- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 01 February 2018 16:07
- Hits: 5193
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
SET INDEX
1826.86 +0.25(+0.01) // Vol. 63,250
มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้าง
กรอบการเคลื่อนไหว 1820-1840
ดัชนีวานนี้มีทิศทางการแกว่งตัวที่ค่อนข้างผันผวนในกรอบกว้าง 14.76 จุด โดยช่วงเช้าอยู่ในการพักตัวลงตั้งแต่เปิดตลาด แกว่งตัวอยู่ในแดนลบดึง Low ที่ 1819 จุด ก่อนที่ก่อนค่อย ๆ ไต่ตัวขึ้นมายืนบวกได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถขึ้นยืน 1830 จุดและทำ High ที่ 1834 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำปิด 1826 จุด ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ทำให้ยังคงมีมุมมองเดิมที่ดัชนีน่าจะมีแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1820-1840 ก่อนที่จะเลือกทิศทางที่ชัดเจนอีกครั้ง
แนวรับ 1813-1820
แนวต้าน 1834-1840
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
SET INDEX
1826.86 +0.25(+0.01) // Vol. 63,250
มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้าง
กรอบการเคลื่อนไหว 1820-1840
ดัชนีวานนี้มีทิศทางการแกว่งตัวที่ค่อนข้างผันผวนในกรอบกว้าง 14.76 จุด โดยช่วงเช้าอยู่ในการพักตัวลงตั้งแต่เปิดตลาด แกว่งตัวอยู่ในแดนลบดึง Low ที่ 1819 จุด ก่อนที่ก่อนค่อย ๆ ไต่ตัวขึ้นมายืนบวกได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถขึ้นยืน 1830 จุดและทำ High ที่ 1834 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำปิด 1826 จุด ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ทำให้ยังคงมีมุมมองเดิมที่ดัชนีน่าจะมีแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1820-1840 ก่อนที่จะเลือกทิศทางที่ชัดเจนอีกครั้ง
แนวรับ 1813-1820
แนวต้าน 1834-1840
Technical Analyst : พรรณนภา เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.th
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
“ดีดตัว ต่างประเทศเริ่มฟื้น”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
ภาพตลาดในวันนี้ เรามองว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะเกิด technical rebound ได้หลังเกิดแรงขายมามากในช่วงก่อนหน้านี้ รวมทั้งภาพต่างประเทศหลังการประชุม FOMC ได้คลายความกังวลจากนักลงทุนไปบางส่วน และปัจจัยในประเทศยังดีอยู่ .... ปัจจัยต่างประเทศ ที่ประชุม FOMC คงอัตราดอกเบี้ยตามคาดพร้อมทั้งระบุการขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป, ตัวเลขทางเศรษฐกิจยุโรปออกมาดี .... ปัจจัยในประเทศ ธปท.คาดภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. และไตรมาส 4 ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้, สศอ. คาดปี 2018 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 2-3%, ติดตามการประชุม EEC ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
กลยุทธ์การลงทุน:
ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดหุ้นจะเกิด technical rebound เราจึงปรับคำแนะนำมาเป็นเก็งกำไรในช่วงสั้น แนะนำให้เก็งกำไรจากหุ้นที่ได้รับผลบวกจากปัจจัยในประเทศที่เป็นบวกอาทิ กลุ่มนิคมฯ, กลุ่มค้าปลีก รวมถึงเน้นการเข้าลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานช่วง 4Q17 ออกมาดี และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว วันนี้เราเน้นหุ้น domestic play และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยหุ้นที่ติด most active และคาดว่าตลาดจะให้ความสนใจได้แก่ AMATA, SAWAD, PTTEP*
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) AMATA:
เราเลือก AMATA ต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมกรรมการนโยบาย EEC คาดจะมีการเพิ่มเป้าหมายการส่งเสริม BOI ในพื้นที่ EEC เพิ่มเป็น 2.5 แสนล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเริ่มเห็นการฟื้นตัวของราคาหุ้น .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 30.00 บาท
(+) SAWAD:
เราแนะนำ SAWAD ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเรามองว่า SAWAD เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่จะประกาศผลประกอบการช่วง 4Q17 ออกมาดีโดยเราคาดกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 667 ล้านบาท +10%YoY +7%QoQ จากการขยายสินเชื่อของเงินให้กู้ยืมผ่าน BFIT และการขยายสินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์เป็นหลักประกัน .... ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 70.00 บาท
(+) PTTEP:
เราแนะนำ PTTEP จากประเด็นเรื่องการซื้อสัดส่วนหุ้นแหล่งบงกชจากเชลล์ 22.2% คาดว่าการซื้อครั้งนี้จะเสร็จสิ้นในช่วง 2Q18 ซึ่งจะส่งผลให้ ปริมาณขายปิโตรเลียมเพิ่ม 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวลงต่อ
หุ้นมีประเด็น
หุ้นมีประเด็น
(+) PTTEP (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 123)
