WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 

SET INDEX
  1824.06 +2.72(+0.15) // Vol. 59,794
  ยังมีความผันผวนอิงทางบวก ที่น่าจะขยับ High ได้ 
  กรอบการเคลื่อนไหว 1817-1830
  ดัชนีวานนี้ยังมีทิศทางผันผวนหลังจาก Rebound จากสุดสัปดาห์ก่อนหน้า โดยลงไปทำ Low ที่ 1815 จุด ซึ่งยังไม่สร้างจุดต่ำใหม่  พร้อมกับขยับ High ที่ 1827 จุด สลับขึ้นลงยืนบวกและลบตลอดทั้งวันก่อนทำปิดที่ 1824 จุด จากภาพของดัชนีถึงแม้จะมีความผันผวนแต่สามารถขึ้นมาทำปิดยืน 1820 จุดได้ ทำให้ภาพของการขึ้นยังไม่เสีย มีมุมต่อดัชนีน่าจะยังความมีความผันผวนที่อิงทางบวก คาดหวังที่ High เดิมได้อีกครั้ง
  แนวรับ 1811-1817
  แนวต้าน 1829-1834
Technical Analyst :  พรรณนภา  เขมะสุรัตน์ // เลขทะเบียน 060110 // Tel. : 02-648-1124 // phannapa.k@ktbst .co.t
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

“ เล่นกรอบแคบ ขึ้น-ลง อยู่ที่แบงก์”
ทิศทางตลาดหุ้นไทย:
  เรามองว่าภาพตลาดในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ตามตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตามด้วยแรงขายของกลุ่มธนาคารที่ยังมีอยู่ จะส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของดัชนีมีกรอบจำกัด .... ภาพต่างประเทศ การชัตดาวน์องค์กรรัฐสหรัฐฯสิ้นสุดลง, ราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับสูง  .... ปัจจัยในประเทศ ตัวเลขส่งออกประกาศออกมายังอยู่ในระดับสูงแต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ ... ในวันนี้ติดตามยอดขายรถยนต์ คาดปรับตัวขึ้น YoY แต่ลดลง MoM
กลยุทธ์การลงทุน:
  ด้วยมุมมองที่ว่าตลาดมี upside จำกัด จึงยังคงแนะนำให้ลดพอร์ทในหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมามาก การเก็งกำไรระหว่างวันให้เลือกหุ้นในลักษณะ selective buy  .... เลี่ยงการลงทุนหุ้นในกลุ่มแบงก์ซึ่งยังเห็นแรงขายในหุ้นกลุ่มนี้อยู่ .... การเก็งกำไรในหุ้นระหว่างวันแนะนำเป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศเช่นกลุ่มค้าปลีก, หุ้นที่มีปัจัยบวกเฉพาะตัว, หุ้นที่มีความปลอดภัย, หรือหุ้นที่ราคาปรับลงมามาก หุ้นที่ติด most active และตลาดยังให้ความสนใจต่อเนื่อง ได้แก่ PTTGC*, DTAC*. PTTEP*
  หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์: LANNA*, WHAUP*
  หุ้นแนะนำทางเทคนิค: GULF, KKP, WICE
หุ้น Active ที่น่าสนใจ
(+) PTTGC:
  ปริมาณการซื้อขายหุ้น PTTGC เข้ามามากในช่วงวานนี้ ราคาขาย HDPE ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% WoW อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลให้กำไรจากโรงกลั่นของ PTTGC เพิ่มสูงขึ้น
(+) DTAC:
  เรามองกลุ่ม Telecom มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเรามองการแบ่งคลื่น 1800 MHz ที่จะเข้าประมูล 45 MHz จากเดิม 3 ใบอนุญาต ออกไปเป็น 9 ใบอนุญาต เป็นบวกต่อกลุ่ม โดยเราสนใจ DTAC มากที่สุด เพราะได้คลื่น 2300 MHz แล้ว และอาจเข้าประมูล 1800 MHz ได้ด้วยเพราะใช้เงินน้อยลง
(+) PTTEP:
  ราคาน้ำมันดิบยังคงสามารถทรงตัวในระดับสูงได้ โดยมีแรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ลดลง 6.9 ล้านบาร์เรล ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน โดยเรามองว่าประเด็นดังกล่าวจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อได้ เป็นบวกต่อ PTTEP
