WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

“  SET ปรับฐาน เน้นหุ้นเสี่ยงต่ำ”
 ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : คาดดัชนีฯ ผันผวนและมีความเสี่ยงขาลง คาดกรอบ 1790-1830 จุด  .....  ปัจจัยเสี่ยงของตลาด คือ นักลงทุนจะเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน หลังทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ และมีความไม่แน่นอนในเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐฯมากขึ้น (เป็นลบต่อการค้าระหว่างประเทศ)  ขณะที่การรายงานผลประกอบการ 4Q-17 ที่สิ้นสุดลงและหุ้นขนาดใหญ่จะทยอยขึ้น “XD” สัปดาห์นี้ PTT, PTTGC, BH จะลดการเก็งกำไรในตลาดลง( หากหุ้นตัวนี้นไม่ได้มีปัจจัยบวกของตัวเอง)  …..  ตัวแปรที่ควรติดตาม จะเป็น ความคืบหน้าเรื่องภาษีนำเข้าเหล็ก-อลูมิเนียมของสหรัฐฯ  การประชุม ECB (8)  และตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ(9)
 กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ : ภาพตลาดดูเป็นลบและดัชนีฯมีกรอบบนที่จำกัด  นักลงทุนควรพิจารณาในฝั่งขายหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและขาดปัจจัยบวกเฉพาะตัว  หรือหุ้นที่มีค่า P/E สูงๆ  .....  กลยุทธ์ลงทุนในช่วงนี้ เราแนะว่า ควรทำทั้งเพิ่มการถือเงินสดให้มากขึ้น (เพื่อรอซื้อหุ้นรอบใหม่) และโยกหุ้นจากกลุ่มเสี่ยง (ถูกขาย) มาเน้นที่หุ้นที่ Valuation ดีๆ หรือหุ้น Defensive  ในพอร์ตให้มากขึ้น ……  สัปดาห์นี้ เราเน้นหุ้น ที่ Valuation ดีๆ (กำไรดี ราคามีส่วนต่างจากราคาที่เหมาะสม ) คือ  PTTGC BJC   MTLS  BEAUTY  และ  AH   ส่วนหุ้นที่มีความเป็น Defensive คือ ทนความผันผวนของตลาดได้ เราเลือก  CPALL และ BGRIM
  หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค:  SAWAD, TRUE, HARN  
      