จะเข้าซื้อหุ้น 22.22% ในโครงการบงกช มูลค่าประมาณ 750 ล้านเหรียญ คาดแล้วเสร็จใน2Q61 จากเดิมที่ถือ 44% เป็น 66% เรามีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นเพิ่มมูลค่าทรัพยากร และแหล่งบงกชเป็นแหล่งใหญ่ สร้างรายได้ให้บริษัทประมาณ 18-21% ในเบื้องต้น เราแนะนำ ซื้อ PTTEP ราคาเหมาะสม 123 บาท (IAA consensus)
(0) DELTA (ราคาเป้าหมาย IAA consensus 87.75)
จากงานประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรามองเป็นกลาง โดย DELTA คาดรายได้ปี 2017 และ 2018 จะเติบโตประมาณ 10% หลักๆ โตจากกลุ่ม Datacenter และ Automotive โดย Datacenter โตจากการ replacement ระบบ Cloud ของลูกค้าเดิม ส่วน Automotive โตจากการขายไปยังยุโรป และปี 2018 น่าจะโตได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิยังมีความเสี่ยงจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นมาก, ตัว Eltek ในสโลวาเกียซึ่งยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าจะผลิตสินค้าในกลุ่มไหน (ซื้อมาเมื่อปี 2017 จาก เดลต้าไต้หวัน), กลุ่ม telecom ที่ยอดขายลดลง , การปรับ product mix ใหม่ และ Material price ที่แพงขึ้นตั้งแต่ปี 2017 คาด Dividend ปี 2018 ใกล้เคียงปี 2017 ราคาเป้าหมาย IAA consensus เฉลี่ยอยู่ที่ 87.75 บาท โดยในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เรายังชอบ HANA (ราคาเป้าหมาย 60 บาท) มากกว่า
(0) TCAP (ถือ, ราคาเป้าหมาย 56 บาท)
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (31 ม.ค.) TCAP ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2018 ไว้ที่มากกว่า 5% YoY (เราคาดไว้ที่ 5% YoY) โดยจะหันกลับมาปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายจะยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่าจะไม่มีการปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว แต่ยังมีการลงทุนในระบบ IT เพิ่มขึ้น ทำให้เราคาดว่า Cost to Income ratio จะอยู่ที่ระดับ 50% จาก 49% ในปี 2017 ส่วนภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2018 จะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเพียง 3% YoY เนื่องจาก Tax shield จากการควบรวม SCIB จะทยอยหมดลง แต่อย่างไรก็ดี TCAP จะไม่ได้รับผลกระทบต่อมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 เนื่องจากมีการตั้งสำรองเพียงพอไปเรียบร้อยแล้ว เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 56 บาท ขณะที่ในกลุ่มธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก เราชอบ TMB มากกว่า เพราะมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร
จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ (31 ม.ค.) TCAP ตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2018 ไว้ที่มากกว่า 5% YoY (เราคาดไว้ที่ 5% YoY) โดยจะหันกลับมาปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายจะยังคงอยู่ในระดับสูงแม้ว่าจะไม่มีการปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว แต่ยังมีการลงทุนในระบบ IT เพิ่มขึ้น ทำให้เราคาดว่า Cost to Income ratio จะอยู่ที่ระดับ 50% จาก 49% ในปี 2017 ส่วนภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2018 จะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเพียง 3% YoY เนื่องจาก Tax shield จากการควบรวม SCIB จะทยอยหมดลง แต่อย่างไรก็ดี TCAP จะไม่ได้รับผลกระทบต่อมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 เนื่องจากมีการตั้งสำรองเพียงพอไปเรียบร้อยแล้ว เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าเหมาะสมที่ 56 บาท ขณะที่ในกลุ่มธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็ก เราชอบ TMB มากกว่า เพราะมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร
(0) WHAUP (ถือ, ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท)
ประเมินกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 491 ล้านบาท (-14%QoQ, Turnaround YoY) ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจไฟฟ้าในขณะที่เพิ่มขึ้น YoY จากการขยายกำลังการผลิตอีก 129MW YoY ส่งผลให้ทั้งปีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น 450% YoY ขึ้นไปเตะระดับ 2.0 พันล้านบาท พร้อมกับผ่านระดับการเติบโตสูงสุด โดยเราประเมินกำไรเติบในช่วง 2018-19 จะอยู่ที่ราว 7% ต่อปี หลังธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งเป็น Key driver เพิ่มกำลังการผลิตได้เพียง 6% ต่อปีในช่วงดังกล่าว ในขณะที่โครงการใหม่ (ท่อก๊าซและบริหารน้ำใน CLMV) คาดต้องใช้เวลาก่อนสามารถสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ เราคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 8.50 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (31 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,826.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด หรือ +0.01% มูลค่าการซื้อขาย 63,252.09 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงบ่าย ซึ่งได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจจากแบงก์ชาติเป็นไปในทางเดียวกับที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้
