- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 23 January 2018 19:06
- Hits: 17435
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
สดใสรับความคลี่คลายชัตดาวน์
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : คาดตลาดหุ้นไทยกลับมาสดใส รับสภา คองเกรสสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศทั้งในสหรัฐฯ และเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ โดยเรามอง กรอบดัชนีวันนี้ 1,815 -1,835 จุด มุ่งไปในทิศทางบวกมากขึ้น อีกทั้งหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินกลุ่ม Non-Bank ประกาศงบการเงินออกมามีอัตราการเติบโตที่ดีหนุนธุรกิจการให้สินเชื่อยังไปได้ดีในปี 2561 ยอดส่งออกปี 2560 เติบโต 9.9% ดีกว่าที่กระทรวงพาณิชย์ และ ธปท.คาดการณ์ไว้ที่ 8.6% คาดว่ายอดส่งออกจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2561ได้อีก 5 - 7% แม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าสู่ระดับ 31.8 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก กิจการที่คาดว่าได้รับผลบวกจากการแข็งค่าของเงินบาท คือ ธุรกิจลงทุนด้านกิจการไฟฟ้า เน้น BGRIM, ธุรกิจนำเข้า ได้แก่ MONO, GIFT, TVO เป็นต้น
Stock
Comment
CHOW
เลือกเป็น Pick of the day
MONO
กิจการจะได้รับผลบวกจากการแข็งค่าของเงินบาท
SAWAD
ผลประกอบการของ BFIT ประกาศออกมาเติบโตดีมาก กำไรไตรมาส 4/60 กว่า 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.45% ส่งผลงวดปี 2560 กำไรพุ่งเป็น 233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.40% SAWAD ถือหุ้น BFIT 36.35% รับรู้กำไรจาก BFIT คาดการณ์ SAWAD จะมีผลประกอบการดีด้วย ประกาศผลประกอบการเดือน ก.พ.61 แนะนำซื้อ SAWAD ราคาเป้าหมาย 77.00 บาท
หุ้นเด่นวันนี้ : CHOW (ปิด 5.40 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS 12 เดือน เท่ากับ 8.50 บาท)
CHOW เป็นบริษัทผู้ผลิตเหล็กแท่งทรงยาว ที่กำลังจะกลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นรายสำคัญ เราประมาณการว่าบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 2560 เท่ากับ 46 MW และจะเพิ่มขึ้นเป็น 97 MW และ112 MW ในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ ช่วยสร้างรายได้และกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 2561 และ 2562 เท่ากับ 384 ล้านบาทและ 444 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 83.2%YoY และ 15.5%YoY ตามลำดับ ทั้งนี้เรามองว่าบริษัทมีมูลค่าซ่อนเร้น (Hidden Value) อยู่ในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และมี Upside Risk จากนำบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เข้า IPO ในปีนี้ เราแนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมาย 8.50 บาทต่อหุ้น
Price Pattern ของ CHOW มีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal หาก Price Pattern ของ CHOW สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 6 บาทได้สำเร็จ ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ได้ในที่สุดและทำให้ Price Pattern ของ CHOW กลับเข้าสู่แนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัวอีกครั้ง เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ CHOW มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 5.90 บาท มีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 6.70 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 7.50 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ CHOW มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 5.20 บาท (แนวต้าน: 5.50, 5.60, 5.75; แนวรับ: 5.35, 5.25, 5.10)
ปัจจัยในประเทศ :
ส่งออกปี 2560 เติบโต 9.9% นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ซึ่งคิดเป็น 2.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของคู่ค้าประเทศหลักๆ ส่วนนำเข้าเพิ่มขึ้น 14.7% อยู่ที่ 2.23 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้เกิดเกินดุลการค้าที่ 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ส่งออกเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.6% YoY อยู่ที่ 1.97 หมื่นล้านดอลลาร์ และนำเข้าปรับตัวขึ้น 16.6% YoY อยู่ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดขาดดุลการค้าที่ 278 ล้านดอลลาร์ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ส่งออกปีนี้จะเติบโตที่ราว 5-7% (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ตัวเลขส่งออกปี 2560 เติบโตดีกว่าที่กระทรวงพาณิชย์และ ธปท.คาดการณ์ไว้ที่ 8.6%
