WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 
SET INDEX
1785.44  -2.99(-0.17) // Vol.73,870
  ภาพของการ Rebound ที่ยังไม่แข็งแรง ทำให้ดัชนีมีความเสี่ยงต่อการพักตัวได้ 
  กรอบการเคลื่อนไหว 1778-1800
  ดัชนีวานนี้ยังมีทิศทางที่ค่อนข้างผันผวน โดยช่วงเช้าเปิดตัวดี ขึ้นยืน 1800 จุด ขยับทำ High ที่ 1804 จุด แต่ด้วยยังขาดแรงส่งที่มากพอ ทำให้ดัชนีไหลลงมาทำ Low 1782 จุด ก่อนที่จะทำปิดที่ใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1785 จุด  ภาพดังกล่าวจะเห็นว่าการ Rebound ที่ยังไม่แข็งแรง โดยขึ้นไปปิด Gap ทีเปิดไว้ก่อนหน้าก่อนที่จะไหลลงมา ส่งผลให้แนวโน้มดัชนียังคงมีความเสี่ยงต่อการพักตัวได้  ขณะที่กรอบบนคงต้องลุ้นให้กับขึ้นไปยืน 1800 จุดให้ได้

แนวรับ 1770-1778 // 1767
แนวต้าน 1800-1812
Technical Analyst :  พรรณนภา  เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell 

