WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 


“ มีแรงซื้อกลับ หลังไม่มีข่าวลบเข้ามา ”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  เรามองว่าตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ  แต่จะยังมีกรอบจำกัดเนื่องจากนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้(14) .... ปัจจัยภายนอกได้แก่ ปธน.ทรัมป์เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายปี 2019 และ โอเปกปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์-อุปทาน .... ส่วนปัจจัยในประเทศได้แก่ กสทช.ชะลอการประมูลคลื่น 900 MHz ซึ่งต้องติดตามการเสนอหลักเกณฑ์คลื่น 1800 MHz ในวันพรุ่งนี้ และ ยืดเวลาข่ายไลเซ่นส์ทีวีดิจิทอล-คลื่นมือถือ, และ ธปท. ขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินไม่มีส่วนร่วมในธุรกรรมเงินสกุลดิจิทอล
กลยุทธ์การลงทุน:
  ด้วยภาพตลาดที่มองว่าดัชนีจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อ จึงแนะนำเป็น “ซื้อ” โดยให้กรอบเป้าหมายที่ระดับ 1,820 จุด  การเข้าเก็งกำไรระหว่างวัน เน้นหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาด เช่นกลุ่มธนาคาร และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน-ปิโตรฯ เนื่องจากเรามองว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปมากแล้ว มีโอกาสที่จะพลิกกลับขึ้นมาเป็นบวกได้ในช่วงสั้นๆ   .... โดยหุ้นที่ติด most active และคาว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ PTT*, KBANK, EA*
  หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: HUMAN, TK, VNT*
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTT:
  ราคาหุ้นกลุ่ม PTT ปรับตัวขึ้นมาได้ดีในช่วงวานนี้ จากอานิสงค์ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นมาได้ดี นอกจากนี้โอเปกยังระบุในรายงานประจำเดือนก.พ.ว่า โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัวในปีนี้ ประเด็นดังกล่าวสนับสนุนคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ คาด PTT จะประกาศงบ 4Q17 ในวันที่ 16/02/2018 ตลาดคาดไว้ที่ 28,788 ล้านบาท (+5% YoY, -24% QoQ)
(+) KBANK:
  ด้วยมุมมองที่ว่าดัชนีจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ เราจึงให้ความสนใจกลุ่มแบก์ที่ราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาด เลือก KBANK เนื่องจาก เรามองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดปี 2018 เติบโตที่ +15% YoY ที่ 4 หมื่นล้านบาท จากฐานรายได้ค่าธรรมเนียมที่ใหญ่ขึ้น .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 246.00 บาท
(+) HUMAN:
  เราคาดว่า HUMAN หุ้นที่เติบโตได้ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดย HUMAN จะเปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง Performance management ใน 1Q18 ตามด้วย M&A บริษัทบัญชี 2 แห่งภายใน 1H18 และ ผู้บริหารยังคงเป้าหมายในระยะ 3 ปีข้างหน้ามีลูกค้าใช้บริการ HR management เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5 หมื่นคน  .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 81 ล้านบาท (+14% YoY) และ ปี 2018 ที่ 136 ล้านบาท (+26% YoY ) .... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 13.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(+) SPA (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 24 บาท)
  เราเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” SPA โดยชอบในแง่ของการเติบโตของกำไรสุทธิใน 6 ปีข้างหน้าที่โดดเด่นราว 25% ต่อปี จากการขยายสาขาในประเทศไทยปีละ 10 สาขา และการรุกขยายการขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังเติบโตได้สดใส จะช่วยหนุนให้กำไร 4Q17 เติบโตได้ถึง 41% YoY และคาดว่า ยังเติบโตได้อีกใน 1Q18 จากเทศกาลตรุษจีน ส่วนภาพรวมในปี 2018 เราคาดว่า กำไรสุทธิจะเติบโตได้โดดเด่นราว 40% YoY เนื่องจากการขยายสาขาในประเทศไทยปีละ 10 สาขา และมีการปรับราคาขึ้นในแบรนด์บ้านสวน และระรินจินดาประมาณ 10% รวมถึง จะเริ่มมีการรับรู้จากการขายแฟรนไชส์ที่ชิงเต่าและพนมเปญตั้งแต่ 1Q18 เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF) โดยอิง WACC ที่ 7.1% และ terminal growth 3% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 24 บาท
