บาท (DCF) แนะนำถือ
(0) EA การประชุมนักวิเคราะห์โทนกลางๆ เป็นการ update โครงการแบตฯ (คาดเริ่มก่อสร้าง 2Q18 เสร็จ 2Q19) และโครงการอื่นที่บริษัทมีแผน เราคิดว่าพื้นฐานของ EA เป็นปกติทุกอย่าง แต่ราคาหุ้นคาดหวังมากเกินไปกับโครงการแบตฯ เราคาดกำไรปีนี้ +36% Y-Y อยู่ที่ 5.2 พันลบ. สำหรับมูลค่าโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เราประเมินได้ 47 บาท
(+) BEM รายงานยอดผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าเดือนก.พ. เติบโตดีทั้ง 2 ธุรกิจ โดยปริมาณรถบนทางด่วน +3% Y-Y หนุนจากศรีรัช-รอบนอก ส่วนจำนวนผู้โดยสารในรถไฟฟ้า +7.6% Y-Y อยู่ที่ 3.22 แสนเที่ยว/วัน ซึ่งดูจะขัดแย้งกับราคาหุ้นที่ลง 7% YTD เรายังคงประมาณการกำไรปีนี้ +18% Y-Y อยู่ที่ 3.7 พันลบ. และคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้ามาย 10 บาท
(+) FTE ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 20% Y-Y ปัจจุบันมีงานในมือทั้งงานขายอุปกรณ์ดับเพลิง และงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพิลงราว 400 ลบ. คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ราว 70% และมีงานรอประมูลในช่วงที่เหลือของปีอีกราว 700 ลบ.ส่วนใหญ่คืองานในสถานีฐานของกฟผ.และกฟน. เป้าดังกล่าวใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่คาดรายได้ +18% Y-Y อยู่ที่ 1.1 พันลบ. และกำไรสุทธิโต 15% Y-Y อยู่ที่ 150 ลบ. Upside อยู่ที่งานปรับปรุงระบบดับเพลิงสถานีฐานทั่วประเทศของกฟภ. และการขายตัวของโรงไฟฟ้า SPP ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้ามาย 5 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 มี.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), ประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี
14 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
15 มี.ค.- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ก.พ.)
16 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ก.พ.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าปธ.ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม แต่ยกเว้นให้กับแคนนาดาและเม็กซิโก และพร้อมส่งสัญญาณเปิดทางการเจรจาให้กับประเทศอื่นๆ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปทุกตลาดปิดบวก หลังธนาคารกลางยุโรปได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจ รวมถึงประกาศคงอัตราดอกเบี้ย
(+) ภาพรวมตลาดเอเชียยังดูสดใส หลังตัวเลขGDPของญี่ปุ่นที่ออกมา สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทำให้ตลาด NIKKEI บวกไปกว่า 2.5-3% ตั้งแต่เมื่อวานนี้
() ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ยังคงมีเสถียรภาพอยู่ในกรอบ 31.30 – 31.40 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับตัวลง 1.03 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 60.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดยังคงกังวลถึงปริมาณการผลิตและสต็อคน้ำมันของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 5.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,321.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6304
13 มี.ค.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.), ประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี
14 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดค้าปลีก (ก.พ.)
15 มี.ค.- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ก.พ.)
16 มี.ค.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ก.พ.)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อย แม้ว่าปธ.ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม แต่ยกเว้นให้กับแคนนาดาและเม็กซิโก และพร้อมส่งสัญญาณเปิดทางการเจรจาให้กับประเทศอื่นๆ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปทุกตลาดปิดบวก หลังธนาคารกลางยุโรปได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจ รวมถึงประกาศคงอัตราดอกเบี้ย
(+) ภาพรวมตลาดเอเชียยังดูสดใส หลังตัวเลขGDPของญี่ปุ่นที่ออกมา สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทำให้ตลาด NIKKEI บวกไปกว่า 2.5-3% ตั้งแต่เมื่อวานนี้
() ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ยังคงมีเสถียรภาพอยู่ในกรอบ 31.30 – 31.40 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับตัวลง 1.03 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 60.12 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดยังคงกังวลถึงปริมาณการผลิตและสต็อคน้ำมันของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 5.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,321.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO6304