- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 15 February 2018 16:23
- Hits: 1275
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ คาดเดินหน้าตามสหรัฐฯ หลังรู้เงินเฟ้อแล้ว ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะบวกได้หลังตัวเลขสำคัญผ่านไป และตลาดหุ้นสหรัฐฯไม่ได้ปรับตัวลง ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่นักลงทุนจับตาดูในช่วงก่อนหน้านี้ (ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้ Fed ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด) ออกมาสูงกว่าคาดแต่ก็เท่ากับตัวเลขของเดือนก่อน อีกทั้งราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นถึง 2.4% .... ปัจจัยภายนอกได้แก่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03%, ดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าคาดแต่เท่ากับเดือนก่อน, ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง .... ส่วนปัจจัยในประเทศได้แก่ กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%, บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900/1800 MHz ออกไป1-2 เดือน, กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเป้าส่งออกปีนี้โต 6.5-7%
กลยุทธ์การลงทุน:
มองว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นในวันนี้ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน โดยการเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน เน้นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ, ปัจจัยบวกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูง, และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เรามองว่าด้วยค่าเงินดอลลาร์ต่ำลง จะส่งผลให้คาดการณ์ราคา commodity ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เรากลับมาแนะนำหุ้นในกลุ่มปิโตรฯ .... โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ PTT*, IRPC, AOT, KBANK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTT*/ IRPC:
ราคาหุ้นของ PTT ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงไปมากก่อนหน้านี้ โดยเรามองว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสยืนเหนือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลต่อไปได้ จากแรงหนุนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด อีกทั้งกำไรช่วง 4Q17 ของ IRPC ยังออกมาดีที่ 4.5 พันล้านบาท +166%YoY, +39%QoQ ดีกว่าที่เราคาด 9% ค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีอยู่ในระดับสูง จากราคาน้ำมันและส่วนต่าง olefin spread ที่สูงดีจากกำไรสต็อกน้ำมันที่สูงอีกด้วย .... ราคาเหมาะสมของ IRPC โดย KTBST ที่ 8.20 บาท
(+) MTLS:
เรายังชอบหุ้นที่มีลักษณะเป็น domestic play หรือรายได้อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ .... โดย MTLS ยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 4Q17 ที่คาดว่าจะออกมาดี ซึ่งเราคาดที่ที่ 684 ล้านบาท (+42%YoY และ +5%QoQ) อีกทั้งคาดกำไรสุทธิปี 2018 เติบโตถึง +48% YoY ที่ 3,624 ล้านบาท .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 48.00 บาท
(+) SF*:
เราแนะนำ SF รายงานกำไรสุทธิช่วง 4Q17 ที่ออกมาสูงที่ 1,016 ล้านบาท (+429% YoY, +213% QoQ) ในขณะที่ตลาดคาด 255 ล้านบาท และ SF ยังมีปัจจัยบวกจากการขยายโครงการเมกาบางนา และเปิดโครงการดุสิตมาร์เก็ตเพลส และโครงการนางลิ้นจี่ ... เงินปันผลงวดนี้ @0.25 “XD” 28 มี.ค.
