- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 March 2018 17:31
- Hits: 3013
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : รีบาวด์ตามเพื่อนบ้าน
หุ้นแนะนำพิเศษ : CK
หุ้นมีข่าว : PTTEP PTT AGE TRUE ADVANC ITEL
Technical Insight : TOA SKY
ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้
Sideway Down ท่ามกลางการอ่อนตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน หลังมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้าจากแผนการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม โดย ENERG PETRO BANK COM กดดันหลัก ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,781.64 จุด (-17.42 จุด) Volume 7.15 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,194.92 ลบ. TFEX Net -3,911 สัญญา ตราสารหนี้ +2,488.37 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับขึ้นในระดับปานกลาง ส่วนตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว
+การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
+บอร์ด สสว.อนุมัติงบกว่า 1.2 พันลบ. ส่งเสริม SME สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจตามยุทธศาสตร์ชาติ
-ดาวโจนส์ปิดลบเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าในไม่ช้า
-น้ำมันดิบปิดร่วงลงหลัง EIA เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์
-ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์เตรียมเดินหน้าแผนเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมสัปดาห์นี้ โดยอาจยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กจากเม็กซิโก แคนาดาและบางประเทศ
-ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งแตะ 5.66 หมื่นลบ.สูงสุดในรอบกว่า 9 ปี
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.57 หมื่นล้านบาท) ขณะที่เงินบาทแข็งค่าสู่ 31.34 บาท/USD
**จับตา 8 มี.ค. ประชุม ECB 9 มี.ค. ประชุม BOJ
**จับตา 8 มี.ค. สนช.ประชุมลงมติร่างพรบ.สส. – สว.
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐระดับปานกลางคลายกังวลเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่มีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันปรับลงหนุน sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ Fund Flow ยังผันผวนเป็นปัจจัยหลักกดดันตลาด ดังนั้นคาด SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,774-1,792 จุด
กลยุทธ์การลงทุน : เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
CPF GFPT จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย
TVO ราคากากถั่วเหลือง +22%QTD ขณะที่ราคาเมล็ดถั่วเหลืองปรับเพิ่มขึ้นเพียง 11.5%QTD และได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง
หุ้นปันผลเด่น ASEFA BAFS CPT CRD FTE GLOW KKP NYT PSH PTTGC SCB SF SIS SMPC SPRC TK TOP WHAUP TISCO QH
หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.3 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,885 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)
หุ้นมีข่าว
(+) “PTTEP-PTT” โล่งไปหนึ่งเปลาะ! รัฐบาลอินโดนีเซียขอถอนฟ้อง กรณีเรียกร้องค่าเสียหายเหตุการณ์มอนทารา 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมเปิดทางให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าซื้อโครงการมอนทาราต่อจากบริษัท (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น ประเด็นการฟ้องร้องดังกล่าวไม่ส่งผลต่อพื้นฐานของบริษัทในระยะสั้นเพราะคาดว่ากระบวนการศาลจะใช้เวลาอีกระยะในการพิจารณา นอกจากนี้ PTTEP ได้ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาลของประเทศออสเตรเลียว่าคราบน้ำมันที่เกิดจากเหตุการณ์ มอนทาราไม่ได้แพร่เข้าสู่ชายฝั่งของประเทศอินโดนีเซียหรือออสเตรเลีย และไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาวในทะเลติมอร์
(+) PTTGC ลงนามสัญญาร่วมทุนกับ Kuraray-Sumitomo ศึกษาการผลิตพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงในไทย
(+/-) AGE (ราคาปัจจุบัน 1.44 บาท ทยอยซื้อสะสม ราคาเหมาะสม 1.90 บาท)
ผู้บริหารเตรียมขยายธุรกิจ Logistic ทางน้ำ โดยการเตรียมรับมอบเรือที่สั่งต่อไว้ 4 ลำ ในช่วง 2Q61 และอีก 10 ลำ ในช่วง 4Q61 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8 ลำ คาดหนุนรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้นจาก 2.57% ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 5% ยังคงตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโต 20 - 25% พร้อมกันนี้ ปัจจุบันมีออเดอร์พร้อมส่งมอบถึงช่วง 2Q61 แล้วราว 4 - 5 แสนตัน จากทั้งในและต่างประเทศ
