WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSSบล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้น Mid-Small Cap//สะสม Big Cap ช่วงพักฐาน
  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET ปรับฐานลงจากแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นตามที่เราคาดนำโดยหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบ รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่หลายๆตัวที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า โดยปิดลบกว่า 10 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1,898 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิทั้ง 3 ตลาดหนาแน่นรวมทั้งสิ้นราว 11,400 ลบ.
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET ยังอยู่ในช่วงพักฐานต่อเนื่องซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นเพราะดัชนีขึ้นมาค่อนข้างเร็ว บรรยากาศการลงุทนภาพรวมยังคงเป็นลบจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับลงแรง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่ออีกกว่า 1% วานนี้ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานยังคงถูกกดดัน ส่วนการประชุม FOMC คืนนี้เราคาดยังคงดอกเบี้ย แต่ต้องดูว่าจะส่งสัญญาณอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ หุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มกำไร 4Q17 แข็งแกร่งน่าจะเป็นหมายในการถูกเก็งกำไรในระยะนี้ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่เรามองช่วงตลาดพักฐานเป็นโอกาสในการทยอยสะสมอีกครั้งหลังจากที่แนะนำให้ขายทำกำไรบางส่วนไปแล้วในช่วงก่อนหน้า
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่คาดมีกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง//สมสมหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงตลาดพักตัว
  หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN 
  Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$474ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$152ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$82ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดรอการประชุม FOMC ที่จะสิ้นสุดในคืนวันนี้หลังมีความกังวลเกิดขึ้นว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ 4 ครั้ง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> MGT <<
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทำสถิติใหม่ที่ 13 ลบ. +7% Q-Q, +76% Y-Y รวมทั้งปี 2017 คาด +44% Y-Y อยู่ที่ 47 ลบ. จากรายได้ที่โตและการบริหารต้นทุนรวมถึงค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ
เราประทับใจกลยุทธ์ใหม่ของ MGT ที่เข้าประมูลงานใหญ่ผ่านโครงข่ายของ Megachem ซึ่งล่าสุดได้คำสั่งซื้อในระดับเกือบ 20% ของรายได้รวมที่ทำได้แต่ละปี และยังมีอีก 2-3 ดีลที่รอปิดการขาย เมื่อรวมผลบวกจากบาทแข็ง ที่ทุก 1% จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่ม 3% ทำให้กำไรปี 2018 ที่เราทำไว้ 60 ลบ. +28% Y-Y อาจต่ำเกินไป
เป็นหุ้นที่ชอบขึ้นสวนตลาด ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE2018 เพียง 16 เท่า และ PEG อิงการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้าที่ 0.6 เท่า ขณะที่ ปันผลคาดจ่ายมากกว่าเดิมเพราะเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้และดีล M&A ยังไม่เกิดขึ้นเร็ว เราคาด Yield เฉพาะ 2H17 ราว 2% แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท  
ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) ผลประชุม FOMC คืนนี้ คาดไม่กระทบตลาดการเงิน โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังคงที่ระดับ 1.25%-1.50% และจะไปขึ้นอีกครั้ง มี.ค. 18 สิ่งที่น่าจับตาคือถ้อยแถลงของประธานเฟดคนปัจจุบัน ก่อนที่จะหมดวาระลงเพื่อส่งไม้ต่อให้ประธานเฟดคนใหม่ช่วงต้น ก.พ. 18 โดยเฉพาะประเด็นการกลับมาอ่อนตัวเร็วของ Dollar Index ในระยะหลัง
  (0) WP จะกลับมาเทรดตั้งแต่ 1 ก.พ. ในกลุ่มพลังงาน WP เกิดจากการควบรวมของ บจก.เวิลด์แก๊ส และ PICNI ปัจจุบันเป็นผู้ค้าก๊าซ LPG แบรนด์ “World Gas” มีส่วนแบ่งตลาด 21% เป็นอันดับ 3 รองจาก PTT และ SGP การเติบโตของการใช้ LPG ในประเทศอาจไม่สูงนักเพราะการใช้งานในภาคขนส่งมีโอกาสลดลง แต่จะชดเชยด้วยภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรม ซึ่ง WP พึ่งพาลูกค้าสองกลุ่มนี้เกือบ 60% ของยอดขาย แต่โอกาสในตลาดต่างประเทศมีอีกมากมาย เราคาดกำไรสุทธิปี 2017-19 โต 213.6%, 20.5% และ 7.7% ตามลำดับ ประเมินราคาเป้าหมาย 8.50 บาท (EV/EBITDA 12x)      