(0) GPSC (ขาย, ราคาเป้าหมาย 63.50 บาท)
  GPSC ประกาศกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 722 ล้านบาท (-53% QoQ, +72% YoY) ตามตลาดคาด ลดลง QoQ มาจากเงินปันผลที่หายไปจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น YoY จากการขยายกำลังการผลิตอีก 195 MW ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีทำได้ 3.2 พันล้านบาท (+18% YoY) ในขณะที่แนวโน้มปี 2018-19 เติบโตชะลอตัวหลังไม่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้การเติบโตจะกลับมาโดดเด่นอีกครั้งในปี 2020 หลังโรงไฟฟ้าใหญ่ XPCL IPP (321MW) ซึ่งมีกำหนด COD 4Q19 จะรับรู้รายได้เต็มปี คงคำแนะนำ “ขาย” ด้วยราคาเหมาะสมที่ 63.50 บาท ซึ่งรวมทุกโครงการตามแผนที่ประกาศออกมา ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 37x มากกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 18x
(+) BDMS (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท)
  เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรปกติ โดยเรามองว่าตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป กำไรปกติของ BDMS จะกลับมาเติบโตดีขึ้นที่ระดับ 10% ต่อปี ในช่วง 2018 และ19 เปรียบเทียบกับการเติบโตที่ระดับต่ำกว่า 5% ในปี 2016 และ17 จากแนวโน้มคนไข้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโรคระบาดตั้งแต่ต้นปี และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะชาวจีน คูเวต และ U.A.E ซึ่งทำให้เราปรับกำไรสุทธิปี 2018 ขึ้น 6% เป็น 8,845 ล้านบาท เติบโต 11% YoY ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 25.00 บาท จากเดิมที่ 22.50บาท ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับผลกระทบจากอัตราการเติบโตของกำไรที่ระดับต่ำกว่า 5% ในปี 2016 และ17
(-) EPG (ขาย, ราคาเป้าหมาย 9 บาท)
  กำไรสุทธิ 3Q18 (ต.ค.-ธ.ค.2017) ทรุดตัวลงเหลือ 182 ล้านบาท ลดลง 45% YoY และ 37% QoQ ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้มาก จากรายได้ที่ต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะ EPP ที่ยังมีทิศทางชะลอตัว จากการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่วนธุรกิจ Aeroflex และ Aeroklas ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า นอกจากนั้น ยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน ทำให้อัตรากำไรขึ้นต้นลดลงเหลือเพียง 24.7% ต่ำสุดในรอบ 14 ไตรมาส ทั้งนี้ จากปัจจัยลบดังกล่าว เรามีการปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 และ 2019 ลงจากเดิม 21% และ 22% เป็นปรับตัวลดลง 29% YoY แต่เพิ่มขึ้น 17% YoY ตามลำดับ เรามีการปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 9 บาท จากเดิม 12.20 บาท และปรับลดคำแนะนำเป็น ขาย จากเดิม ถือ 
(+) RS (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 35 บาท)
  โฆษณาทีวีปี 2018 ฟื้น  ผู้นำทีวีดิจิทัลเดินหน้า เสริมทัพคอนเทนท์ไฮไลต์ "ละคร วาไรตี้ กีฬา ซีรีส์ต่างประเทศ" แข่งชิงเรทติ้ง-ดันรายได้ "ช่องวัน"หวังปีนี้คุ้มทุน  ผนึกไลน์ทีวี ขยายฐานผู้ชมออนไลน์ "เวิร์คพอยท์" อัดบิ๊กฟอร์แมท-กีฬา โหมแพลตฟอร์มออนไลน์  "โมโน-ช่อง8" เข็นซีรีส์ต่างประเทศแข่งขยับอันดับ  อุตสาหกรรมโฆษณามีบรรยากาศการใช้จ่ายงบประมาณดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน ต่อเนื่องไตรมาสแรกปีนี้ โดยสื่อฟรีทีวี หรือทีวีดิจิทัล ยังครองเม็ดเงินโฆษณาอันดับหนึ่ง สัดส่วน 60%  ปีนี้คาดมูลค่ากว่า 6.8 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 8%  แบ่งเป็น ฟรีทีวีรายเดิม (ช่อง 3 5, 7, 9) มูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% และทีวีดิจิทัล มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.5% ดังนั้นจากแนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาทีวี (Source: กรุงเทพธุรกิจ)
