- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 23 February 2018 22:45
- Hits: 7402
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate On Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ SET จะเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ในช่วงต้นชั่วโมงการซื้อขายจาก PTT ที่ยังปรับตัวขึ้นแรง อย่างไรก็ตามยังเห็นขายที่หนาแน่นในหุ้นตัวอื่นๆและส่งผลให้ตลาดย้อนลงมาปิดลบกว่า 12 จุด ณ สิ้นวันจากแรงกดดันหลังสนช.ไม่เห็นชอบรายชื่อกกต.ชุดใหม่ แรงขายส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศราว 3 พันลบ. (แต่ยังซื้อตราสารหนี้หนาแน่นติดต่อกันเป็นวันที่ 6 อีก 2.4 หมื่นลบ.) ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 591 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะรีบาวด์ได้ระยะสั้นโดยกลุ่มพลังงานน่าจะหนุนตลาดหลังราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนปรับตัวขึ้นแรง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ออกมาแข็งแกร่งอย่าง CPALL และ BANPU อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวคาดว่ายังจำกัดจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยของสหรัฐฯยังไม่หายไป สังเกตจาก VIX Index ที่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ ส่วนประเด็นความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศเราเชื่อว่ากระทบต่อจำกัดขอเพียงมีความชัดเจน เรายังมองจังหวะย่อตัวของตลาดเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐาน
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่มีกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$467ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$272ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$19ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกภูมิภาคแต่น่าจะเบาลง หลังประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ระบุว่าถึงเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต้องไม่เร็วเกินไปและต้องทำอย่างระมัดระวัง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPALL <<
กำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 5.5 พันลบ. +11% Q-Q, +28% Y-Y จากกำไรของ MAKRO ที่ +30% Q-Q, +17% Y-Y อยู่ที่ 1.9 พันลบ. และ SSSG ของ 7-11 ที่ +6% Y-Y ผนวกกับการเปิดสาขาใหม่อีก 116 แห่ง
กำไรสุทธิทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1.99 หมื่นลบ. มีสาขามากถึง 10,628 แห่ง แนวโน้มปี 2018 คาดโตต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่ฟื้นและแผนเปิดสาขาอีก 700 แห่ง รวมถึง MAKRO ที่จะไปโตต่างประเทศทเช่น จีนและอินเดีย
ปรับเพิ่มกำไรปีนี้เป็น 2.45 หมื่นลบ. +23% Y-Y และปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 86 บาท เป็น 98 บาท แนะนำซื้อ
กำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 5.5 พันลบ. +11% Q-Q, +28% Y-Y จากกำไรของ MAKRO ที่ +30% Q-Q, +17% Y-Y อยู่ที่ 1.9 พันลบ. และ SSSG ของ 7-11 ที่ +6% Y-Y ผนวกกับการเปิดสาขาใหม่อีก 116 แห่ง
กำไรสุทธิทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1.99 หมื่นลบ. มีสาขามากถึง 10,628 แห่ง แนวโน้มปี 2018 คาดโตต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่ฟื้นและแผนเปิดสาขาอีก 700 แห่ง รวมถึง MAKRO ที่จะไปโตต่างประเทศทเช่น จีนและอินเดีย
