- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 January 2018 16:35
- Hits: 6604
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
เลือกลงทุนรายตัว
คาดดัชนีฯวันนี้ Sideways กรอบ 1,825-1,840 จุด คาดตลาดระยะสั้นจะยังไม่รีบลงแต่จะมีการหมุนหุ้นเปลี่ยนตัวเล่นไปเรื่อยๆ และคงคาด หุ้นแถวสอง และ Laggard valuation play จะขึ้นได้ดีกว่าตลาด
ระยะสัปดาห์-เดือน มค.คาดตลาดหุ้นไทยรอบนี้ แนวต้าน 1,850 จุด (หมดลุ้นขึ้นเกินกว่านั้น) เริ่มกระชับพอร์ตหุ้นใหญ่ที่ราคาหุ้นแรลรี่แรงรอบนี้-เมื่อตลาดรีบาวด์ และ หมุนมาเล่นหุ้น บูลชิพตัวรอง หุ้น SMID CAP
หุ้นแนะนำวันนี้
TOP แนวรับ 101 ต้าน 105 Stop loss 100 ดูรายงาน Weekly tactical เมื่อ 15 มค. และรายงานอัพเดทส่วนต่างค่าการกลั่นและปิโตรฯ เมื่อ 23 มค. โดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่นำโดยน้ำมันดีเซล (ตามคาด)
SGP แนวรับ 28.25 ต้าน 30 Stop loss 27.75
(1) คาดกำไร 4Q17 เติบโตก้าวกระโดด จากราคาแก๊ส 4Q17 ในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 45% y-y +18% q-q (Propane +38% y-y +16% q-q และ Butane +51% y-y +20% q-q) ขณะที่ต้นทุนลดตาม Economic of scale
(2) ธุรกิจแก๊สใน ตปท.ที่มีสัดส่วนรายได้ 62% (9เดือน) โดยเฉพาะในจีนที่ได้อานิสงส์จากนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการใช้แก๊สในอุตสาหกรรมทดแทนเชื้อเพลิงถ่านหินที่ก่อมลภาวะ เช่น การลดภาษีการนำเข้าแก๊สลง เมื่อปีที่แล้ว
(3) PE trailing เทรดเพียง 9 เท่า มองว่าราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนต่อกำไรที่เติบโตสูงถึง 773% y-y (9M16 กำไร 220 ล้านบาท Vs. 9M17 ที่ 1.92 พันล้านบาท)
รายงานวันนี้
กลุ่มพลังงาน : Navigating earnings momentum -- it's all about oil!
เราคาดบริษัทที่เราดูแล (PTT, PTTEP, TOP, IRPC, BANPU, SPRC, และ BCP) จะรายงานกำไรรวม 5.4 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 77% QoQ และ 74% YoY ใน 4Q17 ซึ่งกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นจะเป็นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (PTT, PTTEP และ BANPU) จากราคาน้ำมันและราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่าน ในขณะที่กลุ่มโรงกลั่นยังคง Laggard กลุ่ม ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดย GRM กำลังอยู่ในการกลับมาสู่ช่วงขาขึ้น และ Valuation ยังต่ำกว่าระดับปกติ ราคาหุ้นเทรดอยู่ในระดับที่คิดเป็น GRM ประมาณ US$6.6-7/bbl แต่เราคาด $7.8/bbl สำหรับปี 2018 เราชอบ TOP ที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น และยังชอบ PTT ตาม oil-levered play
SPALI: Does the good guy deserve a reward?
