- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 21 February 2018 20:15
- Hits: 5657
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“เน้นซื้อค่าบวก/ค่าลบ Wait & See”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศ : ปัจจัยต่างประเทศ – หลักๆ เป็นเรื่องงบการเงิน 4Q60 และรอดูตัวเลขดัชนี PMI ภาคผลิต & บริการของประเทศขนาดใหญ่ที่จะรายงานออกมาในสัปดาห์นี้ ซึ่งเราคาดว่าดัชนีจะยังอยู่สูงกว่า 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
ปัจจัยในประเทศ – บจ.ไทยรายงานกำไร 4Q60 และปันผลออกมามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดรอบนี้ไม่ได้เก็งกำไรงบฯ มากนักขณะเดียวกันมีแรงขายแบบ Sell on fact ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาหุ้นและดัชนีปรับขึ้นมาก่อนหน้า ประกอบกับมีความกังวลว่าการบริโภคและการลงทุนในปีนี้อาจจะขยายตัวได้ไม่มาก เพราะตั้งแต่ต้นปีมา การลงทุนภาครัฐไม่ค่อยคึกคัก รวมทั้งการเลือกตั้งก็ยังไม่ชัดเจน ขณะเดียวกันกำไรปี 60 กลายเป็นฐานสูงทำให้กำไรปี 61 จะเติบโตจำกัดลง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน&ปิโตรเคมี ยกเว้น IVL ที่ได้อานิสงค์จากการลดภาษีรายได้ฯของสหรัฐ ทำให้การเติบโตยัง Outperform กลุ่มได้ ซึ่งทาง DBSVTH ประมาณการว่า Core profit ปี 61 จะเติบโต 13% หลังขยายตัว 68% ในปี 60 คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 65 บาท
สำหรับ PTT แตกพาร์จาก 10 เป็น 1 บาท (รออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 12 เม.ย.) ก็ช่วยให้สภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้
ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไป ราคาเป้าหมายใน IAA consensus อยู่ที่ 528 บาท (ราคาพาร์ 10 บาท)
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1815-1820 จุด หลุด 1800 จุดควรลดพอร์ตตาม โดยมีแนวรับ 1790, 1770-1760 จุด หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น ASAP, WHA, TOP, PTT, GGC, AH, VGI, COM7 ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List เป็น AEONTS, TOA, GULF, RS, LPH, JMT, IHL, AU ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะ Take profit เป็น PSL, TOP และหุ้นที่หลุด List เป็น BBL, CHG, PDI
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : วันนี้ติดตามรายงานการประชุมเฟดงวด 30-31 ม.ค.61
# นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 30-31 ม.ค.ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
# ติดตามตัวเลขดัชนี PMI ภาคบริการและภาคผลิตของประเทศต่างๆ
-/+ ภาวะตลาดหุ้น : ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหลัง Bond yield ยังปรับขึ้นต่อ
# ดัชนี DJIA ปิด 24,964.75 จุด -254.63 จุด หรือ -1.01% ดัชนี S&P500 ปิด 2,716.26 จุด -15.96 จุด หรือ -0.58% และ ดัชนี NASDAQ ปิด 7,234.31 จุด -5.16 จุด หรือ -0.07% หลัง Bond yield สหรัฐปรับขึ้น (10 ปีขึ้นเป็น 2.904%) และกำไร 4Q60 วอลมาร์ทต่ำกว่าคาด
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก 0.6-0.8% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิดทรงตัว
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาเคลื่อนไหวกรอบแคบ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 42 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 65.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
# มีรายงานว่าการส่งน้ำมันดิบผ่านท่อส่งจากแคนาดาไปยังสหรัฐมีปริมาณลดลง อันเนื่องจากข้อจำกัดของท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาดิ่งแรง
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ร่วงลง 25 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 1,331.2 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• MTLS (ราคาปิด 44.25 บาท) : กำไรดีกว่าคาด
# บริษัทประกาศกำไรสุทธิ 4Q60 เท่ากับ 743 ล้านบาท (+54%YoY, +14%QoQ) ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 60 เท่ากับ 2.5 พันล้านบาท (+71%YoY) โดยมาจากสินเชื่อที่เติบโต (หลักๆ มาจากการขยายสาขา) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และต้นทุนดำเนินงานต่อรายได้ลดลง ทั้งนี้สินเชื่อโต 51%YoY ในปี 60 เป็นผลจากสาขาที่เพิ่มและสินเชื่อในสาขาเดิมเติบโตส่วนคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี NPL ratio สิ้นปี 60 เท่ากับ 1.2% และมี Coverage ratio 265%
# บริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.18 บาท ขึ้น XD 27 เม.ย. และชำระเงิน 14 พ.ค. ณ ราคาปิด 44.25 บาท คิดเป็น Dividend yield รอบนี้ 0.4%
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5764