WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Dividend Play
  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET เปิดโดดขึ้นไปทดสอบ 1,805 จุดใกล้เคียงที่เราประเมินจากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ดัชนีแกว่งตัวซึมลงมาตลอดวันจนปิดลบ 2.99 จุด ณ สิ้นวันซึ่งถือว่าดูไม่ดีนัก แรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติ 3,536 ลบ. (และยัง Net Short ใน Index Futures อีก 4,153 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3,687 ลบ.
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนจาก Bond Yield สหรัฐฯที่ยังไม่นิ่ง ขณะที่กลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบร่วงลง 2.5% รวมถึงยังต้องติดตามเส้นตายการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯคืนนี้แม้ล่าสุดจะมีข่าวว่าแกนนำวุฒิสภาสามารถบรรลุข้อตกลงงบประมาณระยะเวลา 2 ปี เรายังมองว่าระยะสั้นหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และจ่ายปันผลสูงน่าจะปลอดภัยและ Outperform ตลาดได้ ส่วนระยะกลาง-ยาวเรายังมองตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อ จังหวะพักตัวจึงเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นพื้นฐานรอบใหม่
  กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Domestic Play ที่จ่ายปันผลสูง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
  หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$1,037ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$517ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$112ล้าน ไม่มีประเทศใดทีมีเม็ดเงินไหลเข้า แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย 
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ROBINS <<
เป็นหุ้น Domestic Play ที่ราคาหุ้นยัง Laggard ตรงข้ามกับแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 ที่คาดสดใส +38% Q-Q, -16% Y-Y หากไม่รวมรายการพิเศษในปีก่อน กำไรปกติจะทำจุดสูงสุดใหม่ +10% Y-Y
คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2017 ที่ -1.7% Y-Y ก่อนจะกลับมา +15% Y-Y ในปี 2018 โดยคาด SSSG เป็นบวกทุกไตรมาสตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และมีแผนเปิดสาขา Lifestyle Center 2 แห่ง (ได้ทั้งรายได้การขาย + รายได้ค่าเช่า)
ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE เพียง 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 28-30 เท่า แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเท่ากับ 85 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) ร่าง กม. EEC เข้าสภาวันนี้ ถ้าไม่มีแก้ไขจะเป็นขั้นสุดท้ายก่อนประกาศเป็น กม. เพื่อเดินหน้าโครงการต่อไป ธุรกิจที่ได้ประโยชน์ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม นำโดยกลุ่มนิคมฯ (AMATA WHA ATP30) โลจิสติกส์ (AOT) อสังหาฯ (ORI SC) โรงพยาบาล (CHG) โรงไฟฟ้า (BGRIM) รับเหมา (CK STEC ITD) รวมถึงกลุ่มโรงแรม ค้าปลีก (ROBINS FN) และ FTE ARROW SE THMUI กลุ่มที่มักตอบรับเชิงบวกก่อนใครคือนิคมฯ 
  (0) ตลาดหุ้นปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ เรามองการปรับฐานรอบนี้จะกินเวลาสั้นกว่าอดีต ที่ในช่วง Bond Yield สหรัฐฯขยับขึ้นแรงกว่าปกติ SET จะลง 130-150 จุดใน 2-3 เดือน เพราะเศรษฐกิจของประเทศหลักเพิ่งจะเริ่มฟื้น  จึงไม่น่ากังวลกับเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นเร็ว อย่างไรก็ตาม Bond yield และค่าเงินดอลล่าร์ฯในปัจจุบันยังไม่นิ่ง อาจทำให้ความผันผวนของตลาดหุ้นยังมีอยู่ จนกว่านักลงทุนจะได้เห็นตัวเลขผลประกอบการของบจ. ที่กำลังทยอยประกาศ เรายังประเมิน SET Target ปีนี้ที่ 1,900 จุด และมีโอกาสเห็นครึ่งปีแรก หุ้นที่น่าสะสมช่วงพักฐานเราแบ่งเป็น Growth stocks (BJC GLOBAL IRPC MTLS ORI SC SEAFCO TKN WORK), High yield stocks (AIT INTUCH KKP LH MODERN), Turnaround stocks (ARROW CMO TK TU) และ Digital economy theme (ADVANC AIT ITEL MFEC PT SYNEX SVOA VCOM)  
  (0) TK ราคาหุ้นได้ตอบรับความผิดหวังต่อคาดการณ์ผลกำไร 4Q17 ที่เราคาดว่าจะลดลงราว 21% Q-Q เนื่องจากค่าใช้จ่ายพิเศษและการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามเราคงคาดการณ์แนวโน้มที่สดใสขึ้นในปี 2018 ด้วยขนาดฐานสินเชื่อที่เติบโตดีในปี 2017 ราว 17% Y-Y และแนวโน้มยอดขายรถจักรยานยนต์ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลดีต่อความสามารถก่อหนี้และความต้องการซื้อรถมากขึ้น เราคาดว่าสินเชื่อในปี 2018 จะเติบโต 15% Y-Y, คาด Loan spread สูงที่ 34% จากแรงหนุนของ CoF ที่ทรงตัวในระดับต่ำ และ คาดการณ์การตั้งสำรองฯจะลดลงจากคุณภาพหนี้ที่ไม่เลวร้ายลง เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 640 ลบ. +39% Y-Y ราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงเป็นโอกาสซื้อสะสม โดยเราคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 19.50 บาท
  (+) THMUI หลังจากได้พูดคุยกับผู้บริหาร เราสบายใจกับยอดตั้งสำรองทางบัญชีที่เป็นยอดรีเบทย้อนหลังมากขึ้น เพราะน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม ทำให้กำไร 4Q17 มีแนวโน้มดีกว่าคาดที่ 8 ลบ.  กำไรทั้งปี 2017 จึงน่าจะโตสูงกว่าคาดที่ 73% Y-Y ด้วยเช่นกัน ขณะที่ ยอดขายช่วงต้นปีนี้ให้กลุ่มรับเหมายังสดใส และกำลังประมูลงานท่าเรือซึ่งเป็นส่วนขยายเพื่อรองรับ EEC คาดกำไรโตต่ออีก 61% Y-Y แนะนำซื้อสะสม ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท upside 49% พ่วงปันผลอีก 4% ต่อปี
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 ก.พ.- อังกฤษ: ประชุม BOE คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.5%
9 ก.พ. - จีน: อัตราเงินเฟ้อ
13 ก.พ. - MSCI Index Rebalance
14 ก.พ.- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ม.ค. 18) 
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมายังแกว่งตัวผันผวน โดยย้อนมาปิดลบเล็กน้อยจาก Bond Yield ที่ยังไม่นิ่ง รวมถึงต้องติดตามเส้นตายขยายเพดานหนี้คืนนี้
(+) ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนฟื้นกลับมาปิดบวกได้เฉลี่ยเกือบ 2% หลังมีข่าวว่าพรรคการเมืองของเยอรมนีสามารถบรรลุข้อตกลงซึ่งจะปูทางสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้เป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อว่ายังคงมีความผันผวนและต้องรอดูประเด็นขยายเพดานหนี้สหรัฐฯคืนนี้
(-) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งจาก Dollar Index ที่แข็งตาม Bond Yield ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.60-31.70 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ร่วงแรง 1.60 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานว่าสต๊อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 14.90 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,314.60 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังแข็งค่า รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังปรับตัวขึ้น
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5362
 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!