ปรับเพิ่มกำไรปีนี้เป็น 2.45 หมื่นลบ. +23% Y-Y และปรับราคาเป้าหมายขึ้นจาก 86 บาท เป็น 98 บาท แนะนำซื้อ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) Banks รายงานสินเชื่อเดือนม.ค. ชะลอตัว 0.6%M-M จากการจ่ายชำระคืนตามฤดูกาล แต่โฟกัสของสินเชื่อจะอยู่ใน 2H18 คงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ +6% Y-Y และกำไรทั้งกลุ่ม +10 Y-Y อยู่ที่ 2.1 แสนลบ. ดีที่สุดในรอบ 5 ปี จากภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่วัฏจักรการลงทุน แนะนำ Overweight กลุ่มธนาคาร Top Pick เป็น KBANK (ราคาเหมาะสม 264 บาท) และ BBL (ราคาเหมาะสม 244 บาท)
(0) FSMART แนวโน้ม 1Q18 คาดกลับมาโต Q-Q, Y-Y จากรายได้ต่อตู้เพิ่ม ต้นทุนค่าเสื่อมชะลอ และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง แต่เราปรับกำไรปี 2018-2019 ลง 7-10% เหลือ 640 ลบ. (+18% Y-Y) และ 722 (+13% Y-Y) และปรับลดสมมุติฐาน L-T Growth เหลือ 1% เพื่อ Conservative มากขึ้นต่อความเสี่ยงระยะยาวที่พฤติกรรมผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไป ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2018 ลงเหลือ 15 บาท จาก 19.50 บาท ราคาหุ้นปรับลงมามากเกือบ 20% หลังกำไร 4Q17 ต่ำกว่าคาดและกังวล 7-11 จะเป็น Banking Agent แต่เราคาดว่ายังไม่เกิดขึ้นเร็ว และด้วยปันผลน่าสนใจ 5-7% ต่อปี จึงแนะนำซื้อ จากเดิมชะลอการลงทุน
(0) TACC กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 33 ลบ. +50% Q-Q, 14% Y-Y เป็นจุดสูงสุดใหม่และดีกว่าคาด 7% แม้กัมพูชาจะแผ่วลง แต่ชดเชยได้จากธุรกิจในประเทศที่ดีทั้งสินค้าเดิมและใหม่ แต่อัตรากำไรขั้นต้นชะลอเล็กน้อยจากภาษีน้ำตาลและการแข่งขันในกัมพูชาที่สูงขึ้น กำไรทั้งปี 2017 อยู่ที่ 112 ลบ. +11% Y-Y เราปรับลดกำไรปี 2018 ลงเหลือ 125 ลบ. +11% Y-Y เพราะกำไร 1Q18 จะชะลอกว่าคาด เนื่องจากกัมพูชายังไม่ฟื้นและ 7-11 ให้ใช่สูตรใหม่ เม.ย. 18 ทำให้ถูกเก็บภาษีน้ำตาลเต็มไตรมาส ซึ่งผลจากการเติบโตที่ลดลงทำให้เราปรับลด PE ลงเป็น 28 เท่า ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 6 บาท จาก 7.7 บาท แนะนำซื้อ
(+) RSP กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 58 ลบ. +26% Q-Q, -18% Y-Y ดีกว่าคาด โดยกำไรที่โต Q-Q เพราะ High Season แต่ที่ลง Y-Y มาจากฐานที่สูง กำไรทั้งปี 2017 อยู่ที่ 226 ลบ. -24% Y-Y เรามองกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ด้วยแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้นเพื่อทำตลาด ทำให้เราปรับลดกำไรปี 2018 ลงเหลือ 270 ลบ. +20% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 8.4 บาท จาก 9.5 บาท แนะนำซื้อ โดย RSP ประกาศจ่ายปันผล 0.15 บาท Yield 2% (FSS เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ RSP)
(+) ICHI กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 93 ลบ. +65% Q-Q และพลิกจากขาดทุน 55 ลบ. ใน 4Q16 ถ้าไม่รวมด้อยค่าความนิยมแบรนด์ไบเล่ 24 ลบ. จะมีกำไรปกติ 138 ลบ. +100% Q-Q จากรายได้ส่งออกที่โตแรง แต่ในประเทศยังชะลอต่อเนื่อง กำไรสุทธิทั้งปี 2017 อยู่ที่ 315 ลบ. -15% Y-Y ต่ำสุดในรอบ 6 ปี แนวโน้มปี 2018 จะกลับมาโตจากฐานต่ำและตลาดส่งออกที่ยังดี แต่เราปรับลดกำไรลงเหลือ 483 ลบ. +53% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 8.5 บาท จาก 9.7 บาท แนะนำถือ
(+) MODERN จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ แนวโน้มกำไร 4Q17 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิม (คาด 72 ลบ. น่าจะทำได้ 80-85 ลบ. โตทั้ง Q-Q, Y-Y) เพราะตลาดออฟฟิสกลับมาโตแรง เราคาดกำไรทั้งปี 2017 จบที่ 215 ลบ. +24% Y-Y และปี 2018 ยังฟื้นต่อเนื่อง ตามตลาดออฟฟิสและมิกซ์ยูสเปิดใหม่ที่ขยายตัวเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้อัตรากำไรสูงกว่าบ้านและคอนโด เราคาดปันผลเฉพาะ 2H17 ที่ 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 4% PE2018 แค่ 14 เท่า ยังแนะนำซื้อ
