- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 05 March 2018 16:48
- Hits: 2137
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ภายนอกจับตาค่าจ้างสหรัฐฯ วันศุกร์ ภายในติดตามกำไรไตรมาส 1/61 กลุ่มธนาคาร
ตลาดช่วงสั้นมีแนวโน้มเพิ่มความระมัดระวัง (Risk-off) สะท้อนความไม่แน่นอนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จาก 1) การประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำมาสู่การจุดชนวนสงครามทางการค้าและการตอบโต้ของกลุ่มประเทศคู่ค้าต่างๆ เช่น จีน ยุโรป ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก 2) การเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลีที่ ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภา 3) รายงานตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมง (average hourly earnings) ที่อาจส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงสั้น
สำหรับหุ้นไทย กลุ่มโภคภัณฑ์ที่ปับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงก่อนหน้า จนหุ้นหลายตัวเริ่มปรับขึ้นเกินราคาเหมาะสม หรือมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมลดลง จะทำให้มีความเสี่ยงต่อแรงทำกำไร หรือถูกปรับลดน้ำหนัก ขณะที่กลุ่มธนาคารที่มี Valuation ที่ถูกที่สุดในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เริ่มมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหากผลประกอบการไตรมาส 1/61 ที่จะประกาศในช่วงต้นเม.ย.ออกมาดี จะทำให้ตลาดกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารและหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศอีกครั้ง
Investment Theme // กลุ่มธนาคาร หุ้นที่เราชอบได้แก่ BBL, KBANK, KTB //การแพทย์ หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*// หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือ (BDI) เริ่มขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // กลุ่มพลังงาน top pick 3 อันดับ 1) BANPU, 2) PTTEP และ 3) IRPC, IVL, PTTGC
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวสร้างฐาน และช่วงสั้นมีโอกาสสลับกลุ่มนำตลาดจากพลังงานสู่ธนาคาร แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อรายตัวในจังหวะผันผวน นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ BANPU, BBL, BDMS, TTA*
แนวรับ 1800 / แนวต้าน : 1820 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ภายนอกจับตาค่าจ้างสหรัฐฯ วันศุกร์ ภายในติดตามกำไรไตรมาส 1/61 กลุ่มธนาคาร
ตลาดช่วงสั้นมีแนวโน้มเพิ่มความระมัดระวัง (Risk-off) สะท้อนความไม่แน่นอนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จาก 1) การประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำมาสู่การจุดชนวนสงครามทางการค้าและการตอบโต้ของกลุ่มประเทศคู่ค้าต่างๆ เช่น จีน ยุโรป ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก 2) การเลือกตั้งทั่วไปของอิตาลีที่ ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภา 3) รายงานตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมง (average hourly earnings) ที่อาจส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงสั้น
สำหรับหุ้นไทย กลุ่มโภคภัณฑ์ที่ปับตัวขึ้นโดดเด่นในช่วงก่อนหน้า จนหุ้นหลายตัวเริ่มปรับขึ้นเกินราคาเหมาะสม หรือมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมลดลง จะทำให้มีความเสี่ยงต่อแรงทำกำไร หรือถูกปรับลดน้ำหนัก ขณะที่กลุ่มธนาคารที่มี Valuation ที่ถูกที่สุดในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เริ่มมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะหากผลประกอบการไตรมาส 1/61 ที่จะประกาศในช่วงต้นเม.ย.ออกมาดี จะทำให้ตลาดกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารและหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคในประเทศอีกครั้ง
Investment Theme // กลุ่มธนาคาร หุ้นที่เราชอบได้แก่ BBL, KBANK, KTB //การแพทย์ หุ้นพื้นฐานดีที่ Underperform & Under-owned ในช่วงที่ผ่านมา BDMS BCH THG*// หุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับขึ้น TIP*, THREL* // กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือ (BDI) เริ่มขาขึ้นช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ได้แก่ PSL TTA // กลุ่มพลังงาน top pick 3 อันดับ 1) BANPU, 2) PTTEP และ 3) IRPC, IVL, PTTGC
