- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 13 February 2018 17:14
- Hits: 1145
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึ้นได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังจากปรับฐานเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวปรับตัวชึ้นได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงซื้อขายสุดท้าย แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิถึง 4,496 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,150 ลบ. (และยัง Net Short ใน Index Futures 4,182 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะรีบาวด์ได้ต่อเนื่องขึ้นไปทดสอบ 1,810-1,815 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการปรับขึ้นของตลาดจะยังไม่กว้างนักจาก Bond Yield สหรัฐฯที่ยังอยู่ในระดับสูง และต้องจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯทีจะประกาศคืนพรุ่งนี้ ซึ่งหากขยับขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด อาจสร้างความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยและทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอีกครั้ง เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ยังดูน่าสนใจและเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในระยะนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Domestic Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1,160ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$746ล้าน ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$162ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเงินทุนไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่อาจชะลอลงจากวันก่อนหน้าหลังตลาดหุ้นภูมิภาคดิ่งลงแรงในช่วงก่อนหน้าจนทำให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> TMB <<
คาดกำไรปี 2018 ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดี และคาด ROE ปรับขึ้นสู่ 12% จาก 10% ในปี 2017 ตามแผน 5 ปีของธนาคาร ที่เป็นเชิงรุกต่อการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ผ่านช่องทาง Digital และการ Cross sell เพิ่มขึ้น
คาดกำไรปี 2018 +16%Y-Y อยู่ที่ราว 1 หมื่นลบ. ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม, การเติบโตของสินเชื่อ, และการตั้งสำรองฯที่ผ่อนคลายลง
ราคาหุ้นที่ laggard -2% YTD สวนทาง setbank ที่ +1% YTD สะท้อน NIM ที่ชะลอตัวแและความกังวลใน NPL ไปหมดแล้ว แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 3.30 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) MSCI index rebalance รอบนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นไทย ภูมิภาคอื่นมีปรับน้อยมากเช่นกัน สำหรับเอเชียมีเพียงจีนที่ถูกนำเข้า 1 หลักทรัพย์ใน MSCI Global Standard ส่วนหุ้น Small cap มีจีน มาเลเซีย และอินโดฯ เอาออกประเทศละ 1 หลักทรัพย์ มีผล 28 ก.พ. 2018
(0) SET ในช่วงตรุษจีน จากการพิจารณาข้อมูลด้านสถิติเราไม่พบความสัมพันธ์ระหว่าง SET กับเทศกาลตรุษจีนหรือวาเลนไทน์ อาจเป็นเพราะไม่ได้เป็นช่วงหยุดยาวของคนทั้งประเทศ และการจับจ่ายใช้สอยส่วนใหญ่เร่งตัวไปแล้วช่วงต้นปี แต่กลุ่มที่มักจะ outperform ในสัปดาห์ตรุษจีนเสมอคือ ท่องเที่ยว ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.4% W-W เราชอบ CENTEL (ราคาเป้าหมาย 54 บาท) และ MINT (ราคาเป้าหมาย 48 บาท)
(0) NSFR ของธปท. ไม่กระทบแบงก์ โดยให้ธนาคารพาณชิย์ดำรงเงินแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (NSFR; Net Stable Funding Ratio) ซึ่งต้องดำรงอัตราส่วนเงินที่มาจากแหล่งต่างๆ เช่น การรับเงินฝาก การกู้ยืมเงิน และส่วนของเจ้าของในอัตราไม่ต่ำกว่า 100% ของการใช้เงินได้แก่ การลงทุน การปล่อยสินเชื่อ และการก่อภาระผูกพันในระยะ 1 ปีข้างหน้า มีผลบังคับใช้ 1 ก.ค. 18 จากการลองทดสอบใส่ค่าความเสี่ยงเข้าไปเบื้องต้น พบว่าแบงก์ส่วนใหญ่ดำรงเกิน 100% จึงไม่กระทบมากนัก
(+) K แนวโน้มผลประกอบการ 4Q17 อาจดีกว่าคาดการณ์เดิมของเรา ที่ประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 45 ลบ. โดยอาจทำได้ถึง 55 ลบ. จากการปิดงานได้มากขึ้น และงานจัดแสดงสินค้ารวมถึง event ต่างๆ ที่เร่งตัวมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ จะทำให้งบทั้งปี 2017 เหลือขาดทุนเพียง 29 ลบ. จากขาดทุนหนัก 84 ลบ. ใน 9M17 ขณะที่ แนวโน้ม 1Q18 ยังสดใสต่อเนื่อง โดยมี backlog งาน interior อยู่ราว 634 ลบ. และงาน exhibition อีกราว 500-600 ลบ./ปี โดยล่าสุด K ประสบความสำเร็จกับงาน event จากการได้ลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มแบงก์ ยังแนะนำซื้อต่อเนื่อง ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
(+) LIT กำไรสุทธิ 4Q17 ใกล้เคียงคาด -10% Q-Q (ตั้งสำรองเพิ่มรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่), +23% Y-Y (รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มตามการเติบโตของสินเชื่อ) สถานการณ์ NPL ดีขึ้น ทำให้กำไรทั้งปี 2017 ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์คือ 146 ลบ. +45% Y-Y เราคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 168 ลบ. +15% Y-Y เติบโตชะลอจากเฉลี่ยในช่วงปี 2014-17 ที่ 46% เพราะต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และคาดการณ์การตั้งสำรองฯอยู่ในระดับสูง เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากถือ เพราะ upside ที่เปิดกว้างขึ้น คงราคาเหมาะสมที่ 11.70 บาท ทั้งนี้ LIT ประกาศปันผล 0.32 บาท/หุ้น (Yield 3%) XD 22 ก.พ. 2018