(+) LANNA:
  ตลาดมีการปรับ outlook ราคาถ่านหินขึ้น จาก 65 ดอลลาร์/ตัน เป็น 75 ดอลลาร์/ตัน และการที่จีนประกาศภาวะขาดแคลนก๊าซจะส่งผลให้ อุปสงค์ในถ่านหินมีมากขึ้น ในขณะที่อุปทานถ่านหินยังมีอยู่จำกัด นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังมีการปรับประมาณการหุ้นถ่านหินในประเทศอินโดนิเซียขึ้นอีกด้วย
  * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
หุ้นมีประเด็น
(0) กลุ่มสายการบิน (Neutral)
  สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) มีแผนจะยื่นขอให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) เข้ามาตรวจสอบการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยในเดือน มี.ค.นี้ หลังจากที่ก่อนหน้านั้น FAA ได้ปรับลดระดับความปลอดภัยด้านการบินไทยลงจาก Category 1 มาที่ระดับ Category 2 ซึ่งหลังจาก FAA เข้าตรวจสอบ คาดว่าจะประกาศผลในอีก 2 เดือน หากผ่าน FAA จะปรับระดับการบินของไทยเป็น Category 1  ก็จะทำให้สายการบินของไทยสามารถบินเข้าประเทศสหรัฐฯ ได้
  ความเห็น: เราคาดว่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่ FAA จะปรับระดับการบินของไทยเป็น Category 1 ตามผลของ ICAO ก่อนหน้านี้ที่มีการรับรองผลการตรวจสอบให้ประเทศไทยได้รับการปลดธงแดง ทั้งนี้ เรามองเป็นโอกาสของ THAI เนื่องจากเป็นสายการบินเดียวของประเทศไทยทีเคยทำการบินตรงไปยังประเทศสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้ THAI มีแผนเปิดเส้นทางบินไปยังสหรัฐได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังมองเป็นกลางต่อข่าวดังกล่าว เนื่องจากคาดว่าจะไม่มีกระทบอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของผลการดำเนินงานต่อกลุ่มสายการบิน
(+) BEAUTY: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 25 บาท)
  BEAUTY ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2018
  ความเห็น: เรามีมุมมองเชิงบวกกับการแต่งตั้ง ดร.พีระพงษ์ จากประวัติของผู้บริหารท่านนี้ จะเห็นได้ว่ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับค้าปลีก และเป็นกูรูด้านธุรกิจแฟรนไชส์อันดับต้นของไทย เรามองว่าการแต่งตั้งผู้บริหารในครั้งนี้จะส่งผลบวกต่อ BEAUTY  ในด้านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เราชอบแผนการรุกขยายตลาดของบริษัทฯ เรามองว่าบริษัทฯยังมี Upside จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 25 บาท
(+) RICHY (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 2.50)
  ผู้บริหาร RICHY ตั้งเป้ารายได้ปี 2018 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากการโอนโครงการ ริชพาร์ค @ ทริปเปิ้ล สเตชั่น ที่มีมูลค่าโครงการ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนได้ตั้งแต่ปลาย 1Q18 โดยคาดว่าจะมีรายได้ของจากการโอนโครงการดังกล่าวเข้ามาในปี 2018 กว่า 2 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2017 ที่อยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท ขณะที่ในปี 2018 มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 7 พันล้านบาท โดยเน้นโครงการคอนโดเป็นหลัก
