- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 16 February 2018 16:18
- Hits: 733
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Up ขึ้นมาทดสอบระดับ 1,800 จุดได้ตามคาดนำโดยกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนไม่ได้ตอบรับเชิงลบกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายเบาบางเหลือเพียง 4.5 หมื่นลบ.เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 10 ติดต่อกันแต่บางตาเหลือ 939 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากอยู่ในช่วงหยุดเทศกาลตรุษจีนของหลายๆประเทศในภูมิภาค อย่างไรก็ตามตลาดเริ่มเข้าใจกับภาวะเศรษฐกิจและไม่ตอบสนองเชิงลบกับเงินเฟ้อสหรัฐฯและ Bond Yield ที่ยังปรับตัวขึ้น ราคาน้ำมันยังฟื้นตัวต่อเนื่องซึ่งหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างความกังวลกับตลาด เราจึงเชื่อว่าตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อในระยะถัดไปจากปัจจบันที่แกว่งพักฐาน
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคUS$56 เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$30ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า (เกาหลีใต้และไต้หวันปิดทำการ) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าและปรับ 4 ครั้งในปีนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CK <<
ราคาหุ้นที่ร่วง 3% วานนี้มองเป็นโอกาสซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 40 บาท แรงกดดันมาจากความกังวลว่างบ 4Q17 จะแย่เหมือน STEC ซึ่งเรามองว่าเป็นปัจจัยเฉพาะตัวของ STEC เอง และส่วนที่ JV กันคือรถไฟฟ้าสายสีส้มยังเดินหน้าได้ตามปกติ
และถ้ามองข้ามกำไรสุทธิปีก่อนซึ่งเราคาดโต 5% Y-Y ปีนี้คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 10% Y-Y จาก Backlog ที่รองรับอยู่ 9 หมื่นลบ. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่มีมาร์จิ้นดี 8-10% ตามนโยบายของบริษัท
ราคาลงมามากและ laggard เกินไปเมื่อเทียบกับลูก ตั้งแต่ต้นปี -6% แย่กว่า BEM -4% และ CKP +4% Downside จึงไม่ควรเปิดกว้าง
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective Buy
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways Up ขึ้นมาทดสอบระดับ 1,800 จุดได้ตามคาดนำโดยกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนไม่ได้ตอบรับเชิงลบกับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่สูงกว่าคาด อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายเบาบางเหลือเพียง 4.5 หมื่นลบ.เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 10 ติดต่อกันแต่บางตาเหลือ 939 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways Up ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากอยู่ในช่วงหยุดเทศกาลตรุษจีนของหลายๆประเทศในภูมิภาค อย่างไรก็ตามตลาดเริ่มเข้าใจกับภาวะเศรษฐกิจและไม่ตอบสนองเชิงลบกับเงินเฟ้อสหรัฐฯและ Bond Yield ที่ยังปรับตัวขึ้น ราคาน้ำมันยังฟื้นตัวต่อเนื่องซึ่งหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างความกังวลกับตลาด เราจึงเชื่อว่าตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อในระยะถัดไปจากปัจจบันที่แกว่งพักฐาน
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว//สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคUS$56 เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$30ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลเข้า (เกาหลีใต้และไต้หวันปิดทำการ) แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้าและปรับ 4 ครั้งในปีนี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CK <<
ราคาหุ้นที่ร่วง 3% วานนี้มองเป็นโอกาสซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 40 บาท แรงกดดันมาจากความกังวลว่างบ 4Q17 จะแย่เหมือน STEC ซึ่งเรามองว่าเป็นปัจจัยเฉพาะตัวของ STEC เอง และส่วนที่ JV กันคือรถไฟฟ้าสายสีส้มยังเดินหน้าได้ตามปกติ
