- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 January 2018 16:09
- Hits: 1970
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 4Q17 ทำ All Time High
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ตามคาด มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารซึ่งหนุนให้ดัชนีสามารถดีดตัวขึ้นปิดเหนือระดับ 1,830 จุดได้อีกครั้ง โดยตอบรับเชิงบวกกับการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของฝั่งสหรัฐฯเพื่อหยุดการปิดหน่วยงานราชการได้สำเร็จ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย 449 ลบ. (และ Net Long ใน Index Futures อีก 3,173 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิอีก 1,810 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways โดยกลุ่มพลังงานน่าจะยังหนุนตลาดได้ หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี อย่างไรก็ตามกรอบการบวกคาดว่ายังไม่กว้าง เนื่องจากต้องติดตามการประชุมสนช.เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.รวมถึงที่มาของส.ว. รวมถึงการประกาศผลประกอบการกลุ่ม Real Sector โดย SCC ที่จะประกาศวันนี้ ซึ่งเราคาดไม่ดีนัก ส่วน PTTEP จะประกาศปลายสัปดาห์ ซึ่งหากไม่ได้มีเซอร์ไพรส์ในเชิงบวก เราเชื่อว่าน่าจะยังมีโอกาสเห็นตลาดพักฐานจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น เรายังมองจังหวะอ่อนตัวของตลาดเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรผลประกอบการในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่คาดกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่คาดมีกำไร 4Q17 ทำ All Time High//ทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$503 นำโดยเกาหลีใต้ US$298ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$14ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค IMF ปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าเป็น 3.9% (เพิ่ม 0.2%) เนื่องจากอานิสงส์ของมาตรการปฏิรูประบบภาษีของสหรัฐ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสะท้อนอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
กลยุทธ์วันนี้ >> ยังเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดกำไร 4Q17 ทำ All Time High
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัวในแดนบวกได้ตามคาด มีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารซึ่งหนุนให้ดัชนีสามารถดีดตัวขึ้นปิดเหนือระดับ 1,830 จุดได้อีกครั้ง โดยตอบรับเชิงบวกกับการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวของฝั่งสหรัฐฯเพื่อหยุดการปิดหน่วยงานราชการได้สำเร็จ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเล็กน้อย 449 ลบ. (และ Net Long ใน Index Futures อีก 3,173 สัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อสุทธิอีก 1,810 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะแกว่งตัว Sideways โดยกลุ่มพลังงานน่าจะยังหนุนตลาดได้ หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี อย่างไรก็ตามกรอบการบวกคาดว่ายังไม่กว้าง เนื่องจากต้องติดตามการประชุมสนช.เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส.รวมถึงที่มาของส.ว. รวมถึงการประกาศผลประกอบการกลุ่ม Real Sector โดย SCC ที่จะประกาศวันนี้ ซึ่งเราคาดไม่ดีนัก ส่วน PTTEP จะประกาศปลายสัปดาห์ ซึ่งหากไม่ได้มีเซอร์ไพรส์ในเชิงบวก เราเชื่อว่าน่าจะยังมีโอกาสเห็นตลาดพักฐานจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น เรายังมองจังหวะอ่อนตัวของตลาดเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรผลประกอบการในหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่คาดกำไร 4Q17 แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่คาดมีกำไร 4Q17 ทำ All Time High//ทยอยสะสมหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : BBL, CPN, ORI, RSP, TKN
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$503 นำโดยเกาหลีใต้ US$298ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$14ล้าน ไม่มีประเทศใดที่มีเม็ดเงินไหลออก แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค IMF ปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าเป็น 3.9% (เพิ่ม 0.2%) เนื่องจากอานิสงส์ของมาตรการปฏิรูประบบภาษีของสหรัฐ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสะท้อนอุปสงค์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BJC <<