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) JKN ปรับราคาซีรีส์อินเดียเป็นตอนละล้าน
  JKN ปรับราคาซีรีส์อินเดียตอนละ 1 ล้าน หลังเรตติ้งพุ่งไม่ต่ำกว่า 2-3 คาดว่าซีรีส์อินเดียจะเข้ามาช่วยผลประกอบการทีวีดิจิตอล ซึ่งประเมินว่าซีรีส์อินเดียน่าจะได้รับความนิยมต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10ปี  ในปี2018 ผู้บริหารคาดว่า รายได้และกำไรจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น 20-25% เนื่องจากมีลิขสิทธิ์ contentห กว่า 3,500 คอนเทนต์ และยอดรอรับรู้รายได้กว่า 400 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าราวกว่า 20 ราย สำหรับ CNBC คาดว่าเบื้องต้นจะใช้งบลงทุน 1254 ล้านบาท  มีสัญญาระยะเวลา 10 ปี 2018- 2027
ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกกับการปรับราคาซีรีส์อินเดียของ JKN เรามองว่าหุ้นที่ได้รับประโยชน์ในครั้งนี้ คือ JKN และผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลอย่าง RS  และ BEC เนื่องจากได้ซื้อและมีสต๊อกซีรีส์อินเดียในราคาเก่าซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันถึง 50% และมีเพียงพอที่จะฉายได้ถึง 2-3ปี ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นราคาของ JKN ในช่วง 2-3 ปีนี้ เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” RS ที่ราคาเป้าหมาย 35 บาท
(0) JMT: คาดรายได้ค่าติดตามทวงหนี้ลดลงจากข้อบังคับใหม่
  สมาคมเช่าซื้อหนุนธปท.คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน เตือนสมาชิกรอสัญญามาตรฐานใหม่ ก่อนมีผลบังคับ 1 ก.ค. ด้านบริษัททวงหนี้เกือบ 500 แห่ง โอดได้รับผลกระทบจากการปรับลดค่าธรรมเนียม 300-400% ลุ้นบอร์ดกำกับทบทวนอัตราค่าฟีตามความเสี่ยง-ประเภทสินเชื่อ ก่อนประกาศใช้กลางปีนี้ (Source – ฐานเศรษฐกิจม 04-07.03.2018)
  ความเห็น: จากข้อบังคับใหม่ต่อสัญญาเช่าซื้อที่ออกในช่วงที่ผ่านมา นอกจากจะส่งผลต่อผู้บริการสินเชื่อ เรามองว่าจะส่งผลต่อผู้รับจ้างติดตามหนี้ โดยทางกลุ่มบริษัทผู้ประกอบการธุรกิจทวงถามหนี้คาดจะได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนอัตราการติดตามหนี้ จากเดิมที่ 100 บาท/งวด สำหรับลูกหนี้ธุรกิจบัตรเครดิต เพราะวงเงินสินเชื่อต่ำไม่เกิน 3 หมื่นบาท แต่เกณฑ์ใหม่ได้ปรับมาใช้ในทุกธุรกิจ สำหรับหุ้นที่ให้บริการติดตามหนี้อย่าง JMT นั้นเรามองว่าจะมีรายได้จากการให้บริการติดตามหนี้ลดลง อย่างไรก็ตามเรามองว่าบริษัทจะมีรายได้จากกการบริหารกองหนี้ที่ซื้อมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) ERW (ซื้อ/10 บาท) ยังมี Upside เพิ่มเติมจากการขยายไปเมืองเซบูที่ฟิลิปปินส์
  จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (2 มี.ค.) ผู้บริหารยังมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจโรงแรมในปี 2018 ที่จะเติบโตได้โดดเด่นต่อเนื่อง โดยคาดรายได้รวมจะเติบโตได้ราว 10% YoY ส่วน RevPar ที่ไม่รวม Hop-Inn จะเติบโตได้ที่ 4% YoY ขณะที่มี Upside เพิ่มเติมจากการขยาย Hop-Inn ที่เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฟิลิปปินส์ โดยจะนำแบรนด์ Hop-Inn และ Holiday Inn เข้าไปเพิ่มเติม (เดิมเปิดแค่ที่มะนิลาและมีแต่แบรนด์ Hop-Inn) ซึ่งเรายังไม่ได้นำประเด็นดังกล่าวรวมอยู่ในประมาณการ ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิใน 1Q18 จะเติบโตได้โดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากเป็นช่วง High Season และไม่มีการ Renovate ของ JW Marriot ประกอบกับ ใน 1Q18 จะเปิด Hop-Inn เพิ่มอีก 3 แห่ง เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง 2018 PE ที่ 44 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย SD ย้อนหลัง 3 ปี เนื่องจากการเติบโตของ EBITDA ยังคงเติบโตได้ที่ระดับสูงถึง 30% ต่อปี ประกอบกับ ปี 2018 ยังเป็นปีที่รัฐบาลเน้นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะหนุนให้กำไรของ ERW มีโอกาสที่จะเติบโตได้มากกว่าที่คาดไว้ 
(0) AMATA (ซื้อ/28.00 บาท) ปรับลดกำไรสุทธิจากราคาขายที่ดินที่ลดลงอย่างมีนัย
  AMATA ตั้งเป้าในการขายที่ดินในปี 2018 ที่ 925 ไร่ จากยอดขายที่เลื่อนจากปี 2017 ประมาณ 400 ไร่ โดยเป้ายอดขายที่ดินปี 2018 ของบริษัทต่ำกว่าที่เราทำประมาณการไว้ที่ 1.1 พันไร่ เรามีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ลดลง 11% อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท จากรายได้การขายที่ดินที่ลดลงจากเดิม 3.0 พันล้านบาท เป็น 1.9 พันล้านบาท โดยได้รับปัจจัย ดังนี้ 1) ปรับลดยอดขายที่ดินในปี 2018 ที่เป้าบริษัทต่ำกว่าที่เราคาดเดิม 1.1 พันไร่เป็น 925 ไร่ และ 2) ราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงจากสัดส่วนการขายที่ดินที่ลดลงของนิคมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี อย่างไรก็ตามเรามองว่าบริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการน้ำ และส่วนแบ่งในธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้จากการเช่าคาดจะเพิ่มขึ้นสูงในระยะยาวจากการสร้างโรงงานสำเร็จรูปในเช่าเพิ่มขึ้นจากการขยายโรงงานสำเร็จรูป และการปรับเปลี่ยนนโยบายการขายขาดที่ดินในนิคม อมตะ ซิตี้ ชลบุรี เป็นการให้เช่าที่แทนการขายขาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 28.00 บาท (อิงวิธี SOTP) จากเดิม 30.00 บาท
(0) WHAUP (ถือ/10 บาท) เติบโตจำกัดในช่วง 2 ปีข้างหน้า
  เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยแผนการดำเนินงานและโครงการในอนาคตยังคงเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ ทำให้เรายังคงมุมมองเดิม คงประมาณการเดิมกำไรสุทธิปี 2018-19 เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี (CAGR 2017-19) เข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังเหลือกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกเพียง 63 MW ซึ่งจะทยอย COD ในช่วง 2018-19 (+6% CAGR) ด้านธุรกิจบริหารจัดการน้ำคาดมีรายได้เติบโตต่อเนื่องราว 11% CAGR 2017-19 ในขณะที่โครงการใหม่อย่างการวางท่อเพื่อจำหน่ายก๊าซธรรมชาติในนิคม Eastern seaboard 2, 4 และการเข้าบริหารจัดการน้ำใน CLMV คาดต้องใช้เวลาและยังไม่สร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วง 1-2 ปีจากนี้ ราคาหุ้นปรับตัวลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จนมี upside อยู่ราว 20% จากราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท แต่ด้วยการเติบโตที่ค่อนข้างจำกัดและไม่มีปัจจัยบวกใหม่ในระยะเวลาอันใกล้ อย่างไรก็ตาม WHAUP ปัจจุบันซื้อขายที่ 2018 PER ที่ 15x ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 26x ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ”
 
Analysts:   Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO6077

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!