หุ้นมีประเด็น
(+) Media: ทีวีดิจิทัลหวัง ม.44 พักหนี้-ลดค่า MUX ชงเพิ่มคืนไลเซ่นส์
กสทช.สรุปข้อมูล มาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิทัล ชง คสช.เคาะ ม.44 ช่วยผู้ประกอบการ ทั้งการพักการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี โดยจ่ายดอกเบี้ย และลดค่าเช่าโครงข่าย(Mux) 50% เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2018-2021 โดยเรื่องดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายวิษณุว่าจะนำเรื่องเข้าเสนอต่อที่ประชุม คสช.เมื่อใด ด้านเอกชนหวัง "พักหนี้-ลดค่าเช่าโครงข่าย"ต่อลมหายใจ นายเขมทัตต์ พลเดช นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เสนอพิจารณาเพิ่มทางออก "คืนใบอนุญาต" นำคลื่นประมูลโทรคมนาคม ชี้รัฐได้ประโยชน์สูงกว่า (Source – กรุงเทพธุรกิจ, 14.02.2018)
ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น เรามองว่าการพักชำระใบชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี โดยจ่ายดอกเบี้ยและลดค่าเช่าโครงข่าย Mux 50% เป็นเวลา 3 ปี ในปี 2018-2021 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต้นทุนคงที่ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งถัดไปคือ ภายในวันที่ 23 พ.ค. 2018 เรามองว่าการที่ทางเอกชนเสนอให้เพิ่มทางออกในการคืนใบอนุญาตเรามองว่าถ้าผ่านการพิจารณา จะส่งผลให้การแข่งขันในกลุ่มทีวีดิจิตอลลดลง โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นข้างต้นทั้ง 2 ประเด็น คือ BEC (Bloomberg consensus 13.26 บาท), MONO(Bloomberg consensus 5.18 บาท), WORK (Bloomberg consensus 98.26 บาท), RS (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท)
“ คาดเดินหน้าตามสหรัฐฯ หลังรู้เงินเฟ้อแล้ว ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
เรามองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะบวกได้หลังตัวเลขสำคัญผ่านไป และตลาดหุ้นสหรัฐฯไม่ได้ปรับตัวลง ซึ่งตัวเลขเงินเฟ้อที่นักลงทุนจับตาดูในช่วงก่อนหน้านี้ (ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้ Fed ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด) ออกมาสูงกว่าคาดแต่ก็เท่ากับตัวเลขของเดือนก่อน อีกทั้งราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นถึง 2.4% .... ปัจจัยภายนอกได้แก่ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03%, ดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าคาดแต่เท่ากับเดือนก่อน, ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูง .... ส่วนปัจจัยในประเทศได้แก่ กนง.มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%, บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900/1800 MHz ออกไป1-2 เดือน, กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเป้าส่งออกปีนี้โต 6.5-7%
กลยุทธ์การลงทุน:
มองว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นในวันนี้ จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน โดยการเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน เน้นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ, ปัจจัยบวกจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ปรับตัวสูง, และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เรามองว่าด้วยค่าเงินดอลลาร์ต่ำลง จะส่งผลให้คาดการณ์ราคา commodity ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เรากลับมาแนะนำหุ้นในกลุ่มปิโตรฯ .... โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ PTT*, IRPC, AOT, KBANK
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTT*/ IRPC:
ราคาหุ้นของ PTT ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงไปมากก่อนหน้านี้ โดยเรามองว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสยืนเหนือ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลต่อไปได้ จากแรงหนุนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด อีกทั้งกำไรช่วง 4Q17 ของ IRPC ยังออกมาดีที่ 4.5 พันล้านบาท +166%YoY, +39%QoQ ดีกว่าที่เราคาด 9% ค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีอยู่ในระดับสูง จากราคาน้ำมันและส่วนต่าง olefin spread ที่สูงดีจากกำไรสต็อกน้ำมันที่สูงอีกด้วย .... ราคาเหมาะสมของ IRPC โดย KTBST ที่ 8.20 บาท
(+) MTLS:
เรายังชอบหุ้นที่มีลักษณะเป็น domestic play หรือรายได้อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ .... โดย MTLS ยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 4Q17 ที่คาดว่าจะออกมาดี ซึ่งเราคาดที่ที่ 684 ล้านบาท (+42%YoY และ +5%QoQ) อีกทั้งคาดกำไรสุทธิปี 2018 เติบโตถึง +48% YoY ที่ 3,624 ล้านบาท .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 48.00 บาท
(+) SF*:
เราแนะนำ SF รายงานกำไรสุทธิช่วง 4Q17 ที่ออกมาสูงที่ 1,016 ล้านบาท (+429% YoY, +213% QoQ) ในขณะที่ตลาดคาด 255 ล้านบาท และ SF ยังมีปัจจัยบวกจากการขยายโครงการเมกาบางนา และเปิดโครงการดุสิตมาร์เก็ตเพลส และโครงการนางลิ้นจี่ ... เงินปันผลงวดนี้ @0.25 “XD” 28 มี.ค.