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 +10% Q-Q, +24% Y-Y อยู่ที่ 1.5 พันลบ. และถ้าไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยนกำไรปกติ 4Q17 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะดีทั้งธุรกิจค้าปลีก หรือ BIGC ที่คาด SSSG เป็นบวกต่อเนื่อง, ธุรกิจ Packaging ที่สามารถ Run เตาใหม่ได้เกือบเต็มกำลังการผลิต, และธุรกิจ Healthcare ที่จะทำจุดสูงสุดของปีจาก High Season
คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2017 +22% Y-Y และคาดโตเด่น +58% Y-Y ในปี 2018 นอกจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ, การขยายธุรกิจทั้งสาขาใหม่ของ BIGC, และกำลังขยายเตาแก้วใหม่แห่งที่ 5 แล้ว คาดว่าจะมีการกลับรายการภาษีก้อนใหญ่ในปีนี้ด้วย
แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมายที่ 64 บาท
คาดกำไรสุทธิ 4Q17 +10% Q-Q, +24% Y-Y อยู่ที่ 1.5 พันลบ. และถ้าไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยนกำไรปกติ 4Q17 จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะดีทั้งธุรกิจค้าปลีก หรือ BIGC ที่คาด SSSG เป็นบวกต่อเนื่อง, ธุรกิจ Packaging ที่สามารถ Run เตาใหม่ได้เกือบเต็มกำลังการผลิต, และธุรกิจ Healthcare ที่จะทำจุดสูงสุดของปีจาก High Season
คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2017 +22% Y-Y และคาดโตเด่น +58% Y-Y ในปี 2018 นอกจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ, การขยายธุรกิจทั้งสาขาใหม่ของ BIGC, และกำลังขยายเตาแก้วใหม่แห่งที่ 5 แล้ว คาดว่าจะมีการกลับรายการภาษีก้อนใหญ่ในปีนี้ด้วย
แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมายที่ 64 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) SCC ประกาศงบฯวันนี้ แนวโน้มกำไรไม่ดีนักเพราะต้นทุนแนฟทาและถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้นกระทบธุรกิจเคมีภัณฑ์และปูนซิเมนต์ เราคาดกำไรสุทธิทั้งปี -1% คาดหดตัวต่ออีก 4% ในปีนี้เพราะต้นทุนที่สูงดังกล่าว แต่ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 580 บาท เพราะ Valuation ที่ถูก PE เพียง 11 เท่า และคาดจ่ายปันผล 10 บาท/หุ้น (yield 2%)
(+) ROBINS แม้แนวโน้ม SSSG ใน 4Q17 อาจติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 แต่ด้วยการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ การปรับ Product Mix ได้ดี และมีรายได้ค่าเช่าเติบโตต่อเนื่อง ทำให้คาดกำไรปกติ 4Q17 จะทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งเติบโตดี +38% Q-Q, +10% Y-Y ทำให้กำไรปกติปี 2017 โต +7% Y-Y และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้มากขึ้นในปีนี้ จากกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Lifestyle Center ที่ช่วยหนุนรายได้ค่าเช่า เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 +15% Y-Y และคงราคาเป้าหมาย 85 บาท แนะนำซื้อ
(0) KKP การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินในปี 2018 ที่ไม่ได้ท้าทายเกินไป โดยตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 10% แต่ทิศทาง Loan spread ชะลอตัวจากปี 2017 เนื่องจากธนาคารโฟกัสกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งผลตอบแทนอาจจะน้อยกว่าสินเชื่อเช่าซื้อเดิม แม้กระนั้นเราเชื่อว่า Loan spread ในประมาณการของเรายังดีกว่ากลุ่มที่ราว 5% เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 6 พันลบ. +5.1% Y-Y จากการขยายตัวของสินเชื่อและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมโดยเฉพาะธุรกิจตลาดทุนและด้าน IB ยังไม่รวม Upside จากกำไรและรายได้การขายสินทรัพย์ SAM คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 85 บาท คงคำแนะนำถือ คาดการณ์ปันผลงวด 2H17 อีกหุ้นละ 4 บาท หรือ 4.8%