  (0) DTAC กำไรสุทธิ 4Q17 อยู่ที่ 565 ลบ. +20% Q-Q, +235% Y-Y เพราะมีผลประโยชน์ทางภาษีราว 250 ลบ. ผลการดำเนินงานปกติยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะ Net Add ที่ลดลงอีก 4.5 แสนราย ขณะที่ ต้นทุนโครงข่ายยังปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการลงทุน ทำให้กำไรปกติปี 2017 ลดลง 4 ปีติดต่อกันอีก 22% Y-Y อยู่ที่ 1,987 ลบ. ส่วนแนวโน้มปี 2018 เรายังกังวลกับ Net Add ที่ติดลบต่อเนื่องหลังหมดสัมปทาน และเงื่อนเวลาในการได้คลื่น 2300 MHz รวมถึงการประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz ที่ยังไม่มีข้อสรุป เราคาดกำไรสุทธิจะลดลงเป็นปีที่ 5 อีก 28% Y-Y อยู่ที่ 1,422 ลบ. และด้วยราคาหุ้นปรับขึ้นจนเต็มมูลค่าที่ 50 บาท นับตั้งแต่เราแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรปลายปีก่อน จึงเป็นลดคำแนะนำลงเป็นขาย
  (+) SAPPE แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 ที่ 89 ลบ. (-19.8% Q-Q, -8.2% Y-Y) เพราะเป็นช่วง Low Season แต่ในแง่กำไรปกติ (ไม่รวม FX Gain ในปีก่อน) คาดโต Y-Y จากฐานที่ต่ำของทั้งการขายในประเทศและการส่งออก รวมถึงค่าใช้จ่ายน่าจะปรับลดลง Y-Y จากฐานที่สูงในปีก่อน โดยคาดกำไรสุทธิปี 2017 จะจบลงเพียงการทรงตัว Y-Y และคาดจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2018 +22.6% Y-Y จากการฟื้นตัวของธุรกิจในประเทศ ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และการเน้นธุรกิจส่งออกมากขึ้น ทั้งตลาดใหม่ และตลาดเดิมที่มีศักยภาพ ซึ่งล่าสุด all coco เพิ่งเปิดตัวแฟรนไชส์สาขาแรกในสหรัฐฯ เรายังคงราคาเป้าหมายเท่ากับ 38 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ
  (0) ABM เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการจัดหา ขนส่ง และจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวลของไทยและในเอเชีย ที่มีศักยภาพการเติบโตจากแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานทดแทนของโลกเพิ่มต่อเนื่อง  คาดว่ากำไรปกติในปี 2018 จะโตสูงเท่าตัวจากปีก่อน (แต่ EPS-fully diluted โต 54.6%) จากรายได้จากการขายเพิ่ม 20.7% Y-Y หนุนโดยปริมาณขายเพิ่ม จากปริมาณขายกะลาปาล์มทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม หลังปีก่อนได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และความต้องการของลูกค้าโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมาก  เราประเมินราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 2018 ที่ 2.26 บาท โดยวิธี PE Relative ที่ 19 เท่า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
31 ม.ค.- ไทย: ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (ธ.ค. 17)
          - ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค. 18) อัตราการว่างงาน (ธ.ค. 17)
1 ก.พ.- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค. 18)
          - จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18) 
2 ก.พ.- ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค. 18)
          - สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ม.ค. 18)
5 ก.พ.- อินโดนีเซีย: 4Q17 GDP ตลาดคาด 5.15% Y-Y
           - ยูโรโซน: Final PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18) ยอดค้าปลีก (ธ.ค. 17)
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบแรงต่อเนื่องโดยมีแรงขายขายทำกำไรจากดัชนีที่ขึ้นมาค่อนข้างมากในระยะหลัง โดยกังวลกับทิศทางเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นและส่งผลต่อ Bond Yield
(-) ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบเช่นกันตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นที่ปรับตัวลงก่อนหน้าจากความกังวลเรื่อง Bond Yield สหรัฐฯที่พุ่งขึ้น
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังเป็นลบ
(0) ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งทรงตัวหลังจากพลิกมาอ่อนค่าเล็กน้อยช่วงก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.30-31.50 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 64.50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการผลิตของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์คาดว่าจะพลิกกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 5.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,340.00 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตลาดคาดว่าความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและ Bond Yield ที่พุ่งขึ้นอาจทำให้ FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO5074

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!