หุ้นมีประเด็น
(+) Media: ทีวีดิจิทัลหวัง ม.44 พักหนี้-ลดค่า MUX ชงเพิ่มคืนไลเซ่นส์
กสทช.สรุปข้อมูล มาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิทัล ชง คสช.เคาะ ม.44 ช่วยผู้ประกอบการ ทั้งการพักการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี โดยจ่ายดอกเบี้ย และลดค่าเช่าโครงข่าย(Mux) 50% เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2018-2021 โดยเรื่องดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายวิษณุว่าจะนำเรื่องเข้าเสนอต่อที่ประชุม คสช.เมื่อใด ด้านเอกชนหวัง "พักหนี้-ลดค่าเช่าโครงข่าย"ต่อลมหายใจ นายเขมทัตต์ พลเดช นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เสนอพิจารณาเพิ่มทางออก "คืนใบอนุญาต" นำคลื่นประมูลโทรคมนาคม ชี้รัฐได้ประโยชน์สูงกว่า (Source – กรุงเทพธุรกิจ, 14.02.2018)
ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกกับข่าวข้างต้น เรามองว่าการพักชำระใบชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี โดยจ่ายดอกเบี้ยและลดค่าเช่าโครงข่าย Mux 50% เป็นเวลา 3 ปี ในปี 2018-2021 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายต้นทุนคงที่ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งถัดไปคือ ภายในวันที่ 23 พ.ค. 2018 เรามองว่าการที่ทางเอกชนเสนอให้เพิ่มทางออกในการคืนใบอนุญาตเรามองว่าถ้าผ่านการพิจารณา จะส่งผลให้การแข่งขันในกลุ่มทีวีดิจิตอลลดลง โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นข้างต้นทั้ง 2 ประเด็น คือ BEC (Bloomberg consensus 13.26 บาท), MONO(Bloomberg consensus 5.18 บาท), WORK (Bloomberg consensus 98.26 บาท), RS (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท)
(+) JMART: ยอดจองซื้อ JFin Coin ได้รับแรงตอบรับที่ดีวันเดียวขายได้ 87%
JMART เปิดเผย การเสนอขาย Presale Initial Coin Offering (ICO) ของ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด จนถึงเวลา 17.35 น.ของวันแรกที่เปิดให้จองซื้อ (14.02.2018) มีการยอดจองไปแล้ว 87.06 ล้านโทเคน จากที่เปิดเสนอขายจำนวน 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาทต่อโทเคน (Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, 14.02.2018)
ความเห็น: เรามองว่าการระดมทุนในครั้งนี้ได้รับความสนใจของนักลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัท J Ventures (บริษัทย่อย) มีเงินทุนในการพัฒนาระบบ DDLPs และสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อผ่านระบบดิจิตัลในอนาคต โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” JMART จากการขยายตัวของสินเชื่อของกลุ่มบริษัทในระยะยาว และสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทปี 2018 ที่กำไรสุทธิจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% อย่างไรก็ตามเราอยู่ระหว่างปรับประมาณการจากความร่วมมือ Synergy III ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) AOT (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 77.00 บาท)
AOT รายงานกำไรสุทธิ 1Q18 (ต.ค.-ธ.ค.2017) ที่ 6.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 67% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวแข็งแกร่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กลับมาฟื้นตัวสูง โดยจำนวนผู้โดยสาร AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% YoY และ 7% QoQ และยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 (ม.ค.-มี.ค.2018) ยังคงโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว เรามีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 (ต.ค.2017-ก.ย.2018) ขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 2% เป็น 2.57 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าคาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 77.00 บาท จากเดิมที่ 70.00 บาท
JMART เปิดเผย การเสนอขาย Presale Initial Coin Offering (ICO) ของ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด จนถึงเวลา 17.35 น.ของวันแรกที่เปิดให้จองซื้อ (14.02.2018) มีการยอดจองไปแล้ว 87.06 ล้านโทเคน จากที่เปิดเสนอขายจำนวน 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาทต่อโทเคน (Source: สำนักข่าวอินโฟเควสท์, 14.02.2018)
ความเห็น: เรามองว่าการระดมทุนในครั้งนี้ได้รับความสนใจของนักลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัท J Ventures (บริษัทย่อย) มีเงินทุนในการพัฒนาระบบ DDLPs และสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อผ่านระบบดิจิตัลในอนาคต โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” JMART จากการขยายตัวของสินเชื่อของกลุ่มบริษัทในระยะยาว และสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทปี 2018 ที่กำไรสุทธิจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% อย่างไรก็ตามเราอยู่ระหว่างปรับประมาณการจากความร่วมมือ Synergy III ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม
บทวิเคราะห์วันนี้
(+) AOT (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 77.00 บาท)
AOT รายงานกำไรสุทธิ 1Q18 (ต.ค.-ธ.ค.2017) ที่ 6.22 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 67% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาด จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวแข็งแกร่ง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กลับมาฟื้นตัวสูง โดยจำนวนผู้โดยสาร AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% YoY และ 7% QoQ และยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีต่อเนื่อง ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 (ม.ค.-มี.ค.2018) ยังคงโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว เรามีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 (ต.ค.2017-ก.ย.2018) ขึ้นจากเดิมเล็กน้อยราว 2% เป็น 2.57 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% YoY จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าคาด เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 77.00 บาท จากเดิมที่ 70.00 บาท