(+) SVOA กำไรของ LIT ที่ออกมาดีเป็นบวกกับ SVOA จากการถือหุ้นอยู่ 35% โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q17 ของ SVOA ที่เราทำไว้ 29 ลบ. อาจต่ำเกินไป ขณะที่ ถ้ากำหนดให้ปัจจัยอื่นคงที่ การปรับขึ้นของ LIT ทุก 0.20 บาท/หุ้น จะเป็นบวกกับ SVOA 0.02 บาท/หุ้น Valuation ยังถูกมาก PE2018 เพียง 11 เท่า ยังคงแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 ก.พ.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ม.ค. 18)
15-21 ก.พ.- ตรุษจีน: จีนหยุด 15-21 ก.พ., ฮ่องกงและไต้หวันหยุดถึง 19 ก.พ., เกาหลีหยุดถึง 16 ก.พ., สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซียหยุดเฉพาะ 16 ก.พ.
16 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามตลาดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากนักลงทุนมีความมั่นใจในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มการลงทุนในด้านกลาโหมและการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐาน
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่และพลังงาน รวมไปถึงความมั่นใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป
(+)ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นทุกตลาด นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นและฮ่องกง (Future) ที่ปรับตัวขึ้นประมาณ 1-1.5%
(+) ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.6-31.7 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเมื่อวานนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับตัวขึ้น 0.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 59.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขความต้องการใช้พลังงานปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังคงถูกกดดันจากการเพิ่มขึ้นของแท่นผลิตในสหรัฐ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ดีดตัวขึ้น 10.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,326.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในยุโรปทำให้นักลงทุนทยอยเข้ามาเก็งกำไร
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Domestic Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET รีบาวด์ขึ้นได้ตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังจากปรับฐานเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวปรับตัวชึ้นได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงซื้อขายสุดท้าย แรงซื้อส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิถึง 4,496 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,150 ลบ. (และยัง Net Short ใน Index Futures 4,182 สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะรีบาวด์ได้ต่อเนื่องขึ้นไปทดสอบ 1,810-1,815 จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการปรับขึ้นของตลาดจะยังไม่กว้างนักจาก Bond Yield สหรัฐฯที่ยังอยู่ในระดับสูง และต้องจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯทีจะประกาศคืนพรุ่งนี้ ซึ่งหากขยับขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด อาจสร้างความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยและทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอีกครั้ง เราจึงมองว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ยังดูน่าสนใจและเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดในระยะนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นในกลุ่ม Domestic Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1,160ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$746ล้าน ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$162ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเงินทุนไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่อาจชะลอลงจากวันก่อนหน้าหลังตลาดหุ้นภูมิภาคดิ่งลงแรงในช่วงก่อนหน้าจนทำให้ผลตอบแทนตลาดหุ้นเริ่มกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> TMB <<
คาดกำไรปี 2018 ยังอยู่ในโมเมนตัมที่ดี และคาด ROE ปรับขึ้นสู่ 12% จาก 10% ในปี 2017 ตามแผน 5 ปีของธนาคาร ที่เป็นเชิงรุกต่อการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ผ่านช่องทาง Digital และการ Cross sell เพิ่มขึ้น
คาดกำไรปี 2018 +16%Y-Y อยู่ที่ราว 1 หมื่นลบ. ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม, การเติบโตของสินเชื่อ, และการตั้งสำรองฯที่ผ่อนคลายลง
ราคาหุ้นที่ laggard -2% YTD สวนทาง setbank ที่ +1% YTD สะท้อน NIM ที่ชะลอตัวแและความกังวลใน NPL ไปหมดแล้ว แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 3.30 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) MSCI index rebalance รอบนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นไทย ภูมิภาคอื่นมีปรับน้อยมากเช่นกัน สำหรับเอเชียมีเพียงจีนที่ถูกนำเข้า 1 หลักทรัพย์ใน MSCI Global Standard ส่วนหุ้น Small cap มีจีน มาเลเซีย และอินโดฯ เอาออกประเทศละ 1 หลักทรัพย์ มีผล 28 ก.พ. 2018
