- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 19 February 2018 16:32
- Hits: 3938
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ คาดตลาดฟื้น แต่มีกรอบจำกัด 1837 จุด”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย (สำหรับสัปดาห์นี้):
คาดดัชนีฯสามารถเดินหน้าต่อ เราให้กรอบสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,790-1,837 จุด... ปัจจัยความกังวลในต่างประเทศที่ลดลงในเรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กำหนดการเลือกตั้งของไทยที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น, ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น และการเก็งกำไรสำหรับผลประกอบการ 4Q17 .... นักลงทุนยังต้องติดตามรายงานการประชุม Fed (22) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น .... event สำคัญๆ ของสัปดาห์ ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของไทย (19), ตัวเลขส่งออกไทย (19), ยอดขายรถยนต์ไทย (19), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรป (20), และ ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ยุโรป (23)
กลยุทธ์การลงทุน:
ด้วยกรอบบนของดัชนีฯ มีค่อนข้างจำกัด คือ ไม่น่าเกิน 1837 จุด เนื่องจาก นักลงทุนยังซื้อขายหุ้นด้วยความระมัดระวัง เห็นได้จากนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นในตลาดเอเซียอย่างต่อเนื่อง การเข้าลงทุน จึงควรเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี มี upside gain หรือจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว สำหรับหุ้นขนาดใหญ่หรือปริมาณซื้อขายสูง เราเลือก CPALL , AOT, TISCO, BDMS ส่วนหุ้นเลือกในเชิงกลยุทธ์ หรือ top picks ของสัปดาห์นี้ คือ ROBINS , GPI , MACO* และ TK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) CPALL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 86 บาท), (-) BANK
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเห็นด้วยและสนับสนุนแนวคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการจัดตั้งแบงก์กิ้ง เอเยนต์ เพราะเชื่อว่า ธปท.จะมีการออกนโยบายและกำหนดคุณสมบัติที่มีเงื่อนไขรัดกุม สำหรับกรณีร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นจะขอทำธุรกิจแบงก์กิ้ง เอเยนต์ ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริการรับชำระค่าสาธารณูปโภคอยู่แล้วและมีสาขาทั่วประเทศ (ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ความเห็น: เรามองประเด็นข่าวดังกล่าวเป็นบวกต่อ CPALL คาดได้รับผลดีจากการเป็นแบงกิ้งเอเยนต์ หนุนร้านเซเว่นฯรับฝากถอนเงิน กระทรวงการคลังเห็นด้วยกับแนวคิดธนาคารแห่งประเทศไทย กรณีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นจะขอทำธุรกิจแบงกิ้งเอเยนต์ เรามีมุมมองเป็นบวก เนื่องจากทางCPALL มีความพร้อมอยู่แล้วในด้านของสาขาที่กระจายอยู่มากกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ โดยอาจจะมีการลงทุนในระบบเพิ่มบางส่วน อีกทั้งผลประกอบการ4Q17 คาดว่าจะออกมาดี และยังขยายสาขาได้ต่อเนื่อง การเพิ่มธุรกรรมที่หลากหลายจะทำให้ยอดรายได้ต่อสาขาสูงขึ้นส่งผลดีต่อการเติบโตในอนาคต เราคงคำแนะนำ ซื้อ CPALL ที่ 86 บาท แต่อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร เนื่องจากเป็นการเพิ่มการแข่งขันที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากแบงกิ้ง เอเยนต์ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในเงินให้กู้ และให้อัตราดอกเบี้ยที่มากกกว่าในเงินฝาก ก็ส่งผลให้ธนาคารต้องมีลงมาแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่จะลดลงได้ แต่อย่างไรก็ดี เรามองว่า ธนาคารสามารถลดต้นทุนในการขยายสาขาในพื้นที่ที่ห่างไกลได้ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ไม่ต้องไปเลือกใช้บริการที่มีดอกเบี้ยสูง ทั้งนี้ เรารอแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ธปท. ในวันนี้ช่วง 14.00 น.