“ ความผันผวนลด แต่ทิศทางยังไม่ชัด”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  มองว่าการปรับฐานของดัชนีดาวโจนส์ใกล้จบ ความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงตามลำดับ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นต่างๆยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯอยู่ อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยในประเทศที่ยังดี จะส่งผลให้ภาพระยะยาวของตลาดหุ้นไทยยังดียังคงดีอยู่ ดัชนีน่าจะยืนเหนือระดับ 1760-1780 จุด ได้ จึงมี downside ที่จำกัด   .... .. ปัจจัยภายนอกที่ควรติดตาม คือ ค่าดอลล่าร์ ราคาน้ำมันดิบ ส่วนปัจจัยในประเทศ ติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. EEC ในวันนี้,  กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอรถไฟไฮสปีดเทรน ไทย-ญี่ปุ่น เข้า ครม. มี.ค. นี้
กลยุทธ์การลงทุน:
  ภาพระยะสั้นตลาดยังปรับฐานแต่ไม่ลงลึก จึงมองว่าการปรับตัวลงของดัชนีจะเป็นโอกาสที่ดีในการ “ทยอยซื้อ”  การเข้าเก็งกำไร ยังแนะนำเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวและปัจจัยพื้นฐานอิงกับปัจจัยในประเทศ อาทิ AMATA, CPALL, GLOBAL*, KTC, MEGA* หรือกลุ่มแบงก์ที่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับตลาด ตัวที่เราแนะนำ ได้แก่ TMB, BBL …. หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี เนื่องจากราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: THREL*, VNT*
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) AMATA:
  เรายังเลือก AMATA ต่อเนื่องโดยเรามองว่า AMATA เป็นหุ้นที่อิงปัจจัยในประเทศ, ได้รับผลบวกจากมาตรการ EEC และในวันนี้ AMATA ได้รับปัจจัยบวกจากการเสนอ สนช. เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. อีอีซี หากผ่านการพิจารณาแล้ว ก็ประกาศใช้ต่อไป .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 30.00 บาท
(+) CPALL:
  CPALL เป็นหุ้นในลักษณะ Domestic Play ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านพื้นที่ภูมิภาค, มาตรการปรับค่าแรงขั้นต่ำ, และ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้น นอกจากนี้เรายังคาดกำไรสุทธิช่วง 4Q17 อยู่ในระดับสูงที่ 5.3 พันล้านบาท +23.5% YoY และ+6.8% QoQ .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 86.00 บาท
(+) SAWAD:
  เรามองว่า SAWAD เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะประกาศผลประกอบการช่วง 4Q17 ออกมาดีโดยเราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 667 ล้านบาท +10%YoY  +7%QoQ  จากการขยายสินเชื่อของเงินให้กู้ยืมผ่าน BFIT และการขยายสินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์เป็นหลักประกัน .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 70.00 บาท
หุ้นมีประเด็น
(0) Banking Sector (Neutral)
  ธปท.ออกนโยบายหนุนพิจารณาสินเชื่อเอสเอ็มอีจากบัญชีเดียวเริ่ม 1 ม.ค. 2562 ขณะที่ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์สนับสนุนกฎหมายเอสเอ็มอีบัญชีเดียว โดยธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 5 ราย ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จะให้สิทธิประโยชน์เอสเอ็มอีที่ขอสินเชื่อด้วยบัญชีเดียว ได้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% นาน 2 ปี จากปกติดอกเบี้ยสินเชื่อเอสเอ็มอีเฉลี่ย 8% ต่อปี หรือ MRR+2% วงเงินลูกค้าต่อรายไม่จำกัดขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และอาจลดค่าธรรมเนียมลูกค้าที่ย้ายมาอยู่ในกลุ่มบัญชีเดียว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2561-31 ธ.ค. 2562 ทั้งนี้ ปัจจุบันเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนนิติบุคคลมี 6 แสนราย ซึ่ง 4.5 แสนรายแจ้งจดทะเบียนบัญชีเดียวแล้ว คาดว่าอีก 1.5 แสนรายจะทยอยเข้ามา หากมาตรการบัญชีเดียวทำให้เอสเอ็มอีเห็นประโยชน์ เอสเอ็มอีที่เป็นบุคคลธรรมดากว่า 2 ล้านราย คงตามเข้าระบบนิติบุคคลบัญชีเดียวเช่นกัน (ที่มา: โพสต์ทูเดย์)
  ความเห็น: เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากการใช้บัญชีเดียวในกลุ่มลูกค้า SME อาจจะส่งผลให้ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อให้ได้น้อยลง แต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้แนวโน้ม NPL มีโอกาสปรับตัวลดลงได้ แต่อย่างไรก็ดี นโยบายการกระตุ้นให้ SME ใช้บัญชีเดียวในช่วง 2 ปีแรกมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ค่อนข้างเยอะจาก 8% เหลือเพียง 5% ซึ่งจะกระทบต่อ NIM ที่จะปรับตัวลดลงในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มธนาคารที่มีพอร์ตสินเชื่อ SME จำนวนมากอย่าง KBANK รองลงมาคือ BBL แต่อย่างไรก็ดี เรายังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจน โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เรายังให้น้ำหนักเป็น เท่ากับตลาด และเลือก TMB เป็น Top pick ราคาเหมาะสมที่ 3.60 บาท 
(+) SC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 5 บาท)
  SC ประกาศแผนโรดแมป 3 ปี (ปี 2018-2020) ก้าวสู่การเป็น LIVING SOLUTIONS PROVIDER ตั้งเป้าหมายรายได้รวมกว่า 5.9 หมื่นล้านบาท และมี Presales รวมกว่า 6.2 หมื่นล้าน โดยส่วนใหญ่ยังคงมาจากโครงการแนวราบเป็นหลัก และมีแผนเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดที่ได้รับผลบวกของ EEC สำหรับปี 2018 SC ตั้งเป้าหมายรายได้และ Presales ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท โดย Presales จะเพิ่มขึ้นประมาณ 11% YoY ส่วนปี 2019 ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2 หมื่นล้านบาท และยอด Presales อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท และปี 2020 ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท และยอด Presales ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท (ที่มา: ข่าวหุ้น)
  ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแผนธุรกิจใน 3 ปีข้างหน้า ที่จะมีการนำกลยุทธ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งนี้ เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q17 จะเป็นจุดเริ่มกลับมาเติบโตได้โดดเด่นที่ 691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163% YoY และ 90% QoQ และคาดกำไรสุทธิปี 2018 จะกลับมาเติบโตสูงเป็น 2.09 พันล้านบาท เติบโต 50% YoY โดยได้แรงหนุนจากจะมีคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน 2 โครงการ โดยเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 5 บาท
(+) AAV (ถือ, ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท)
  เรามีมุมมองเชิงบวกระยะสั้นต่อ AAV จากผลบวกต่อจำนวนผู้โดยสารชาวจีนที่จะเติบโตมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่ง AAV มี
สัดส่วนรายได้จากเส้นทางบินจีนสูงถึง 30% ของรายได้รวม และแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ผ่อนคลายลงหลังราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ขณะที่ในปี 2018 คาดว่า AAV จะได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 4Q17 คาดกำไรสุทธิ 484 ล้านบาท ฟื้นตัวโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ ทั้งนี้ แม้ระยะกลางเรายังมีมุมมองเป็นกลาง แต่ระยะสั้นแนะนำ ซื้อเก็งกำไร จากปัจจัยบวกดังกล่าว โดยประเมินราคาป้าหมาย 6.60 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                
 ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (07 ก.พ.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,785.44 จุด ลดลง 2.99 จุด หรือ -0.17% มูลค่าการซื้อขาย 73,870.26 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงในช่วงบ่าย มองว่านักลงทุนยังมีความกังวลต่อความผันผวนของตลาดต่างประเทศอยู่
ปัจจัยต่างประเทศ
  (-) ดัชนีดาวโจนส์ผปรับตัวลงเล็กน้อย – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.35 จุด ลดลง 19.42 จุด หรือ -0.08% การเคลื่อนไหวของดัชนีเต็มไปด้วยความผันผวน โดยมีปัจจัยบวกจาก แกนนำวุฒิสภาชิกในสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับงบประมาณระยะเวลา 2 ปี แต่มีปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed
  (-) ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลง - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ -2.5% ปิดที่ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล  หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งสวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยในประเทศ
  (+) เตรียมเสนอรถไฟไฮสปีดเทรน ไทย-ญี่ปุ่น เข้า ครม. มี.ค. นี้ – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม คาดว่าจะสรุปรายงานการศึกษาความเหมาะสมโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ - พิษณุโลก) มูลค่า 2.76 แสนล้านบาท เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนมี.ค.นี้
  (+) คาดไทยเที่ยวต่างประเทศสูงขึ้น –  นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า จากทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งจะช่วยให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มกว่า 10% เทียบปีก่อน รวมถึงอานิสงส์จากการปลดล็อกธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
  (+) ติดตามการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. EEC ในวันนี้ - ในวันนี้จะมีการเสนอ สนช. เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. อีอีซี หากผ่านการพิจารณาแล้ว ก็ประกาศใช้ต่อไป โดยโครงการที่จะเกิดขึ้นจริง และในปีนี้รัฐจะสามารถเริ่มลงทุนใน 5 โครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือมาบตาพุด แหลมฉบัง ระยะที่ 3, สนามบินอู่ตะเภา (สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น., 07/02/2018)
 
Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]
OO5368

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!