SPALI เป็นบริษัทที่ทำผลงานได้เงินเป้าแผนงานที่วางไว้ในปี 2017 และเราเชื่อว่าจะยังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ต่อเนื่องในปี 2018 แม้ว่าในปี 2018 EPS จะลดลงจากการคิด SPALI-W4 ระดับ Valuation ยังถูก เทรดที่ PER 8.8 เท่า และยังเป็นบริษัทที่มีความชัดเจนของรายได้ที่มากที่สุดในระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท
กลุ่มธนาคาร : Soft 4Q17 earnings, as expected; recovery ahead
ตัวเลขสรุปกำไรใน 4Q17 ของ 9 ธนาคารที่เราดูแลลดลง 19% YoY และ 12% QoQ ส่วนใหญ่จากการตั้งสำรองที่มากขึ้น ยอดการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 5% YoY และ 3% QoQ ในขณะที่ NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% YoY และ 1% QoQ เราเชื่อว่ากำไรของกลุ่มจะฟื้นตัวในปี 2018 และคาด NPL จะ Peak ใน 1Q18 ก่อนที่จะปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปี เราประเมินกำไรโดยรวมเติบโต 15% YoY ในปี 2018 (ลดลง 7% ในปี 2017) เรายังคงคำแนะนำ OVERWEIGHT และชอบ BBL และ KKP ที่สุดในกลุ่ม
KKP : Good FY18 profit growth outlook
เราเชื่อว่า 2018 จะเป็นปีที่ดีของ KKP ทั้งจากอัตราการเติบโตของสินเชื่อ, ค่าธรรมเนียมธุรกิจ IB, และกำไรจากการขายเงินลงทุน NPA เราประเมินกำไรในปี 2018 เติบโต 13% YoY (ปี 2017 เติบโตเพียง 3% YoY) ในขณะที่ยังมีโอกาสปรับประมารการขึ้นหากสินเชื่อเติบโตได้ 10% ตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ (เราคาดเพียง 6.5%) ในขณะที่ยังเป็นบริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม ~7.5% เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 85 บาท
ECL : Enter now; for 1Q18 recovery
ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา คาดได้สะท้อนแนวโน้มกำไร 4Q17 ที่จะอ่อนตัวลง QoQ จากค่าใช้จ่ายโบนัส ฯลฯ แล้ว อย่างไรก็ดีในมุม YoY คาดจะเห็นกำไรที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เรามองจังหวะที่ราคาหุ้นพักฐานลงมานี้เป็นจังหวะในการ ษซื้อั เพื่อรับกับแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q18 ที่จะเห็นการกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นอีกครั้งจากสินเชื่อที่คาดเติบโตแรงต่อเนื่อง 67% ในปี 2018 หนุนกำไรโตสูง 48% เป็น 200 ล้านบาท และ P/E จะเหลือเพียง 20 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) PTTGC แจ้งตลาด บริษัทฯมีแผนการลงทุนโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่ (Olefins Reconfiguration Project) โดยใช้แนฟทา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก มีกำลังการผลิตเอทิลีน อยู่ที่ 500,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 250,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งโอเลฟินส์ ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 2,988,000 ตันต่อปี เป็น 3,738,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 25%
โดยโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 แล้วนั้น บัดนี้โครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และได้อนุมัติใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ส่วนขยายจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการลงนามสัญญาออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ การก่อสร้าง (Engineering, Procurement & Construction) ในวันที่ 23 มกราคม ปี 2561 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามแผนงานคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2563 โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 985 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 35,657 ล้านบาท (ที่มา ตลท.)
(+) COM7 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจของ COM7 โดยเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหนุนโดยการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลและการที่ผู้คนยอมหันมาใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งชื่นชอบแผนธุรกิจของ COM7 ที่ใช้งบลงทุนไม่มากในการเพิ่มยอดขาย
Highlights :
บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโต 15% ในปี 2018 และคาดยอด SSSG จะแข็งแกร่งต่อเนื่อง (อิงจากปี 2018 ที่ SSSG สูงในระดับ 18%) แม้จะปิดโปรเจคเทสโก้โลตัสไป ซึ่งไม่ได้มีผลขาดทุนจากโปรเจคดังกล่าว
การรุกช่องทางการจัดจำหน่าย B2B เช่น มหาวิทยลัย และ Commercial บวกงานวางระบบจะเป็นปัจจัยหนุนอัตราการเติบโตของยอดขายรวม
ราคาสมาร์ทโฟนมักจะสูงขึ้น แบรนด์หลักมักจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนโมเดลใหม่ในราคาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ลูกค้ามักจะซื้อเครื่องผูกกับโปรโมชั่นที่ผู้ให้บริการเครือขายโทรศัพท์มือถือเสนอให้เพื่อจะได้รับส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งส่งผลดีต่อ COM7 ทั้งในด้านยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่และรายได้จาก SIM card