(0) Banks รายงานสินเชื่อเดือนม.ค. ชะลอตัว 0.6%M-M จากการจ่ายชำระคืนตามฤดูกาล แต่โฟกัสของสินเชื่อจะอยู่ใน 2H18 คงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ +6% Y-Y และกำไรทั้งกลุ่ม +10 Y-Y อยู่ที่ 2.1 แสนลบ. ดีที่สุดในรอบ 5 ปี จากภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่วัฏจักรการลงทุน แนะนำ Overweight กลุ่มธนาคาร Top Pick เป็น KBANK (ราคาเหมาะสม 264 บาท) และ BBL (ราคาเหมาะสม 244 บาท)
(0) FSMART แนวโน้ม 1Q18 คาดกลับมาโต Q-Q, Y-Y จากรายได้ต่อตู้เพิ่ม ต้นทุนค่าเสื่อมชะลอ และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง แต่เราปรับกำไรปี 2018-2019 ลง 7-10% เหลือ 640 ลบ. (+18% Y-Y) และ 722 (+13% Y-Y) และปรับลดสมมุติฐาน L-T Growth เหลือ 1% เพื่อ Conservative มากขึ้นต่อความเสี่ยงระยะยาวที่พฤติกรรมผู้บริโภคอาจเปลี่ยนไป ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2018 ลงเหลือ 15 บาท จาก 19.50 บาท ราคาหุ้นปรับลงมามากเกือบ 20% หลังกำไร 4Q17 ต่ำกว่าคาดและกังวล 7-11 จะเป็น Banking Agent แต่เราคาดว่ายังไม่เกิดขึ้นเร็ว และด้วยปันผลน่าสนใจ 5-7% ต่อปี จึงแนะนำซื้อ จากเดิมชะลอการลงทุน
(0) TACC กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 33 ลบ. +50% Q-Q, 14% Y-Y เป็นจุดสูงสุดใหม่และดีกว่าคาด 7% แม้กัมพูชาจะแผ่วลง แต่ชดเชยได้จากธุรกิจในประเทศที่ดีทั้งสินค้าเดิมและใหม่ แต่อัตรากำไรขั้นต้นชะลอเล็กน้อยจากภาษีน้ำตาลและการแข่งขันในกัมพูชาที่สูงขึ้น กำไรทั้งปี 2017 อยู่ที่ 112 ลบ. +11% Y-Y เราปรับลดกำไรปี 2018 ลงเหลือ 125 ลบ. +11% Y-Y เพราะกำไร 1Q18 จะชะลอกว่าคาด เนื่องจากกัมพูชายังไม่ฟื้นและ 7-11 ให้ใช่สูตรใหม่ เม.ย. 18 ทำให้ถูกเก็บภาษีน้ำตาลเต็มไตรมาส ซึ่งผลจากการเติบโตที่ลดลงทำให้เราปรับลด PE ลงเป็น 28 เท่า ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 6 บาท จาก 7.7 บาท แนะนำซื้อ
(+) RSP กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 58 ลบ. +26% Q-Q, -18% Y-Y ดีกว่าคาด โดยกำไรที่โต Q-Q เพราะ High Season แต่ที่ลง Y-Y มาจากฐานที่สูง กำไรทั้งปี 2017 อยู่ที่ 226 ลบ. -24% Y-Y เรามองกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ด้วยแนวโน้มค่าใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้นเพื่อทำตลาด ทำให้เราปรับลดกำไรปี 2018 ลงเหลือ 270 ลบ. +20% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 8.4 บาท จาก 9.5 บาท แนะนำซื้อ โดย RSP ประกาศจ่ายปันผล 0.15 บาท Yield 2% (FSS เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ RSP)
(+) ICHI กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 93 ลบ. +65% Q-Q และพลิกจากขาดทุน 55 ลบ. ใน 4Q16 ถ้าไม่รวมด้อยค่าความนิยมแบรนด์ไบเล่ 24 ลบ. จะมีกำไรปกติ 138 ลบ. +100% Q-Q จากรายได้ส่งออกที่โตแรง แต่ในประเทศยังชะลอต่อเนื่อง กำไรสุทธิทั้งปี 2017 อยู่ที่ 315 ลบ. -15% Y-Y ต่ำสุดในรอบ 6 ปี แนวโน้มปี 2018 จะกลับมาโตจากฐานต่ำและตลาดส่งออกที่ยังดี แต่เราปรับลดกำไรลงเหลือ 483 ลบ. +53% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 8.5 บาท จาก 9.7 บาท แนะนำถือ
(+) MODERN จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ แนวโน้มกำไร 4Q17 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิม (คาด 72 ลบ. น่าจะทำได้ 80-85 ลบ. โตทั้ง Q-Q, Y-Y) เพราะตลาดออฟฟิสกลับมาโตแรง เราคาดกำไรทั้งปี 2017 จบที่ 215 ลบ. +24% Y-Y และปี 2018 ยังฟื้นต่อเนื่อง ตามตลาดออฟฟิสและมิกซ์ยูสเปิดใหม่ที่ขยายตัวเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้อัตรากำไรสูงกว่าบ้านและคอนโด เราคาดปันผลเฉพาะ 2H17 ที่ 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 4% PE2018 แค่ 14 เท่า ยังแนะนำซื้อ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