(+) BOL คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทรงตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y ที่ 14-16 ลบ. โดยเราคาดว่ายังมีการตั้งค่าเผื่อรายได้จากงานภาครัฐฯที่เก็บไม่ได้อีกราว 3-4 ลบ.ต่อไตรมาส ขณะที่ MatchLink ที่เป็นธุรกิจใหม่ยังไม่สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะกำลังรอการอนุญาตให้เป็นตัวกลางทางการเงินและซื้อขายสินค้า ส่วนธุรกิจเดิมยังเติบโตในระดับ 5-10% ต่อปี เรามีแนวโน้มปรับลดกำไรปี 2017-2018 ลง 10-20% จากคาดการณ์เดิม ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 2.40-2.50 บาท Upside เริ่มจำกัด แนะนำเพียงถือหรือขายแล้ว switch ไปเป็น SVOA
(-) ZIGA เราปรับลดประมาณการปี 2017-2018 ลงจากเดิม 30-32% เหลือ -30% Y-Y และ +12% Y-Y ตามลำดับ และปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 5.50 บาท จาก 10.90 บาท ด้วยเหตุผลด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่สามารถปรับราคาขายได้ อีกทั้งยังเป็นผลจากการทำตลาดสินค้าใหม่ที่ล่าช้า และอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำตลาดมากขึ้น ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 คาด +2% Q-Q, +38% Y-Y อยู่ที่ 39 ลบ. แต่ยังไม่กลับไปกลับไปอยู่ในระดับปกติที่ 60-66 ลบ./ไตรมาส ราคาปัจจุบันที่คิดเป็น PE2018 ราว 15 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แนะนำถือหรือเปลี่ยนไปลงทุนใน ARROW แทน
(0) SCC ประกาศงบฯวันนี้ แนวโน้มกำไรไม่ดีนักเพราะต้นทุนแนฟทาและถ่านหินที่เพิ่มสูงขึ้นกระทบธุรกิจเคมีภัณฑ์และปูนซิเมนต์ เราคาดกำไรสุทธิทั้งปี -1% คาดหดตัวต่ออีก 4% ในปีนี้เพราะต้นทุนที่สูงดังกล่าว แต่ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 580 บาท เพราะ Valuation ที่ถูก PE เพียง 11 เท่า และคาดจ่ายปันผล 10 บาท/หุ้น (yield 2%)
(+) ROBINS แม้แนวโน้ม SSSG ใน 4Q17 อาจติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 แต่ด้วยการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ การปรับ Product Mix ได้ดี และมีรายได้ค่าเช่าเติบโตต่อเนื่อง ทำให้คาดกำไรปกติ 4Q17 จะทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งเติบโตดี +38% Q-Q, +10% Y-Y ทำให้กำไรปกติปี 2017 โต +7% Y-Y และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้มากขึ้นในปีนี้ จากกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Lifestyle Center ที่ช่วยหนุนรายได้ค่าเช่า เราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 +15% Y-Y และคงราคาเป้าหมาย 85 บาท แนะนำซื้อ
(0) KKP การประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ผู้บริหารเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินในปี 2018 ที่ไม่ได้ท้าทายเกินไป โดยตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อที่ 10% แต่ทิศทาง Loan spread ชะลอตัวจากปี 2017 เนื่องจากธนาคารโฟกัสกลุ่มสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งผลตอบแทนอาจจะน้อยกว่าสินเชื่อเช่าซื้อเดิม แม้กระนั้นเราเชื่อว่า Loan spread ในประมาณการของเรายังดีกว่ากลุ่มที่ราว 5% เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 6 พันลบ. +5.1% Y-Y จากการขยายตัวของสินเชื่อและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมโดยเฉพาะธุรกิจตลาดทุนและด้าน IB ยังไม่รวม Upside จากกำไรและรายได้การขายสินทรัพย์ SAM คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 85 บาท คงคำแนะนำถือ คาดการณ์ปันผลงวด 2H17 อีกหุ้นละ 4 บาท หรือ 4.8%
(+) BOL คาดกำไรสุทธิ 4Q17 ทรงตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y ที่ 14-16 ลบ. โดยเราคาดว่ายังมีการตั้งค่าเผื่อรายได้จากงานภาครัฐฯที่เก็บไม่ได้อีกราว 3-4 ลบ.ต่อไตรมาส ขณะที่ MatchLink ที่เป็นธุรกิจใหม่ยังไม่สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะกำลังรอการอนุญาตให้เป็นตัวกลางทางการเงินและซื้อขายสินค้า ส่วนธุรกิจเดิมยังเติบโตในระดับ 5-10% ต่อปี เรามีแนวโน้มปรับลดกำไรปี 2017-2018 ลง 10-20% จากคาดการณ์เดิม ส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 2.40-2.50 บาท Upside เริ่มจำกัด แนะนำเพียงถือหรือขายแล้ว switch ไปเป็น SVOA