  ความเห็น: เรามองว่าการแข่งขันในกลุ่ม Digital TV operator จะรุนแรงขึ้น เนื่องจากแต่ละช่องต้องการดึงเรทติ้ง จึงต้องทุ่มงบกับcontent ทั้งในและต่างประเทศ เราคาดว่า80%ของเม็ดเงินโฆษณาจะอยู่ที่กลุ่มท็อป 5-6 อันดับเรทติ้งสูง อย่าง ช่อง 7, BEC, MONO, RS, WORK และ GRAMMY  ตัว เรามองว่าหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ คือเจ้าของช่องรายใหม่และเป็นผู้ผลิตรายการเอง คือ MONO, RS, WORK เรายังมองว่าการปรับขึ้นค่าโฆษณาของแต่ละช่องอาจปรับได้ไม่มากนัก และอาจมี Price war เนื่องจากค่าโฆษณาผู้เล่นรายใหญ่ยังคงทรงตัว เรายังคงชอบ RS (BUY, TP 35 บาท) เรามองว่า RS จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของงบโฆษณา และมีการหลีกเลี่ยง Price war โดย Utilize ช่วงเวลาที่เหลือจากการขายโฆษณาของช่อง 8 มาใช้ประชาสัมพันธ์สินค้า Health & Beauty ส่งผลให้ยอดขายเติบโตโดดเด่น
(-) JMART (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 23 บาท)
  จากข้อบังคับของ ธปท. เกี่ยวกับการขอความร่วมมือสถาบันการเงินไม่ให้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency สำหรับธุรกรรม 1) การเข้าไปลงทุนหรือซื้อขายเพื่อผลประโยชน์ของสถาบันการเงิน หรือลูกค้า 2) การให้บริการรับแลกเปลี่ยน Cryptocurrency  ผ่านช่องทางการให้บริการของสถาบันการเงิน 3) การสร้าง Platform เพื่อเป็นสื่อกลางให้ลูกค้าทำธุรกรรมระหว่างกัน 4) การให้ลูกค้าใช้บัตรเครดิตในการซื้อ Cryptocurrency  และ 5) การสนับสนุนหรือให้คำปรึกษากับลูกค้าเกี่ยวกับการลงทุนหรือการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ที่ประกาศเมื่อวันที่ 12.02.2018 ที่ผ่านมา (ที่มา: ประกาศ ธปท. ที่ ธปท.ฝนส.(23)ว.276/2561 ลงวันที่ 12.02.2018)
  ความเห็น: เรามองว่าจะส่งผลกระทบต่อการระดมเงินทุนของ JMART ผ่าน Jfin Coin ที่จะพรีเซลในวันที่ 14.02.2018 นี้ โดยเราคาดว่าการโอนเงินจากเงินฝากธนาคารเข้าบัญชี TDAX สำหรับการเข้าซื้อนี้จะเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากสถาบันทางการเงินจะต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ในการโอนเงิน และการป้องกันธุรกรรมการโอนเงินที่เข้มงวดเพิ่มมากขึ้น จากข้อบังคับข้างต้นส่งผลให้เรามองว่าราคาหุ้นจะได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะสั้น และราคาอาจมีการปรับตัวลดลงได้สูงถึง 30% ตามการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นตั้งแต่ช่วงที่มีการประกาศ ICO (11.01.2018) อย่างไรก็ตามเรามองว่าในระยะยาวการระดมทุนผ่าน ICO ในประเทศไทยจะดีขื้น บริษัทสามารถระดมทุนได้เพิ่มขึ้นจาก Token ที่สำรองไว้สำหรับ ICO รอบต่อไปได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สินเชื่อของบริษัทย่อยขยายตัว และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยเรายังคงแนะนำราคาเป้าหมายที่ 23.00 บาท
(+) BR (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 9.3 บาท), GFPT((ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 18 บาท)
  กรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีน ทั้งหมู, ไก่, ไข่ไก่, ส้ม, กล้วยหอมทอง และเครื่องเซ่นไหว้ ส่วนใหญ่จะมีราคาต่ำกว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนปีก่อนมาก เนื่องจากปีนี้สินค้าเกษตรส่วนใหญ่มีผลผลิตออกมามากกว่าปีก่อน ทำให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