(+) SMPC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท)
SMPC รายงานกำไรสุทธิ 4Q17 ยังทำได้ดีที่ 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY แต่ลดลง 4% QoQ โดยดีกว่าที่เราคาดไว้ราว 20% กำไรที่เติบโตได้ดีเป็นผลจากรายได้ที่ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ที่ 1,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY และ 6% QoQ ดังนั้น ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2017 อยุ่ที่ 532 ล้านบาท ลดลง 2% YoY สำหรับกำไรสุทธิปี 2018 เรายังคงคาดว่าจะกลับมาเติบโตเป็น 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY โดยจะได้แรงหนุนจากความต้องการใช้ถังแก๊สในภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกาที่เติบโตสูง และการปรับนโยบายการตั้งราคาขายให้ทันกับทิศทางราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 15.00 บาท
SMPC รายงานกำไรสุทธิ 4Q17 ยังทำได้ดีที่ 151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% YoY แต่ลดลง 4% QoQ โดยดีกว่าที่เราคาดไว้ราว 20% กำไรที่เติบโตได้ดีเป็นผลจากรายได้ที่ยังคงทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ที่ 1,199 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% YoY และ 6% QoQ ดังนั้น ส่งผลให้กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2017 อยุ่ที่ 532 ล้านบาท ลดลง 2% YoY สำหรับกำไรสุทธิปี 2018 เรายังคงคาดว่าจะกลับมาเติบโตเป็น 573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY โดยจะได้แรงหนุนจากความต้องการใช้ถังแก๊สในภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกาที่เติบโตสูง และการปรับนโยบายการตั้งราคาขายให้ทันกับทิศทางราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 15.00 บาท
(0) KCE (ถือ, ราคาเป้าหมาย 80.00บาท)
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีแผนการรับมือผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการเพิ่ม capacity, efficiency และ product mix ใหม่ เพื่อไม่ให้อัตรากำไรขั้นต้นโดนผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามเรามีการปรับกำไรปกติปี 2018 – 2019 ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 80.00 บาท จากเดิม 85.50 บาท แต่ด้วยราคาหุ้นที่ลงมา 20% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เรามองว่าได้สะท้อนปัจจัยลบไปหมดแล้ว ประกอบกับปัจจุบัน KCE เทรดอยู่ที่ PE 16.9X ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และปัจจัยความเสี่ยงเรื่องราคาทองแดงและค่าเงินค่อนข้างจำกัด จึงปรับคำแนะนำเป็น ถือ
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทมีแผนการรับมือผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบ และอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยการเพิ่ม capacity, efficiency และ product mix ใหม่ เพื่อไม่ให้อัตรากำไรขั้นต้นโดนผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตามเรามีการปรับกำไรปกติปี 2018 – 2019 ลงเล็กน้อยเพื่อสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงทรงตัวในระดับสูง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น จึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 80.00 บาท จากเดิม 85.50 บาท แต่ด้วยราคาหุ้นที่ลงมา 20% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เรามองว่าได้สะท้อนปัจจัยลบไปหมดแล้ว ประกอบกับปัจจุบัน KCE เทรดอยู่ที่ PE 16.9X ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และปัจจัยความเสี่ยงเรื่องราคาทองแดงและค่าเงินค่อนข้างจำกัด จึงปรับคำแนะนำเป็น ถือ
(0) LPN (ถือ, ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท)
LPN รายงานกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 46% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ราว 20% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าที่เราคาด จากการแข่งขันที่สูงของโครงการคอนโดระดับกลาง-ล่าง ที่เป็นฐานลูกค้าหลักของ LPN สำหรับกำไรสุทธิรวมทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1.06 พันล้านบาท ลดลง 51% YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธีปี 2018 จะเริ่มกลับมาเติบโตเป็น 1.49 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากแผนการโอนโครงการใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 9 โครงการ จากปี 2017 ที่มีเพียง 4 โครงการ และจะมีการโอนโครงการระดับกลาง-บนมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าตลาดกลาง-ล่าง เราปรับคำแนะนำ LPN ขึ้นเป็น ถือ จากเดิม ขาย ยังคงประเมินราคาเป้าหมายปี 2018
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.พ.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,792.09 จุด ลดลง 7.94 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 49,557.06 ล้านบาท ปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าช่วงที่ผ่านมา มองเป็นผลจากที่นักลงทุนรอความชัดเจนในเรื่องปัจจัยต่างประเทศ
ปัจจัยต่างประเทศ
