WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


“新正如意 新年发财ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : VGI (จากซื้อเป็นถือ)
  ปัจจัยต่างประเทศ & ภายใน : ปัจจัยในประเทศ – เมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้จึงไม่ได้มีน้ำหนักต่อตลาดมากนัก แต่ตลาดมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงค์และพลังงานกดดัชนี ปิดตลาด SET ร่วง 7.94 จุดปิดที่ 1792.09 โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศพลิกเป็นขายสุทธิ 1.2 พันลบ. และต่างชาติขายสุทธิต่อ 1.9 พันลบ. ช่วงนี้ติดตามการประกาศผลประกอบการและปันผลบจ.
  ปัจจัยต่างประเทศ – เงินเฟ้อเดือนม.ค.61 สหรัฐออกมาสูงกว่าคาด (ดัชนี CPI +0.5%MoM, +2.1%YoY จากที่คาดไว้ +0.3%MoM, +1.9%YoY) ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวในช่วงแรก แต่ก็มีแรงซื้อในช่วงหลังเพราะตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.61 ที่แย่กว่าคาด (-0.3%MoM) ก็ทำให้ความกังวลเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยผ่อนคลายลง ประกอบกับตลาดได้สะท้อนความวิตกเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐไปพอควรแล้วด้านราคาน้ำมันดิบก็เช่นกัน หลังปรับฐานและไซด์เวย์มา 7-8 วันทำการ ก็ดีดขึ้น 2.4-2.6% เมื่อคืนนี้ ทำให้ Sentiment หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจะดีขึ้นในระยะสั้น ปัจจัยจับตา คือ ตัวเลข PPI ที่จะประกาศ 15 ก.พ.นี้
  หุ้น Update วันนี้เป็น AOT – กำไร 1Q60/61 (ต.ค.-ธ.ค.60) ออกมา 6.2 พันลบ. (+22%YoY) นับว่าแข็งแกร่งมาก และดีกว่าคาด แนวโน้มยังไปได้ดีทั้งจากปริมาณผู้โดยสารที่เติบโต และรายได้ค่าเช่าเชิงพาณิชย์ที่จะเพิ่มขึ้น โดยบริษัทจะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่ดิวตี้ฟรีและพื้นที่ค้าปลีกในสุวรรณภูมิใน 2Q61 (สัมปทานของคิงพาวเวอร์จะหมดในเดือนก.ย.63) นอกจากนั้นจะสรุปเรื่องการบริหารสนามบินเพิ่มเติมภายใน 1H61 สำหรับโครงการแอร์พอร์ตซิตี้อาจจะช่วยให้ประมาณการกำไรสูงขึ้น แนะนำซื้อ โดยทาง DBSVTH ปรับเพิ่ม TP เป็น 75 บาท
  กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS ในปี 61 เราเลือกเป็น 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท), 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท) และ 4. Tourism play (หุ้นเด่น ERW ราคาพื้นฐาน 10.50 บาท) การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม
  กลยุทธ์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเปลี่ยนเป็นลบ แนวต้าน 1800-1810 จุด หลุด 1790 จุดควรลดพอร์ตตาม โดยมีแนวรับ 1760, 1750-1740 จุด สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่ –ไม่มี- หุ้นที่ยังอยู่ใน List -ไม่มี- หุ้นหลุด List คือ PLAT, TMB, RS, THG, GULF, GFPT, TASCO, ADVANC, IRPC, JKN, SPA, AU ส่วนหุ้นที่แนะนำไป แล้วให้หาจังหวะ Take profit เป็น GOLD, ASAP, TWPC, RCL, MTLS, EKH
ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ : เงินเฟ้อเดือนม.ค.สูงกว่าคาด แต่ยอดค้าปลีกอ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้
  # ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) +0.5%MoM ในเดือนม.ค.61 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ +0.3% และหากเทียบเป็นรายปีดัชนี CPI เพิ่ม 2.1%YoY ในเดือนม.ค.61 เท่ากับการเพิ่มขึ้นในเดือนธ.ค.60 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.9%YoY
  # ยอดค้าปลีกเดือนม.ค. -0.3%MoM โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.60 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะ +0.2%MoM
  # สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ +0.4%MoM ในเดือนธ.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ +0.3%MoM หลังจาก +0.4%MoM เช่นเดียวกันในเดือนพ.ย.
+ เยอรมนี : เงินเฟ้อชะลอตัวในเดือนม.ค.61
  # สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค. +1.6%YoY หลังจาก +1.7%YoY เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และถ้าเทียบเดือนต่อเดือนพบว่า ดัชนี CPI -0.7%MoM จาก +0.6%MoM ในเดือน ธ.ค.60
  # GDP ประจำไตรมาส 4/60 ของเยอรมนี +0.6%QoQ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง ส่วน GDP เยอรมนีตลอดทั้งปี 2560 โต 2.2%
+ ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นกว่า 1% ตลาดหุ้นยุโรปและลอนดอนปรับขึ้นด้วยเช่นกัน
  # นักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่ 24,893.49 จุด เพิ่มขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,698.63 จุด เพิ่มขึ้น 35.69 จุด หรือ +1.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,143.62 จุด เพิ่มขึ้น 130.10 จุด หรือ +1.86%
  # ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้น 1.1-1.2% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 0.64% สะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจเยอรมนีที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.ชะลอตัวลง
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาพุ่งขึ้นหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับขึ้นน้อยกว่าคาด
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 64.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
+ ภาวะตลาดทองคำ : ราคาพุ่งขึ้นแรง 2.1%
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 27.6 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,358.00 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน US$ อ่อนค่าลง แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.จะออกมาสูงกว่าคาด แต่ยอดค้าปลีกที่ชะลอตัวลงมาช่วยลดคาดการณ์เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยไประดับหนึ่ง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%
  # คณะกรรมการกนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตามที่ทาง DBSVTH และตลาดคาดการณ์ไว้
  # คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ โดยได้รับแรงส่งจากภาคต่างประเทศรวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น การใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แม้ที่ผ่านมาการเบิกจ่ายงบลงทุนจะล่าช้าไปบ้าง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพระบบการเงินโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี แต่มีความเสี่ยงในบางจุดที่อาจสะสมความเปราะบางในระบบการเงินในระยะต่อไป เช่น พฤติกรรม search for yield เป็นต้น ด้านค่าเงินบาทยังคงผันผวน
  # สำหรับปัจจัยเสี่ยงภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO5572

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!