- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 08 February 2018 16:43
- Hits: 515
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ผันผวนต่อ
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้:คาดกรอบดัชนีตลาดหุ้นไทย 1,770-1,800 จุด ตลาดหุ้นไทยต้องรับกับความผันผวนของตลาดหุ้นต่างประเทศ ค่าเงินดอลลาร์ที่ผันผวน แต่นักลงทุนเริ่มมองเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นที่ปลอดภัยพักเงิน ส่งสัญญาณให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงเพราะซัพพลายจากสหรัฐฯ เพิ่มเข้ามาและสต๊อกน้ำมันสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น นักลงทุนควรหาหุ้นGrowth และหุ้นปลอดภัยไว้ก่อนสำหรับการลงทุนรอรับเงินปันผล เช่น LH, SC ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้รอฟังข่าวดีเรื่อง พรบ.EEC ซึ่งจะหนุนการลงทุนและการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ AMATA ยังมี upside จากราคาเป้าหมาย ประมาณ 12% หุ้นแนะนำวันนี้ MTLS, SC, AMATA
Stock Comment
MTLS เลือกเป็น Pick of the day
SC รุกหนักปี 2561 เปิดตัว 19 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท Backlog เพิ่มจากเดิมเกือบ 1 หมื่นล้านบาท รับรู้ยาวถึงปี 2563 อัดฉีดงบลงทุนกว่าหมื่นล้านบาทซื้อที่ดิน คาดการณ์ปี 2561 รายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท และปี 2563 รายได้แตะ 2.2 หมื่นล้านบาท คาดกำไรสุทธิปี 2560 ลดลงราว 15% แต่คาดกำไรปี 2561-2562 เติบโต 25% และ 20% ตามลำดับ เนื่องจากมีโครงการใหญ่รอโอนในช่วงปี 2561-2562 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.00 บาท ปันผลตอบแทนราว 5.3% ต่อปี
AMATA คาดรับผล Sentiment เชิงบวกจากการประชุม สนช.วันนี้ เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการพิจารณาโครงการ EEC ดึงความเชื่อมั่นในการลงทุน ลุยโครงการนำร่องรถไฟความเร็วสูง, ท่าเรือมาบตาพุด แหลมฉบัง ระยะที่ 3, สนามบินอู่ตะเภา แนะนำซื้อ AMATA ราคาเป้าหมาย 28.50 บาท
หุ้นเด่นวันนี้: MTLS (ปิด 40.75 บาท, "ซื้อ", AWS TP 47.00 บาท)
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/60 ของ MTLS จะทำนิวไฮรายไตรมาสอีกครั้งที่ 698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% QoQ และ 44.6% YoY เป็นไปตามการเติบโตของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่งที่ 16.5% QoQ และ 60.0% YoY หนุนโดยช่วงไฮซีซั่นและกลยุทธ์การขยายสาขาของบริษัท ซึ่ง ณ สิ้นปี 2560 จำนวนสาขาของ MTLS อยู่ที่ 2,424 สาขา เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/60 ที่ 2,294 สาขา อีกทั้ง บริษัทวางแผนจะเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก 600 สาขาต่อปี และตั้งเป้าจำนวนสาขาทั้งหมดจะอยู่ที่ราว 4,000 สาขาภายในปี 2563 เราคาดการณ์สินเชื่อในปี 2561 จะขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องในระดับสูงที่ 40% เราคาดการณ์ EPS จะเติบโต 67.8% ในปี 2560 และ 42.3% ในปี 2561
Price Pattern ของ MTLS ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ MTLS มีแนวต้านระยะสั้น ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดอยู่ที่ 42.75 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ MTLS สามารถ Break ด้วยการปิดตลาดเหนือ 42.75 บาทได้สำเร็จ จะมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 50 บาท ทั้งนี้ MTLS มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 40 บาท (Resistance: 41.00, 41.50, 41.75; Support: 40.50, 40.25, 39.75)
ปัจจัยในประเทศ:
พ.ร.บ. อีอีซี เตรียมเข้าที่ประชุม สนช.วันนี้ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เผย พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ ร่าง พ.ร.บ. อีอีซี จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในวันนี้ และหากผ่านการพิจารณาแล้ว ก็จะมีการประกาศใช้ต่อไป (ทันหุ้น) ความเห็น: ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด เรามองว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนเป็นอย่างมาก เราคาดเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยโดยรวม
ความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในภาวะร้อนแรงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (Fetco) เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้ายังคงอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรง" โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 156.62 จากเดือนที่ผ่านมาที่ 153.94 (+1.74% MoM) ปัจจัยหนุน ได้แก่ เงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวดี (อินโฟเควสท์)
ตลาดต่างประเทศ:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ปิดลบโดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า แกนนำวุฒิสภาชิกในสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับงบประมาณระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จนอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
U.S. Government Bond Yield: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.796% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.068%
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ: เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น DXYO อยู่ที่ 90.34 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อนที่ 89.657 จุด หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนอย่างหนัก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองดอลลาร์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นต่อ
สหรัฐฯ: การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ประกอบกับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าแรงเดือน ม.ค.ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้
สหรัฐฯ: นักลงทุนยังคงจับตาการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในสภาคองเกรสสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปได้อีก 6 สัปดาห์ หรือจนถึงวันที่ 23 มี.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐฯ ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงของวันศุกร์ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว
สินค้าโภคภัณฑ์:
ราคาน้ำมันดิบ: WTI ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ปีนี้; เบรนท์ ลดลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 65.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ. ซึ่งสวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ทั้งนี้ EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะแตะระดับเฉลี่ย 10.59 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และพุ่งแตะระดับ 11.18 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งจะทำให้สหรัฐแซงหน้ารัสเซีย กลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก
ราคาทองคำ: ลดลง 14.90 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,314.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 2-2680-5094
OO5367