ยอดจดทะเบียนบริษัทใหม่ปี 2560 แตะระดับนิวไฮในรอบ 5 ปี อยู่ที่ 74,500 ราย เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2559 ที่ 64,200 ราย หนุนโดยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ภาคท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง มาตรการส่งเสริมภาษีจากภาครัฐ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ (บางกอกโพสต์) ความเห็น: ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของเหล่าผู้ประกอบการ ถ้าโมเมนตัมยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เรามองว่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคารจากความต้องการสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่และ SME ที่อาจเพิ่มขึ้น
SCC ซื้อกิจการบรรจุภัณฑ์มาเลเซีย 836 ล้านบาท บริษัทย่อยของ SCC ได้เข้าซื้อหุ้น 68.3% ในบริษัท อินเตอร์เพรส พริ้นเตอร์ส์ เซนดิเรียน เบอร์ฮาด (IPSB) บริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารชั้นนำในมาเลเซียจากผู้ถือหุ้นรายเดิมซึ่งจะยังคงถือหุ้นส่วนที่เหลือต่อไป (ที่มา: โพสต์ทูเดย์) ความเห็น: การซื้อธุรกิจบรรจุภัณฑ์เป็นตามกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นธุรกิจบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากระดาษพิมพ์ / เขียน อย่างไรก็ตามรายได้และกำไรธุรกิจของ SCC ส่วนใหญ่ยังขึ้นอยู่กับธุรกิจปิโตรเคมี ซึ่งมีแนวโน้มทรงตัว คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 520 บาท
PTTGC ปรับการเติบโตของรายได้เพิ่มเป็น 14%: PTTGC ปรับประมาณการรายได้ในปี 2561 เป็น 480,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากเดิม 14% จากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้น (Bangkok Post) ความเห็น: ข่าวนี้ส่งผลเชิงบวกต่อ PTTGC เนื่องจากการปรับราคาขึ้นของราคาน้ำมันดิบดูไบจาก 52 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็น 70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดต่างประเทศ :
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮทั้งดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq หลังจากวุฒิสภาสหรัฐให้ความเห็นชอบในการลงมติรอบแรกด้านกระบวนการปฏิบัติ (procedural vote) ต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อวานนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ก.พ.61 ขณะที่ตลาดคาดหวังว่า สภาคองเกรสจะลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในขั้นตอนสุดท้าย นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต รวมทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
ตลาดหุ้นยุโรป : ปิดบวก หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน พร้อมแสดงมุมมองในเชิงบวกว่า การที่แคว้นกาตาลุญญาประกาศแยกตัวเป็นอิสระจากสเปนนั้นได้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสเปนแค่ในวงจำกัดเท่านั้น
ตลาดหุ้นลอนดอน : ปิดลบ หลังจากเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานได้ช่วยจำกัดการร่วงลงของตลาด
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบ : WTI เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 63.49 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 69.03 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากซาอุดิอาระเบียออกมาสนับสนุนให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่นอกกลุ่มโอเปก ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปถึงปี 2562
ราคาทองคำ : ลบ US$1.2 หรือ 0.09% ปิดที่ 1,331.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อวานนี้ ซึ่งจะปูทางไปสู่การยุติภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
ดัชนีค่าระวางเรือ BDI : ปิดวันทำการล่าสุดที่ 1,129.00 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด sinv +0.36% ปรับตัวขึ้นเป็นวันแรกหลังอยู่ในแดนลบ 8 วันทำการ
ค่าการกลั่น : ปิดที่ 6.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 6.08 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาถ่านหิน : ทรงตัวที่ 106.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
ราคายางพารา (TOCOM) : ปิดที่ 202.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลง 1.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน หรือลดลง 1.7%
Thailand Research Department
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No.17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No.14543) Tel: 0-2680-5056
Mr. Nutchapol Cheevavichawalkul (No.46377) Tel: 0-2680-5094
OO4769