  ความเห็น: เรามองว่า แม้ราคาจำหน่ายต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น แต่ราคามีการปรับขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน เศรษฐกิจในประเทศมีการฟื้นตัวและความเชื่อมั่นในการบริโภคเพิ่มขึ้น เป็นผลให้ปริมาณจำหน่ายจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่งผลดีต่อผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น กลุ่มประเทศคู่ค้าหลักมีความต้องการนำเข้าสินค้าอุปโภคและบริโภคมากขึ้น ประกอบกับมีการขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ผลิตไทยมีโอกาสรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศรายใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น เราแนะนำ ซื้อ BR ราคาเป้าหมาย 9.3 บาท และGFPT  ราคาเป้าหมาย 18 บาท
 ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                
 ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (12 ก.พ.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,799.45 จุด เพิ่มขึ้น 13.00 จุด หรือ +0.73% มูลค่าการซื้อขาย 51,313.71 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นได้ดีหลังตลาดหุ้นต่างประเทศมีการฟื้นตัวขึ้นมาได้
 ปัจจัยต่างประเทศ
  (+) ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวเป็นบวก 410 จุด – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,601.27 จุด พุ่งขึ้น 410.37 จุด หรือ +1.70% จากการเข้าซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไปมากในช่วงก่อนหน้านี้
  (+) ปธน.ทรัมป์เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายปี 2019 - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2019 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค
  (+) โอเปกปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์-อุปทาน - กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ระบุในรายงานประจำเดือนก.พ.ว่า คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะมีการขยายตัวในปีนี้ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และรายงานระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลง 8,000 บาร์เรล/วันในเดือนที่แล้ว สู่ระดับ 32.3 ล้านบาร์เรล/วัน
  (+/-) ติดตามการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในวันพรุ่งนี้ - กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธนี้ เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนี CPI ประจำเดือนม.ค.จะชะลอตัวสู่ระดับ 1.9% เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.1% ในเดือนธ.ค.
 ปัจจัยในประเทศ
  (0) ชะลอการประมูลคลื่น 900 MHz, ติดตามการเสนอหลักเกณฑ์คลื่น 1800 MHz ในวันพรุ่งนี้ – กสทช. เห็นควรชะลอการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ที่จัดประมูล จำนวน 5 MHz ส่วนการประมูลคลื่น 1800 MHz จะนำเสนอต่อคณะกรรมการ กสทช.ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ เสนอแก้ไขร่างหลักเกณฑ์ การประมูลคลื่น 1800 MHz ใหม่ว่าจะให้แบ่งประมูลขนาดเล็กลง เป็นใบอนุญาตละ 5 MHz และให้ถือครองคลื่นได้ไม่เกิน 20 MHz ต่อราย โดยทั้งหมดมี 45 MHz
   (+) ยืดเวลาข่ายไลเซ่นส์ทีวีดิจิทอล-คลื่นมือถือ – กสทช.กล่าวว่า ได้เสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลด้วยการการพักการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นเวลา 3 ปี และลดค่าเช่าโครงข่าย (มัค) ลง 50% เป็นเวลา 3 ปี และได้เสนอความเห็นมาตรการช่วยผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่ประมูลได้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ โดยขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 4 เป็นเวลาที่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของระยะเวลาใบอนุญาตกำหนดไว้หรือ 5 ปี
  (-) ธปท. ขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินไม่มีส่วนร่วมในธุรกรรมเงินสกุลดิจิทอล - ธปท.ได้ออกหนังสือเวียนขอความร่วมมือสถาบันการเงินไม่ให้ทำธุรกรรมหรือมีส่วนร่วมสนับสนุนทำธุรกรรม ที่เกี่ยวข้องกับเงินสกุลดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี) ทั้งเข้าไปลงทุนและซื้อขาย (โพสต์ทูเดย์, 13/02/2018)
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]
OO5456

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!