ปัจจัยต่างประเทศ
(+) Fed คงดอกเบี้ยตามคาด - คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
(+) ตัวเลขทางเศรษฐกิจยุโรปออกมาดี – ยูโรสแตท เปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนลดลง 134,000 คนในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 8.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 ปี
ปัจจัยในประเทศ
(+) ธปท.คาดภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. และไตรมาส 4 ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ – ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนธ.ค.60 และไตรมาส 4/60 โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนธ.ค.60 ขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีตามอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
(+) สศอ. คาดปี 2018 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 2-3% - สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า สำหรับปี 2018 สศอ.ยังคาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไว้ที่ 1.5-2.5% ส่วน GDP ภาคอุตสาหกรรม ปี 2018 คาดการณ์ไว้ที่ 2-3% จากปี 2017 ที่คาดว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมน่าจะอยู่ระหว่างเกือบ 2-2% จากประมาณการเดิมที่ 1.7%
(+) ติดตามการประชุม EEC – ช่วงเวลาประมาณ 10 โมงวันนี้จะมีการประชุมกรรมการนโยบาย EEC ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีการรับทราบเป้าหมายใหม่ในการขอส่งเสริมการลงทุนผ่าน BOI ในพื้นที่ EEC เพิ่มเป็น 2.5 แสนล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 2 แสนล้านบาท
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
ประเมินกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 491 ล้านบาท (-14%QoQ, Turnaround YoY) ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจไฟฟ้าในขณะที่เพิ่มขึ้น YoY จากการขยายกำลังการผลิตอีก 129MW YoY ส่งผลให้ทั้งปีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น 450% YoY ขึ้นไปเตะระดับ 2.0 พันล้านบาท พร้อมกับผ่านระดับการเติบโตสูงสุด โดยเราประเมินกำไรเติบในช่วง 2018-19 จะอยู่ที่ราว 7% ต่อปี หลังธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งเป็น Key driver เพิ่มกำลังการผลิตได้เพียง 6% ต่อปีในช่วงดังกล่าว ในขณะที่โครงการใหม่ (ท่อก๊าซและบริหารน้ำใน CLMV) คาดต้องใช้เวลาก่อนสามารถสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ เราคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 8.50 บาท
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (31 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,826.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.25 จุด หรือ +0.01% มูลค่าการซื้อขาย 63,252.09 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงบ่าย ซึ่งได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศหลังตัวเลขทางเศรษฐกิจจากแบงก์ชาติเป็นไปในทางเดียวกับที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้
ปัจจัยต่างประเทศ
(+) Fed คงดอกเบี้ยตามคาด - คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
(+) ตัวเลขทางเศรษฐกิจยุโรปออกมาดี – ยูโรสแตท เปิดเผยว่า จำนวนผู้ว่างงานในยูโรโซนลดลง 134,000 คนในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 8.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 ปี
ปัจจัยในประเทศ
(+) ธปท.คาดภาวะเศรษฐกิจเดือน ธ.ค. และไตรมาส 4 ยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้ – ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินเดือนธ.ค.60 และไตรมาส 4/60 โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนธ.ค.60 ขยายตัวต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีตามอุปสงค์ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
(+) สศอ. คาดปี 2018 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 2-3% - สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า สำหรับปี 2018 สศอ.ยังคาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไว้ที่ 1.5-2.5% ส่วน GDP ภาคอุตสาหกรรม ปี 2018 คาดการณ์ไว้ที่ 2-3% จากปี 2017 ที่คาดว่า GDP ภาคอุตสาหกรรมน่าจะอยู่ระหว่างเกือบ 2-2% จากประมาณการเดิมที่ 1.7%
(+) ติดตามการประชุม EEC – ช่วงเวลาประมาณ 10 โมงวันนี้จะมีการประชุมกรรมการนโยบาย EEC ซึ่งคาดว่าที่ประชุมจะมีการรับทราบเป้าหมายใหม่ในการขอส่งเสริมการลงทุนผ่าน BOI ในพื้นที่ EEC เพิ่มเป็น 2.5 แสนล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 2 แสนล้านบาท
Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]