(-) ZIGA เราปรับลดประมาณการปี 2017-2018 ลงจากเดิม 30-32% เหลือ -30% Y-Y และ +12% Y-Y ตามลำดับ และปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 5.50 บาท จาก 10.90 บาท ด้วยเหตุผลด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแต่ยังไม่สามารถปรับราคาขายได้ อีกทั้งยังเป็นผลจากการทำตลาดสินค้าใหม่ที่ล่าช้า และอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในการทำตลาดมากขึ้น ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 คาด +2% Q-Q, +38% Y-Y อยู่ที่ 39 ลบ. แต่ยังไม่กลับไปกลับไปอยู่ในระดับปกติที่ 60-66 ลบ./ไตรมาส ราคาปัจจุบันที่คิดเป็น PE2018 ราว 15 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มวัสดุก่อสร้าง แนะนำถือหรือเปลี่ยนไปลงทุนใน ARROW แทน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24 ม.ค.- ไทย: ยอดผลิตรถยนต์ (ธ.ค. 17)
- เกาหลีใต้: 4Q17 GDP คาด 4.5% จากงวดก่อน 3.8%
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค. 17)
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP คาด 3% จากงวดก่อน 3.2%
1 ก.พ - จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ม.ค. 18) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (ม.ค. 18)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัวโดย DJIA ปรับลง ขณะที่ NASDAQ และ S&P500 ยังทำ New High โดยตอบรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกหลังสภาคองเกรสผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวได้สำเร็จ ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยหันมาโฟกัสกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(+) ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวแข็งค่าต่อเนื่องตาม Dollar Index ที่ยังอ่อนตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.72-31.80 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.90 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 64.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้า ซึ่งแสดงถึงอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงคาดว่าสต๊อน้ำมันดิบจะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 10
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,336.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้อานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4811
24 ม.ค.- ไทย: ยอดผลิตรถยนต์ (ธ.ค. 17)
- เกาหลีใต้: 4Q17 GDP คาด 4.5% จากงวดก่อน 3.8%
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)
25 ม.ค.- ยูโรโซน: ประชุม ECB คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.00%
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ธ.ค. 17)
26 ม.ค.- สหรัฐฯ: 4Q17 GDP คาด 3% จากงวดก่อน 3.2%
1 ก.พ - จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ม.ค. 18)
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ม.ค. 18) ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ADP (ม.ค. 18)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัวโดย DJIA ปรับลง ขณะที่ NASDAQ และ S&P500 ยังทำ New High โดยตอบรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกหลังสภาคองเกรสผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวได้สำเร็จ ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมโดยหันมาโฟกัสกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
(+) ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวแข็งค่าต่อเนื่องตาม Dollar Index ที่ยังอ่อนตัวลง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.72-31.80 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 0.90 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 64.47 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้า ซึ่งแสดงถึงอุปสงค์น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงคาดว่าสต๊อน้ำมันดิบจะปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 10
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 4.80 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,336.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้อานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research
OO4811