คาด Apple Watch รุ่นใหม่และสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนจะเป็นตัวขับเคลื่อนยอดขายในปีนี้ จากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น
เริ่มมีการทำธุรกิจแบบเฟรนไชส์แล้ว โดย COM7 ตั้งเป้ามีจำนวนร้านค้าเฟรนไชส์ 100 รายภายในสิ้นปี 2018; ซึ่งจะช่วยหนุนทั้งยอดขายและ inventory turnover ให้ดีขึ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
เลือกลงทุนรายตัว
คาดดัชนีฯวันนี้ Sideways กรอบ 1,825-1,840 จุด คาดตลาดระยะสั้นจะยังไม่รีบลงแต่จะมีการหมุนหุ้นเปลี่ยนตัวเล่นไปเรื่อยๆ และคงคาด หุ้นแถวสอง และ Laggard valuation play จะขึ้นได้ดีกว่าตลาด
ระยะสัปดาห์-เดือน มค.คาดตลาดหุ้นไทยรอบนี้ แนวต้าน 1,850 จุด (หมดลุ้นขึ้นเกินกว่านั้น) เริ่มกระชับพอร์ตหุ้นใหญ่ที่ราคาหุ้นแรลรี่แรงรอบนี้-เมื่อตลาดรีบาวด์ และ หมุนมาเล่นหุ้น บูลชิพตัวรอง หุ้น SMID CAP
หุ้นแนะนำวันนี้
TOP แนวรับ 101 ต้าน 105 Stop loss 100 ดูรายงาน Weekly tactical เมื่อ 15 มค. และรายงานอัพเดทส่วนต่างค่าการกลั่นและปิโตรฯ เมื่อ 23 มค. โดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่นำโดยน้ำมันดีเซล (ตามคาด)
SGP แนวรับ 28.25 ต้าน 30 Stop loss 27.75
(1) คาดกำไร 4Q17 เติบโตก้าวกระโดด จากราคาแก๊ส 4Q17 ในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 45% y-y +18% q-q (Propane +38% y-y +16% q-q และ Butane +51% y-y +20% q-q) ขณะที่ต้นทุนลดตาม Economic of scale
(2) ธุรกิจแก๊สใน ตปท.ที่มีสัดส่วนรายได้ 62% (9เดือน) โดยเฉพาะในจีนที่ได้อานิสงส์จากนโยบายรัฐบาลส่งเสริมการใช้แก๊สในอุตสาหกรรมทดแทนเชื้อเพลิงถ่านหินที่ก่อมลภาวะ เช่น การลดภาษีการนำเข้าแก๊สลง เมื่อปีที่แล้ว
(3) PE trailing เทรดเพียง 9 เท่า มองว่าราคาหุ้นยังไม่ได้สะท้อนต่อกำไรที่เติบโตสูงถึง 773% y-y (9M16 กำไร 220 ล้านบาท Vs. 9M17 ที่ 1.92 พันล้านบาท)
รายงานวันนี้
กลุ่มพลังงาน : Navigating earnings momentum -- it's all about oil!
เราคาดบริษัทที่เราดูแล (PTT, PTTEP, TOP, IRPC, BANPU, SPRC, และ BCP) จะรายงานกำไรรวม 5.4 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 77% QoQ และ 74% YoY ใน 4Q17 ซึ่งกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นจะเป็นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (PTT, PTTEP และ BANPU) จากราคาน้ำมันและราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่าน ในขณะที่กลุ่มโรงกลั่นยังคง Laggard กลุ่ม ซึ่งเรามองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดย GRM กำลังอยู่ในการกลับมาสู่ช่วงขาขึ้น และ Valuation ยังต่ำกว่าระดับปกติ ราคาหุ้นเทรดอยู่ในระดับที่คิดเป็น GRM ประมาณ US$6.6-7/bbl แต่เราคาด $7.8/bbl สำหรับปี 2018 เราชอบ TOP ที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น และยังชอบ PTT ตาม oil-levered play
SPALI: Does the good guy deserve a reward?
SPALI เป็นบริษัทที่ทำผลงานได้เงินเป้าแผนงานที่วางไว้ในปี 2017 และเราเชื่อว่าจะยังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่งนี้ต่อเนื่องในปี 2018 แม้ว่าในปี 2018 EPS จะลดลงจากการคิด SPALI-W4 ระดับ Valuation ยังถูก เทรดที่ PER 8.8 เท่า และยังเป็นบริษัทที่มีความชัดเจนของรายได้ที่มากที่สุดในระยะยาว เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท
กลุ่มธนาคาร : Soft 4Q17 earnings, as expected; recovery ahead
ตัวเลขสรุปกำไรใน 4Q17 ของ 9 ธนาคารที่เราดูแลลดลง 19% YoY และ 12% QoQ ส่วนใหญ่จากการตั้งสำรองที่มากขึ้น ยอดการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 5% YoY และ 3% QoQ ในขณะที่ NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% YoY และ 1% QoQ เราเชื่อว่ากำไรของกลุ่มจะฟื้นตัวในปี 2018 และคาด NPL จะ Peak ใน 1Q18 ก่อนที่จะปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปี เราประเมินกำไรโดยรวมเติบโต 15% YoY ในปี 2018 (ลดลง 7% ในปี 2017) เรายังคงคำแนะนำ OVERWEIGHT และชอบ BBL และ KKP ที่สุดในกลุ่ม
KKP : Good FY18 profit growth outlook
เราเชื่อว่า 2018 จะเป็นปีที่ดีของ KKP ทั้งจากอัตราการเติบโตของสินเชื่อ, ค่าธรรมเนียมธุรกิจ IB, และกำไรจากการขายเงินลงทุน NPA เราประเมินกำไรในปี 2018 เติบโต 13% YoY (ปี 2017 เติบโตเพียง 3% YoY) ในขณะที่ยังมีโอกาสปรับประมารการขึ้นหากสินเชื่อเติบโตได้ 10% ตามที่บริษัทตั้งเป้าไว้ (เราคาดเพียง 6.5%) ในขณะที่ยังเป็นบริษัทที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม ~7.5% เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 85 บาท
ECL : Enter now; for 1Q18 recovery
ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา คาดได้สะท้อนแนวโน้มกำไร 4Q17 ที่จะอ่อนตัวลง QoQ จากค่าใช้จ่ายโบนัส ฯลฯ แล้ว อย่างไรก็ดีในมุม YoY คาดจะเห็นกำไรที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง เรามองจังหวะที่ราคาหุ้นพักฐานลงมานี้เป็นจังหวะในการ ษซื้อั เพื่อรับกับแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q18 ที่จะเห็นการกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นอีกครั้งจากสินเชื่อที่คาดเติบโตแรงต่อเนื่อง 67% ในปี 2018 หนุนกำไรโตสูง 48% เป็น 200 ล้านบาท และ P/E จะเหลือเพียง 20 เท่า เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(+) PTTGC แจ้งตลาด บริษัทฯมีแผนการลงทุนโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่ (Olefins Reconfiguration Project) โดยใช้แนฟทา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เป็นวัตถุดิบหลัก มีกำลังการผลิตเอทิลีน อยู่ที่ 500,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 250,000 ตันต่อปี ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งโอเลฟินส์ ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 2,988,000 ตันต่อปี เป็น 3,738,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 25%
โดยโรงโอเลฟินส์แห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 แล้วนั้น บัดนี้โครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และได้อนุมัติใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม ส่วนขยายจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการลงนามสัญญาออกแบบวิศวกรรม การจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ การก่อสร้าง (Engineering, Procurement & Construction) ในวันที่ 23 มกราคม ปี 2561 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามแผนงานคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2563 โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 985 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 35,657 ล้านบาท (ที่มา ตลท.)
(+) COM7 เรามีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจของ COM7 โดยเชื่อว่าบริษัทจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ตามเป้าหนุนโดยการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัลและการที่ผู้คนยอมหันมาใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งชื่นชอบแผนธุรกิจของ COM7 ที่ใช้งบลงทุนไม่มากในการเพิ่มยอดขาย
Highlights :
บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโต 15% ในปี 2018 และคาดยอด SSSG จะแข็งแกร่งต่อเนื่อง (อิงจากปี 2018 ที่ SSSG สูงในระดับ 18%) แม้จะปิดโปรเจคเทสโก้โลตัสไป ซึ่งไม่ได้มีผลขาดทุนจากโปรเจคดังกล่าว
การรุกช่องทางการจัดจำหน่าย B2B เช่น มหาวิทยลัย และ Commercial บวกงานวางระบบจะเป็นปัจจัยหนุนอัตราการเติบโตของยอดขายรวม
ราคาสมาร์ทโฟนมักจะสูงขึ้น แบรนด์หลักมักจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนโมเดลใหม่ในราคาที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ลูกค้ามักจะซื้อเครื่องผูกกับโปรโมชั่นที่ผู้ให้บริการเครือขายโทรศัพท์มือถือเสนอให้เพื่อจะได้รับส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งส่งผลดีต่อ COM7 ทั้งในด้านยอดขายผลิตภัณฑ์ใหม่และรายได้จาก SIM card
คาด Apple Watch รุ่นใหม่และสมาร์ทโฟนแบรนด์จีนจะเป็นตัวขับเคลื่อนยอดขายในปีนี้ จากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น
เริ่มมีการทำธุรกิจแบบเฟรนไชส์แล้ว โดย COM7 ตั้งเป้ามีจำนวนร้านค้าเฟรนไชส์ 100 รายภายในสิ้นปี 2018; ซึ่งจะช่วยหนุนทั้งยอดขายและ inventory turnover ให้ดีขึ้น
Action :
COM7 : จะเติบโตเกาะกระแสไปกับการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี และ e-Commerce และเงินหมุนเวียนที่มีอยู่สูงใน ตลาด e-Commerce คาดส่งผลบวกต่อกลุ่ม ค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับ Smartphone และบริษัทยังมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 28% สูงที่สุดในอุตสาหกรรม เพราะการทำธุรกิจแบบ Asset light model
เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท
Analysis : วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO4820
COM7 : จะเติบโตเกาะกระแสไปกับการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี และ e-Commerce และเงินหมุนเวียนที่มีอยู่สูงใน ตลาด e-Commerce คาดส่งผลบวกต่อกลุ่ม ค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับ Smartphone และบริษัทยังมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) สูงถึง 28% สูงที่สุดในอุตสาหกรรม เพราะการทำธุรกิจแบบ Asset light model
เราแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท
Analysis : วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO4820