(0) SET ในช่วงตรุษจีน จากการพิจารณาข้อมูลด้านสถิติเราไม่พบความสัมพันธ์ระหว่าง SET กับเทศกาลตรุษจีนหรือวาเลนไทน์ อาจเป็นเพราะไม่ได้เป็นช่วงหยุดยาวของคนทั้งประเทศ และการจับจ่ายใช้สอยส่วนใหญ่เร่งตัวไปแล้วช่วงต้นปี แต่กลุ่มที่มักจะ outperform ในสัปดาห์ตรุษจีนเสมอคือ ท่องเที่ยว ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.4% W-W เราชอบ CENTEL (ราคาเป้าหมาย 54 บาท) และ MINT (ราคาเป้าหมาย 48 บาท)
(0) NSFR ของธปท. ไม่กระทบแบงก์ โดยให้ธนาคารพาณชิย์ดำรงเงินแหล่งที่มาของเงินให้สอดคล้องกับการใช้ไปของเงิน (NSFR; Net Stable Funding Ratio) ซึ่งต้องดำรงอัตราส่วนเงินที่มาจากแหล่งต่างๆ เช่น การรับเงินฝาก การกู้ยืมเงิน และส่วนของเจ้าของในอัตราไม่ต่ำกว่า 100% ของการใช้เงินได้แก่ การลงทุน การปล่อยสินเชื่อ และการก่อภาระผูกพันในระยะ 1 ปีข้างหน้า มีผลบังคับใช้ 1 ก.ค. 18 จากการลองทดสอบใส่ค่าความเสี่ยงเข้าไปเบื้องต้น พบว่าแบงก์ส่วนใหญ่ดำรงเกิน 100% จึงไม่กระทบมากนัก
(+) K แนวโน้มผลประกอบการ 4Q17 อาจดีกว่าคาดการณ์เดิมของเรา ที่ประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิ 45 ลบ. โดยอาจทำได้ถึง 55 ลบ. จากการปิดงานได้มากขึ้น และงานจัดแสดงสินค้ารวมถึง event ต่างๆ ที่เร่งตัวมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ จะทำให้งบทั้งปี 2017 เหลือขาดทุนเพียง 29 ลบ. จากขาดทุนหนัก 84 ลบ. ใน 9M17 ขณะที่ แนวโน้ม 1Q18 ยังสดใสต่อเนื่อง โดยมี backlog งาน interior อยู่ราว 634 ลบ. และงาน exhibition อีกราว 500-600 ลบ./ปี โดยล่าสุด K ประสบความสำเร็จกับงาน event จากการได้ลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มแบงก์ ยังแนะนำซื้อต่อเนื่อง ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
(+) LIT กำไรสุทธิ 4Q17 ใกล้เคียงคาด -10% Q-Q (ตั้งสำรองเพิ่มรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่), +23% Y-Y (รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มตามการเติบโตของสินเชื่อ) สถานการณ์ NPL ดีขึ้น ทำให้กำไรทั้งปี 2017 ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์คือ 146 ลบ. +45% Y-Y เราคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 168 ลบ. +15% Y-Y เติบโตชะลอจากเฉลี่ยในช่วงปี 2014-17 ที่ 46% เพราะต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และคาดการณ์การตั้งสำรองฯอยู่ในระดับสูง เราปรับคำแนะนำขึ้นเป็นซื้อ จากถือ เพราะ upside ที่เปิดกว้างขึ้น คงราคาเหมาะสมที่ 11.70 บาท ทั้งนี้ LIT ประกาศปันผล 0.32 บาท/หุ้น (Yield 3%) XD 22 ก.พ. 2018
(+) SVOA กำไรของ LIT ที่ออกมาดีเป็นบวกกับ SVOA จากการถือหุ้นอยู่ 35% โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q17 ของ SVOA ที่เราทำไว้ 29 ลบ. อาจต่ำเกินไป ขณะที่ ถ้ากำหนดให้ปัจจัยอื่นคงที่ การปรับขึ้นของ LIT ทุก 0.20 บาท/หุ้น จะเป็นบวกกับ SVOA 0.02 บาท/หุ้น Valuation ยังถูกมาก PE2018 เพียง 11 เท่า ยังคงแนะนำซื้อลงทุน ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
14 ก.พ.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ม.ค. 18)
15-21 ก.พ.- ตรุษจีน: จีนหยุด 15-21 ก.พ., ฮ่องกงและไต้หวันหยุดถึง 19 ก.พ., เกาหลีหยุดถึง 16 ก.พ., สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซียหยุดเฉพาะ 16 ก.พ.
16 ก.พ.- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ม.ค. 18)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐทั้งสามตลาดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากนักลงทุนมีความมั่นใจในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มการลงทุนในด้านกลาโหมและการลงทุนในสาธารณูปโภคพื้นฐาน
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดเพิ่มขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่และพลังงาน รวมไปถึงความมั่นใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป
(+)ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นทุกตลาด นำโดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นและฮ่องกง (Future) ที่ปรับตัวขึ้นประมาณ 1-1.5%
(+) ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.6-31.7 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเมื่อวานนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับตัวขึ้น 0.09 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 59.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขความต้องการใช้พลังงานปรับตัวสูงขึ้น แต่ก็ยังคงถูกกดดันจากการเพิ่มขึ้นของแท่นผลิตในสหรัฐ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ดีดตัวขึ้น 10.70 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,326.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในยุโรปทำให้นักลงทุนทยอยเข้ามาเก็งกำไร
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5451
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5451