ความเห็น Volume ปี 61 ยังต้องติดตาม จีน และเวียดนามเป็นหลัก จากการเป็นส่วนสำคัญมรการสร้างการเติบโตที่มีเสถียรภาพ แต่เชื่อว่าการขยายเข้าไปในตลาดที่มีการเติบโตด้านถ่านหินสูงในปี 3 - 5 ปี หนุนให้สามารถมีส่วนแบ่งตลาดได้ ขณะที่อาจถูกดันโดน Gross Profit Margin ที่อ่อนตัว ส่วนธุรกิจเรือน่าจะยังทยอย Ramp Up กำลังการให้บริการที่มีต่อไปได้ ด้านราคาหุ้นที่มีการอ่อนตัวลงในช่วงก่อนหน้าอาจเป็นการสะท้อนความกังวลต่อ 1) ความล่าช้าของการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ประเทศจีน และ 2) ผลขาดทุนจากการประกอบการที่ประเทศเวียดนามในช่วงเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจาก Partner ที่ประเทศจีนแล้ว ด้านเวียดนามคาดคุ้มทุนในงวด 3Q61 เป็นต้นไป โดยรวมจึงยังแนะนำ "ทยอยซื้อสะสม" และติดตามแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างใกล้ชิด
กลุ่ม โทรคมนาคม Top Pick TRUE (ราคาปิด 6.45 บาท Bloomberg Consensus 7.13 บาท) : เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา กสทช. ชะลอแผนการจัดประมูล USO Net เฟส 2 จำนวน 15,732 หมู่บ้าน เพื่อรอมติของกระทรวง DE อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีความเห็นชะลอการประกาศหลักเกณฑ์ในการประมูลคลื่นความถี่ 900 และ 1800 Mhz ในราชกิจการนุเบกษาออกไป หลังยังไม่มีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฏีกาตอบกลับมา
ทั้งนี้ ประเด็นการชะลอการจัดประมูล USO Net เฟส 2 ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมบอร์ด DE เห็นชอบให้กระทรวง DE เป็นผู้ดำเนินการแทน กสทช.ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ. 61 อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการนำผลการประชุมบอร์ด DE เข้า ครม.เพื่อสรุปว่ากระทรวง DE จะเป็นผู้ดำเนินการก่อนที่ กสทช.จะปรับจากชะลอเป็นยกเลิกการประมูลอย่างเป็นทางการ
ความเห็น คาดการชะลอ USO Net เฟส 2 อาจกดดันต่อ ITEL ซึ่งเป็น 1 ในผู้มีคุณสมบัติและความสามารถในการแข่งขัน เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากราคาหุ้นของ ITEL ได้มีการอ่อนตัวจากวันที่ 27 ก.พ. 61 กว่า 4.4% แล้ว โดยแม้ว่าผลของการมติ ครม.จะส่งผลให้มีการยกเลิกการประมูลไปก่อน แต่ล่าสุด ITEL ยังมีการแจก ITEL-W1 (อัตราส่วน 4:1 ใช้สิทธิ์ 1:1 ที่ราคา 5 บาท อายุ 3 ปี) มาประครองราคาหุ้นบางส่วน
ส่วนการชะลอการประมูลคลื่น 900 และ 1800 Mhz โดยรวมน่าจะกดดัน DTAC มากสุดเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการตอบรับจากสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นหน่วยงานสุดท้ายเพื่อให้การเป็นพันธมิตรกับ TOT บนคลื่น 2300 Mhz สมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ อาจหมายความว่าจะส่งผลบวกต่อ ADVANC และ TRUE ในแง่ของโอกาสในการเพิ่มฐานลูกค้าและการแข่งขันที่น่าจะลดความรุนแรงลง แนะนำ “ขาย” DTAC และ “ซื้อเก็งกำไร” ADVANC (BB 213.95 บาท) และ TRUE (BB 7.13 บาท) โดยเลือก Top Pick เป็น True หลังมีกำไรพิเศษอีกก้อนใหญ่จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF รอบ 2 ที่มีมูลค่ามากกว่ารอบแรกถึง 2 – 3 เท่า และโอกาสในการพลิกเป็นกำไรปกติในปี 61
หุ้นแนะนำพิเศษ
CK Analyst meeting (ราคาปิด 24.10 Bloomberg Consensus 34.91)
ปี 61 บริษัทคาดรายได้อยู่ที่ราว 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลง 5%-19% โดยยังคงรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี และงาน M&E สัญญา 6 จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน อย่างไรก็ตามการรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มอาจต่ำกว่าที่ประเมินก่อนหน้านี้เนื่องจากเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้ากว่าแผน ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นสู่ 8% จาก 7.9% ในปี 60 ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีแนวโน้มลดลงราว 320 ล้านบาท(ตั้งสำรองหนี้สูญ 284 ล้านบาทและค่าจ้างที่ปรึกษาอีก 40 ล้านบาท)
คาดปี 61 งานภาครัฐจะเปิดประมูลราว 7.8 แสนล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดประมูลใน 2Q61 ราว 2.8 แสนล้านบาท (ทางด่วนดาวคะนอง-พระราม3 มอเตอร์เวย์ 2 เส้น และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน) เปิดประมูล 3Q61 ราว 3.6 แสนล้านบนาท (รถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง) และเปิดประมูล 4Q61 ราว 1.36 แสนล้านบาท (รถไฟทางคู่ 2 เส้นทาง)
ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อ CK แม้ว่างานประมูลภาครัฐในปี 61 จะมีมากถึง 7.8 แสนล้านบาท แต่การรับรู้รายได้ของบริษัทมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปีก่อนเนื่องจากการเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ล่าช้า อย่างไรก็ตามเรายังชอบ CK มากกว่า STEC เนื่องจาก STEC ถูกกดดันจากการตั้งค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นทำให้กดดันอัตรากำไรขั้นต้นปี 61
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO6207
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940 ทศพล วิไลประภากร
OO6207