ทิศทางตลาดหุ้นไทย (สำหรับสัปดาห์นี้):
คาดดัชนีฯสามารถเดินหน้าต่อ เราให้กรอบสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1,790-1,837 จุด... ปัจจัยความกังวลในต่างประเทศที่ลดลงในเรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กำหนดการเลือกตั้งของไทยที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น, ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น และการเก็งกำไรสำหรับผลประกอบการ 4Q17 .... นักลงทุนยังต้องติดตามรายงานการประชุม Fed (22) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากยิ่งขึ้น .... event สำคัญๆ ของสัปดาห์ ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของไทย (19), ตัวเลขส่งออกไทย (19), ยอดขายรถยนต์ไทย (19), ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยุโรป (20), และ ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) ยุโรป (23)
กลยุทธ์การลงทุน:
ด้วยกรอบบนของดัชนีฯ มีค่อนข้างจำกัด คือ ไม่น่าเกิน 1837 จุด เนื่องจาก นักลงทุนยังซื้อขายหุ้นด้วยความระมัดระวัง เห็นได้จากนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นในตลาดเอเซียอย่างต่อเนื่อง การเข้าลงทุน จึงควรเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดี มี upside gain หรือจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว สำหรับหุ้นขนาดใหญ่หรือปริมาณซื้อขายสูง เราเลือก CPALL , AOT, TISCO, BDMS ส่วนหุ้นเลือกในเชิงกลยุทธ์ หรือ top picks ของสัปดาห์นี้ คือ ROBINS , GPI , MACO* และ TK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(+) CPALL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 86 บาท), (-) BANK
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเห็นด้วยและสนับสนุนแนวคิดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรื่องการจัดตั้งแบงก์กิ้ง เอเยนต์ เพราะเชื่อว่า ธปท.จะมีการออกนโยบายและกำหนดคุณสมบัติที่มีเงื่อนไขรัดกุม สำหรับกรณีร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่นจะขอทำธุรกิจแบงก์กิ้ง เอเยนต์ ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริการรับชำระค่าสาธารณูปโภคอยู่แล้วและมีสาขาทั่วประเทศ (ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์)
ความเห็น: เรามองประเด็นข่าวดังกล่าวเป็นบวกต่อ CPALL คาดได้รับผลดีจากการเป็นแบงกิ้งเอเยนต์ หนุนร้านเซเว่นฯรับฝากถอนเงิน กระทรวงการคลังเห็นด้วยกับแนวคิดธนาคารแห่งประเทศไทย กรณีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นจะขอทำธุรกิจแบงกิ้งเอเยนต์ เรามีมุมมองเป็นบวก เนื่องจากทางCPALL มีความพร้อมอยู่แล้วในด้านของสาขาที่กระจายอยู่มากกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ โดยอาจจะมีการลงทุนในระบบเพิ่มบางส่วน อีกทั้งผลประกอบการ4Q17 คาดว่าจะออกมาดี และยังขยายสาขาได้ต่อเนื่อง การเพิ่มธุรกรรมที่หลากหลายจะทำให้ยอดรายได้ต่อสาขาสูงขึ้นส่งผลดีต่อการเติบโตในอนาคต เราคงคำแนะนำ ซื้อ CPALL ที่ 86 บาท แต่อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร เนื่องจากเป็นการเพิ่มการแข่งขันที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากแบงกิ้ง เอเยนต์ให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในเงินให้กู้ และให้อัตราดอกเบี้ยที่มากกกว่าในเงินฝาก ก็ส่งผลให้ธนาคารต้องมีลงมาแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่จะลดลงได้ แต่อย่างไรก็ดี เรามองว่า ธนาคารสามารถลดต้นทุนในการขยายสาขาในพื้นที่ที่ห่างไกลได้ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น ไม่ต้องไปเลือกใช้บริการที่มีดอกเบี้ยสูง ทั้งนี้ เรารอแถลงรายละเอียดเพิ่มเติมจาก ธปท. ในวันนี้ช่วง 14.00 น.
Analysts: Mongkol Puangpetra, Nontapat Rushtasomboon
OO5683
OO5683