27 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)
28 ก.พ.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP (ครั้งที่ 2)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ. 18)
- จีน: PMI ภาคการผลิต
1 มี.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต
20-21มี.ค.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
(+) ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรมหลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐลดลง รวมไปถึงตัวเลขการยื่นขอสวัสดิการการว่างงานลดลงเกือบแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 45 ปี
(-) ตลาดหุ้นยุโรป นำโดยดัชนี DAX และ FTSE ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตของเยอรมันปรับตัวลดลง รวมไปถึงการปรับลด GDPของประเทศอังกฤษในไตรมาสที่ 4
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ นำโดยเกาหลีใต้ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น
() ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังFEDสาขาเซนต์หลุยส์ออกมาเตือนว่ายังไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยเร็วจนเกินไปในปีนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 31.46บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 1.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง ซึ่งผิดคาดกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,332.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง
26 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
27 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)
28 ก.พ.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP (ครั้งที่ 2)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ. 18)
- จีน: PMI ภาคการผลิต
1 มี.ค.- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต
20-21มี.ค.- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
(+) ดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและอุตสาหกรรมหลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐลดลง รวมไปถึงตัวเลขการยื่นขอสวัสดิการการว่างงานลดลงเกือบแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ 45 ปี
(-) ตลาดหุ้นยุโรป นำโดยดัชนี DAX และ FTSE ปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตของเยอรมันปรับตัวลดลง รวมไปถึงการปรับลด GDPของประเทศอังกฤษในไตรมาสที่ 4
(+) ตลาดเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ นำโดยเกาหลีใต้ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น
() ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังFEDสาขาเซนต์หลุยส์ออกมาเตือนว่ายังไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยเร็วจนเกินไปในปีนี้ ล่าสุดอยู่ที่ 31.46บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 1.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 62.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง ซึ่งผิดคาดกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.60 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,332.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5847
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5847
