WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA -30.89, NASDAQ +17.92, FTSE +3.86, CAC -1.40 และ DAX +27.99 โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง จากการลดลงของหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในจีนและยุโรปที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่สหรัฐฯประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีเกินคาด ดังนี้ 1) ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 59.0 จากระดับ 57.1 ในเดือน ก.ค. สูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง 2) ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 9.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดในรอบเกือบ 6 ปี
…..ราคาปิดน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ต.ค. -US$3.08 อยู่ที่ US$92.88 ต่อบาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และภาวะอุปทานที่อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปริมาณความต้องการในจีนและยุโรปที่ชะลอตัว
....ทางด้านราคาทองคำ ส่งมอบเดือน ธ.ค. -US$22.4 อยู่ที่ US$1,265.0 ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนลดการลงทุนในทองคำลง
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +846 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปี -22,519 ล้านบาท (สิ้นปี ’56 มียอดขายสุทธิสะสม 193,911 ลบ)

ทิศทางตลาด
     ทิศทางตลาด : หุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาด จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงประมาณ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในจีนและยุโรป ในขณะที่อุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะอุปทานส่วนเกิน จะส่งผลกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ ทั้ง PTT, PTTEP และกลุ่มโรงกลั่นเช่น TOP, PTTGC, BCP และ ESSO ในขณะที่ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ประกอบกับปัจจัยบวกจาก Fund Flow หลังล่าสุดนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 846 ล้านบาท โดยแรงซื้อจากต่างชาติยังมีความผันผวน อย่างไรก็ตามแนวโน้มค่าเงินบาทซึ่งเริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่าลง อาจส่งผลต่อเงินทุนที่ไหลเข้าให้ชะลอตัวลง
....อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยบวกจาก (1) ความคาดหวังในเชิงบวกว่าการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ และการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
....ยังแนะติดตามประเด็น (1) การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ต่อ สนช. ภายหลัง ครม.ได้รับการโปรดเกล้าแล้ว คาดช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้ดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะความชัดเจนในการดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการพิเศษกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี (2) ธปท. ส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปในระยะยาวจนกว่าเศรษฐกิจไทยจะมีความแข็งแกร่ง (3) ประเด็นต่างประเทศ จากความเป็นไปได้ที่ ECB พิจารณาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุดยังไม่มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก
....รวมถึงความคืบหน้าในโครงการที่พร้อมเปิดประมูล หลังมีความชัดเจนแหล่งเงินทุนที่จะนำมาใช้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางที่ผ่าน EIA ไปแล้วเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่คาดเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และประเด็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน ที่อาจจะส่งผลกระทบหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น และปิโตรเคมี
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.08 อยู่ที่ 2.42% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.27 อยู่ที่ 12.25
หุ้นแนะนำ : KTIS, CPALL

ประเด็นที่ต้องติดตาม (2 - 5 กย.’57)
  3/9/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์ค - สค. (2) ยอดสั่งซื้อของโรงงาน – ก.ค.
  4/9/57 : ประชุม ECB
     สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน - สค. (2) ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ - กค. (3) ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วย – 2Q/57 (4) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (5) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย – สค. (6) ดัชนี PMI ภาคบริการ - สค. (7) สต็อกน้ำมัน
  5/9/57 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร – ส.ค.

นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ 02-684-8789

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!