และถ้ามองข้ามกำไรสุทธิปีก่อนซึ่งเราคาดโต 5% Y-Y ปีนี้คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 10% Y-Y จาก Backlog ที่รองรับอยู่ 9 หมื่นลบ. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่มีมาร์จิ้นดี 8-10% ตามนโยบายของบริษัท
ราคาลงมามากและ laggard เกินไปเมื่อเทียบกับลูก ตั้งแต่ต้นปี -6% แย่กว่า BEM -4% และ CKP +4% Downside จึงไม่ควรเปิดกว้าง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ร่าง TOR ประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ-บงกช คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เดินหน้าประมูล มี.ค. คาดรู้ผลปลายปี 2018 และเซ็นสัญญาต้นปีหน้า เป็นบวกกับ PTTEP และบริษัทที่ได้ประโยชน์เกี่ยวเนื่องเช่น PTTEP, PRM, THMUI, QLT
(+) ROBINS กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 820 ลบ. +34% Q-Q, -19% Y-Y ใกล้เคียงที่เราคาด หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติโต 6% Y-Y แม้ SSSG จะติดลบจากฐานที่สูง แต่ได้แรงหนุนจากการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง และรายได้จากค่าเช่าที่โตต่อเนื่อง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสินค้า House Brand ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 2017 -3% Y-Y กำไรปกติ +6% Y-Y คาดปีนี้โต 16% Y-Y จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ การเปิดสาขาใหม่ และการเพิ่มอัตรากำไรด้วยการทำ Stock Clearance และ Product Mix แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 85 บาท
(-) FSMART กำไรสุทธิ 4Q17 ต่ำกว่าคาด โดยอยู่ที่ 122 ลบ. -16% Q-Q, -8% Y-Y รายได้โตแต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากค่าเสื่อมที่เร่งตัวตามการขยายตู้ใหม่ และค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นมาก เราอยู่ในช่วงทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายจากเดิมที่ให้ไว้ 19.50 บาท แนะนำชะลการลงทุนไปก่อน
(0) ASK เป็น Dividend Stock ที่จ่ายเงินปันผลในอัตราผลตอบแทนราว 5-6% มาโดยตลอด และล่าสุดประกาศจ่ายหุ้นละ 1.48 บาท (XD 21 ก.พ. 2018) Yield ราว 6% อย่างไรก็ตามเราคาดการณ์การเติบโตของกำไรไม่ตื่นเต้นนัก โดยรายงานกำไรปี 2017 +5.4%Y-Y และคาดการณ์กำไรปี 2018 ที่ 766 ลบ. +2.8%Y-Y คาดการณ์ Credit cost เพิ่มขึ้นจากปีก่อนน่าจะกดดันผลประกอบการ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 26.20 บาท ซึ่งเหลือ Upside จากราคาปิดไม่มาก จึงแนะนำถือ โดยข้อดีคือปันผลที่น่าจะพยุงราคาหุ้นช่วงตลาดผันผวนได้ แต่หากชอบหุ้น Growth แนะนำ THANI (2018 TP 11.80 บาท) มีความน่าสนใจมากกว่า
(+) BOL กำไรสุทธิปี 2017 ซึ่งเติบโต 5.5% Y-Y ต่ำกว่าที่เราคาด 13 ล้านบาทจากการเลื่อนรับรู้รายได้ที่มีมูลค่างานราว 10 กว่าล้านบาทมาเข้าในปีนี้แทน เราจึงไม่ถือว่ากำไรที่เติบโตต่ำกว่าคาดเป็นลบ ส่วนประมาณการปีนี้เราปรับลงเล็กน้อยเพราะมีโอกาสที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นจากการขยายบริการใหม่ๆและการรุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว โดยคาดกำไรในช่วง 2 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 17% (เดิมคาด +20%) ราคาเป้าหมายปรับลงเล็กน้อยเป็น 2.80 บาทจาก 3.10 บาท ยังคงแนะนำซื้อ เพราะการเติบโตที่สูงกว่าอดีตและ Dividend yield เฉลี่ย 4% ต่อปี
(+) ADB เราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 กลับเข้าสู่ระดับปกติที่ราว 20-25 ลบ. ต่อไตรมาส จากการปรับขึ้นราคาขายเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ได้สอดคล้องกับต้นทุน และยอดขายกาวและยาแนวในต่างประเทศที่กลับมาโต ขณะที่ แนวโน้มปีนี้ดีตั้งแต่ 1Q18 ทำให้คาดว่ากำไรทั้งปีจะโตสูงกว่า 3 เท่าตัว Y-Y ยังไม่รวมธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ ราคาปัจจุบันสคิดเป็น PE2018 เพียง 14 เท่า ต่ำกว่า Peer group ที่ 20 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ ADB)