ภาพรวมกลยุทธ์: แกว่งตัวสร้างฐาน และช่วงสั้นมีโอกาสสลับกลุ่มนำตลาดจากพลังงานสู่ธนาคาร แนะนำเตรียมเงินสดราว 25-30% เพื่อเลือกซื้อรายตัวในจังหวะผันผวน นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำ BANPU, BBL, BDMS, TTA*
แนวรับ 1800 / แนวต้าน : 1820 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
ยุโรปตั้ง safeguard ตอบโต้สหรัฐฯ – ยุโรปพิจารณาตั้งภาษีปกป้องการนำเข้าสินค้าเพิ่ม (safeguard) กับสินค้าสหรัฐฯ 3 ประเภท ได้แก่ เหล็ก สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร เพื่อตอบโต้สหรัฐฯที่ตั้งภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม
เงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ. ชะลอตัวตามเงินบาทที่แข็งค่า – ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ก.พ. อยู่ที่ 101.21 ขยายตัว 0.42%yoy (ตลาดคาดโต 0.7%) แต่ลดลง 0.23%mom โดยการชะลอตัวเป็นผลมาจากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ขณะที่ราคาอาหารสดยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12
กลุ่มผู้ผลิตยางรายใหญ่ร่วมสร้างเสถียรภาพราคาผ่านการควบคุมปริมาณยางในระบบ – รมว.เกษตรและสหกรณ์เผยอินโดฯสนใจมาตรการหยุดกรีดยาง หลังไทยเสนอ 4 ประเทศ ผู้ผลิตยางร่วมมือกันสร้างหวังสร้างเสถียรภาพราคา
จีนเปิดฉากประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ครั้งที่ 13 - ซึ่งจะประชุมถึง 20 มี.ค. โดยคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 6.5%, คงเป้าหมายเงินเฟ้อ 3% ปีนี้ ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงและช่วยสนับสนุนการเติบโตในภูมิภาค
กลุ่มเหล็ก - โดยรวมรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/60 ออกมาย่ำแย่ตามที่เราส่งสัญญาณเตือน (ราคาเหล็กสูง แต่ปริมาณการขายต่ำ) ราคาหุ้นที่ตอบรับผลการดำเนินงานทำให้มีโอกาสเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยยังคงมอง MILL* และ CHOW* น่าสนใจ
ประเด็นติดตาม: 6 มี.ค. – ศาลฯ อ่านคำพิพากษา BANPU, 2 มี.ค. – US Beige Book, ตัวเลขการจ้างงาน, 7 มี.ค. EU – GDP ไตรมาส 4/60, 9 มี.ค. US – ตัวเลขค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมง, 21 มี.ค. US – FOMC meeting
ยุโรปตั้ง safeguard ตอบโต้สหรัฐฯ – ยุโรปพิจารณาตั้งภาษีปกป้องการนำเข้าสินค้าเพิ่ม (safeguard) กับสินค้าสหรัฐฯ 3 ประเภท ได้แก่ เหล็ก สินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตร เพื่อตอบโต้สหรัฐฯที่ตั้งภาษีนำเข้าเหล็ก-อะลูมิเนียม
เงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ. ชะลอตัวตามเงินบาทที่แข็งค่า – ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ก.พ. อยู่ที่ 101.21 ขยายตัว 0.42%yoy (ตลาดคาดโต 0.7%) แต่ลดลง 0.23%mom โดยการชะลอตัวเป็นผลมาจากราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ขณะที่ราคาอาหารสดยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12
กลุ่มผู้ผลิตยางรายใหญ่ร่วมสร้างเสถียรภาพราคาผ่านการควบคุมปริมาณยางในระบบ – รมว.เกษตรและสหกรณ์เผยอินโดฯสนใจมาตรการหยุดกรีดยาง หลังไทยเสนอ 4 ประเทศ ผู้ผลิตยางร่วมมือกันสร้างหวังสร้างเสถียรภาพราคา
จีนเปิดฉากประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ครั้งที่ 13 - ซึ่งจะประชุมถึง 20 มี.ค. โดยคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 6.5%, คงเป้าหมายเงินเฟ้อ 3% ปีนี้ ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงและช่วยสนับสนุนการเติบโตในภูมิภาค
กลุ่มเหล็ก - โดยรวมรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/60 ออกมาย่ำแย่ตามที่เราส่งสัญญาณเตือน (ราคาเหล็กสูง แต่ปริมาณการขายต่ำ) ราคาหุ้นที่ตอบรับผลการดำเนินงานทำให้มีโอกาสเข้าลงทุนอีกครั้ง โดยยังคงมอง MILL* และ CHOW* น่าสนใจ
ประเด็นติดตาม: 6 มี.ค. – ศาลฯ อ่านคำพิพากษา BANPU, 2 มี.ค. – US Beige Book, ตัวเลขการจ้างงาน, 7 มี.ค. EU – GDP ไตรมาส 4/60, 9 มี.ค. US – ตัวเลขค่าจ้างแรงงานต่อชั่วโมง, 21 มี.ค. US – FOMC meeting
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
นักกลยุทธ์: กิจพณ ไพรไพศาลกิจ
Email: [email protected]
OO6078