(+) ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น แม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะสูงกว่าคาด – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03% ตลาดปรับตัวขึ้นได้จากการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ (ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้ Fed ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด) จะปรับตัวสูงกว่าคาด
(0) ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) สูงกว่าคาด – กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% โดยดัชนี CPI พื้นฐานทรงตัวที่ระดับ 1.8% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.7%
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง - สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ +2.4% ปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
(+) กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% – ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและชัดเจนมากขึ้น โดยได้รับแรงส่งจากภาคต่างประเทศรวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้
(+) บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900/1800 MHz ออกไป1-2 เดือน – กสทช. เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการ กสทช.วันนี้ให้รอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าคณะกรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบันที่เป็นชุดรักษาการมีอำนาจในการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ คลื่นความถี่ 900 MHz จึงเห็นควรชะลอการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ไปก่อน รอออกไปประมาณ 1-2 เดือน
(+) กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเป้าส่งออกปีนี้โต 6.5-7% - รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าไทยในต่างประเทศ เพื่อกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2018 และ เตรียมเสนอเป้าปีนี้โต 6.5-7% (โพสต์ทูเดย์, 15/02/2018)
(+/-) แถลงผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน วันนี้ : SNC , ADVANC, THAICOM, INTUCH, SF
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
LPN รายงานกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 46% QoQ ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ราว 20% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าที่เราคาด จากการแข่งขันที่สูงของโครงการคอนโดระดับกลาง-ล่าง ที่เป็นฐานลูกค้าหลักของ LPN สำหรับกำไรสุทธิรวมทั้งปี 2017 อยู่ที่ 1.06 พันล้านบาท ลดลง 51% YoY ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธีปี 2018 จะเริ่มกลับมาเติบโตเป็น 1.49 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากแผนการโอนโครงการใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 9 โครงการ จากปี 2017 ที่มีเพียง 4 โครงการ และจะมีการโอนโครงการระดับกลาง-บนมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าตลาดกลาง-ล่าง เราปรับคำแนะนำ LPN ขึ้นเป็น ถือ จากเดิม ขาย ยังคงประเมินราคาเป้าหมายปี 2018
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (14 ก.พ.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,792.09 จุด ลดลง 7.94 จุด หรือ -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 49,557.06 ล้านบาท ปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าช่วงที่ผ่านมา มองเป็นผลจากที่นักลงทุนรอความชัดเจนในเรื่องปัจจัยต่างประเทศ
ปัจจัยต่างประเทศ
(+) ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น แม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะสูงกว่าคาด – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03% ตลาดปรับตัวขึ้นได้จากการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ (ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้ Fed ปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าคาด) จะปรับตัวสูงกว่าคาด
(0) ดัชนี CPI (เงินเฟ้อ) สูงกว่าคาด – กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9% โดยดัชนี CPI พื้นฐานทรงตัวที่ระดับ 1.8% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.7%
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูง - สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ +2.4% ปิดที่ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 9 ก.พ. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
(+) กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% – ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องและชัดเจนมากขึ้น โดยได้รับแรงส่งจากภาคต่างประเทศรวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้
(+) บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900/1800 MHz ออกไป1-2 เดือน – กสทช. เปิดเผยว่า มติคณะกรรมการ กสทช.วันนี้ให้รอความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าคณะกรรมการ กสทช.ชุดปัจจุบันที่เป็นชุดรักษาการมีอำนาจในการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ คลื่นความถี่ 900 MHz จึงเห็นควรชะลอการดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ไปก่อน รอออกไปประมาณ 1-2 เดือน
(+) กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอเป้าส่งออกปีนี้โต 6.5-7% - รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าไทยในต่างประเทศ เพื่อกำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 2018 และ เตรียมเสนอเป้าปีนี้โต 6.5-7% (โพสต์ทูเดย์, 15/02/2018)
(+/-) แถลงผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน วันนี้ : SNC , ADVANC, THAICOM, INTUCH, SF
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]