(0) PLANB ราคาหุ้นที่ปรับลง 4% วานนี้ จากกำไร 4Q17 ที่ต่ำกว่าคาดและความกังวลในการเพิ่มทุน โดย บอร์ดมีมติทำ general mandate หุ้นเพิ่มทุนขายทั้งแบบ RO และ PP เป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของหุ้นเดิม ซึ่งอาจขายทีเดียวหรือบางส่วน คาดขอเพื่อรองรับดีลใหญ่ในอนาคต แต่ D/E ยังต่ำมากเพียง 0.12 เท่า จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนในทันที อย่างไรก็ตาม ราคาที่ฟื้นท้ายตลาดทำให้เหลือ Upside เหลือไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท จึงแนะนำถือ
(+) ร่าง TOR ประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ-บงกช คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ เดินหน้าประมูล มี.ค. คาดรู้ผลปลายปี 2018 และเซ็นสัญญาต้นปีหน้า เป็นบวกกับ PTTEP และบริษัทที่ได้ประโยชน์เกี่ยวเนื่องเช่น PTTEP, PRM, THMUI, QLT
(+) ROBINS กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 820 ลบ. +34% Q-Q, -19% Y-Y ใกล้เคียงที่เราคาด หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติโต 6% Y-Y แม้ SSSG จะติดลบจากฐานที่สูง แต่ได้แรงหนุนจากการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง และรายได้จากค่าเช่าที่โตต่อเนื่อง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มสินค้า House Brand ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 2017 -3% Y-Y กำไรปกติ +6% Y-Y คาดปีนี้โต 16% Y-Y จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ การเปิดสาขาใหม่ และการเพิ่มอัตรากำไรด้วยการทำ Stock Clearance และ Product Mix แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 85 บาท
(-) FSMART กำไรสุทธิ 4Q17 ต่ำกว่าคาด โดยอยู่ที่ 122 ลบ. -16% Q-Q, -8% Y-Y รายได้โตแต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากค่าเสื่อมที่เร่งตัวตามการขยายตู้ใหม่ และค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นมาก เราอยู่ในช่วงทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายจากเดิมที่ให้ไว้ 19.50 บาท แนะนำชะลการลงทุนไปก่อน
(0) ASK เป็น Dividend Stock ที่จ่ายเงินปันผลในอัตราผลตอบแทนราว 5-6% มาโดยตลอด และล่าสุดประกาศจ่ายหุ้นละ 1.48 บาท (XD 21 ก.พ. 2018) Yield ราว 6% อย่างไรก็ตามเราคาดการณ์การเติบโตของกำไรไม่ตื่นเต้นนัก โดยรายงานกำไรปี 2017 +5.4%Y-Y และคาดการณ์กำไรปี 2018 ที่ 766 ลบ. +2.8%Y-Y คาดการณ์ Credit cost เพิ่มขึ้นจากปีก่อนน่าจะกดดันผลประกอบการ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 26.20 บาท ซึ่งเหลือ Upside จากราคาปิดไม่มาก จึงแนะนำถือ โดยข้อดีคือปันผลที่น่าจะพยุงราคาหุ้นช่วงตลาดผันผวนได้ แต่หากชอบหุ้น Growth แนะนำ THANI (2018 TP 11.80 บาท) มีความน่าสนใจมากกว่า
(+) BOL กำไรสุทธิปี 2017 ซึ่งเติบโต 5.5% Y-Y ต่ำกว่าที่เราคาด 13 ล้านบาทจากการเลื่อนรับรู้รายได้ที่มีมูลค่างานราว 10 กว่าล้านบาทมาเข้าในปีนี้แทน เราจึงไม่ถือว่ากำไรที่เติบโตต่ำกว่าคาดเป็นลบ ส่วนประมาณการปีนี้เราปรับลงเล็กน้อยเพราะมีโอกาสที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นจากการขยายบริการใหม่ๆและการรุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว โดยคาดกำไรในช่วง 2 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 17% (เดิมคาด +20%) ราคาเป้าหมายปรับลงเล็กน้อยเป็น 2.80 บาทจาก 3.10 บาท ยังคงแนะนำซื้อ เพราะการเติบโตที่สูงกว่าอดีตและ Dividend yield เฉลี่ย 4% ต่อปี
(+) ADB เราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 กลับเข้าสู่ระดับปกติที่ราว 20-25 ลบ. ต่อไตรมาส จากการปรับขึ้นราคาขายเม็ดพลาสติกคอมปาวด์ได้สอดคล้องกับต้นทุน และยอดขายกาวและยาแนวในต่างประเทศที่กลับมาโต ขณะที่ แนวโน้มปีนี้ดีตั้งแต่ 1Q18 ทำให้คาดว่ากำไรทั้งปีจะโตสูงกว่า 3 เท่าตัว Y-Y ยังไม่รวมธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ ราคาปัจจุบันสคิดเป็น PE2018 เพียง 14 เท่า ต่ำกว่า Peer group ที่ 20 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ ADB)
(0) PLANB ราคาหุ้นที่ปรับลง 4% วานนี้ จากกำไร 4Q17 ที่ต่ำกว่าคาดและความกังวลในการเพิ่มทุน โดย บอร์ดมีมติทำ general mandate หุ้นเพิ่มทุนขายทั้งแบบ RO และ PP เป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของหุ้นเดิม ซึ่งอาจขายทีเดียวหรือบางส่วน คาดขอเพื่อรองรับดีลใหญ่ในอนาคต แต่ D/E ยังต่ำมากเพียง 0.12 เท่า จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนในทันที อย่างไรก็ตาม ราคาที่ฟื้นท้ายตลาดทำให้เหลือ Upside เหลือไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท จึงแนะนำถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
15-21 ก.พ.- ตรุษจีน: จีนหยุด 15-21 ก.พ., ฮ่องกงและไต้หวันหยุดถึง 19 ก.พ., เกาหลีหยุดถึง 16 ก.พ., สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซียหยุดเฉพาะ 16 ก.พ.
16 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
19 ก.พ.- ไทย: 4Q17 GDP คาด 4.4% จาก 4.3%
21 ก.พ.- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ก.พ. 18)
22 ก.พ.- ไทย: ดุลการค้า (ม.ค. 18)
(+) ตลาดสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับเพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาด นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังบริษัท Birkshire Hataway ของนายวอเรน บัฟเฟตได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น Apple จนกลายมาเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในพอร์ตของ Birkshire
(+) ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นแอร์บัสที่ประกาศเพิ่มแผนการผลิตเครื่องบินตาม Demand ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
(+) ตลาดหุ้นเอเชียภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ โดยเช้านี้ตลาดญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นอีกประมาณ 1.3% ในขณะที่ตลาดฮ่องกงปิดทำการ
ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของโลก ล่าสุดอยู่ในกรอบ 31.2-31.3 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.74 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 2.7 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,355.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการที่นักลงทุนกลับมามั่นใจในตลาดหุ้นมากขึ้น แม้ว่าดอลลาร์จะอ่อนลงก็ตาม
15-21 ก.พ.- ตรุษจีน: จีนหยุด 15-21 ก.พ., ฮ่องกงและไต้หวันหยุดถึง 19 ก.พ., เกาหลีหยุดถึง 16 ก.พ., สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซียหยุดเฉพาะ 16 ก.พ.
16 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
19 ก.พ.- ไทย: 4Q17 GDP คาด 4.4% จาก 4.3%
21 ก.พ.- สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minutes
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ก.พ. 18)
22 ก.พ.- ไทย: ดุลการค้า (ม.ค. 18)
(+) ตลาดสหรัฐปิดเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5% หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับเพิ่มขึ้นตามที่ตลาดคาด นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังบริษัท Birkshire Hataway ของนายวอเรน บัฟเฟตได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น Apple จนกลายมาเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดในพอร์ตของ Birkshire
(+) ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นแอร์บัสที่ประกาศเพิ่มแผนการผลิตเครื่องบินตาม Demand ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
(+) ตลาดหุ้นเอเชียภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ โดยเช้านี้ตลาดญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นอีกประมาณ 1.3% ในขณะที่ตลาดฮ่องกงปิดทำการ
ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของโลก ล่าสุดอยู่ในกรอบ 31.2-31.3 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 0.74 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดคาด
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 2.7 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,355.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการที่นักลงทุนกลับมามั่นใจในตลาดหุ้นมากขึ้น แม้ว่าดอลลาร์จะอ่อนลงก็ตาม
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5635
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5635