  ความเห็น: เราคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2018 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งในแง่รายได้และกำไรสุทธิ โดยเฉพาะการเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ ริชพาร์ค @ ทริปเปิ้ล สเตชั่น ที่คาดว่า ณ สิ้นปี 2017 จะมี Backlog เฉพาะโครงการนี้แล้วถึง 2.2 พันล้านบาท รวมถึงคาดว่าโครงการเดิมจะยังมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ เรายังประเมินรายได้ปี 2018 อย่าง Conservative ที่ 2.46 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% YoY และคาดกำไรสุทธิที่ 312 ล้านบาท เติบโต 125% YoY เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 2.50 บาท ขณะที่ระยะสั้นเราคาดราคาหุ้น RICHY จะยังได้ปัจจัยบวกจากแนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q17 ที่สดใส ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 12 ไตรมาส ที่ 70 ล้านบาท ดีขึ้นมากทั้ง YoY และ QoQ
(+) HUMAN: (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 13 บาท)
  HUMAN เตรียมเดินสายโรดโชว์สิงคโปร์ในวันที่ 25 -27 ม.ค.นี้ มั่นใจสถาบันให้การตอบรับอย่างท่วมท้น ด้านผู้บริหาร"สุนทร เด่นธรรม" เตรียมเปิดตัวโปรดักท์ใหม่ "Performance Management Outsourcing" ใน 1Q18 วางเป้ารายได้ปี 2018 เติบโต 20-30% จากปีก่อน
ความเห็น: กรอบการเติบโตของรายได้ที่ ผบห ตั้งไว้สอดคล้องกับประมาณการของเราซึ่งคาดรายได้เติบโต 25% YoY ในขณะที่การออกสินค้าใหม่อย่าง Performance Management Outsourcing จะช่วยให้บริษัทมีสินค้าที่คอยสนับสนุนธุรกิจ back office outsourcing ให้ครอบคลุมมากขึ้น สามารถใช้ฐานลูกค้าเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้ประโยชน์จาก High operating leverage หนุน Gross margin โดยเราคาดกำไรปี 2018 สามารถเติบโตได้ราว 70% YoY แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 13.00 บาท
(+) TU:(ถือ,ราคาเป้าหมาย 22 บาท)
TU ราคาปลาทูน่าปรับลดลงสู่ระดับ 1550 เหรียญ
  ความเห็น: เป็นผลดีต่อ TU เนื่องจากต้นทุนปลาที่ลดลง ผู้ประกอบการคาดว่า ราคาปลาเฉลี่ยจะใกล้เคียงปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนของชาวประมงเพิ่มสูงขึ้นจากการติดตั้งระบบติดตามแหล่งที่มายัอนกลับ แต่เราคาดเห็นการเก็งกำไรแม้ว่าผลประกอบการ 4Q17 อาจจะออกมาไม่ดี TU แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 22 บาท
  (+) รายงานตัวเลขส่งออกไทย เดือน ธ.ค.60 – กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนธ.ค.60 มีมูลค่า 19,741 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 8.6% ขณะที่การนำเข้า ในเดือนธ.ค.60 มีมูลค่า 20,019 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 16.6% ส่งผลให้ดุลการค้า ธ.ค. ขาดดุล 278 ล้านเหรียญสหรัฐฯ.... ตัวเลขส่งออกยังอยู่ในระดับสูงแต่อยู่ในระดับที่ต่ำที่ตลาด (Bloomberg) คาดไว้ที่ระดับ 11.1%
  ความเห็น : ตัวเลขส่งออกรายการที่มีผลต่อหุ้นในตลาด อาทิ อาหารทะเลแช่แข็ง ไก่สดแช่แข็ง ชิ้นส่วนรถยนต์ Harddisk ยังคงดีต่อเนื่อง แต่กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ยังคงลดลง ทำให้ตัวเลขส่งออกสินค้าตัวนี้ลดลงในปี 2560 0.3%
อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามต่อไปว่า จากตัวเลขที่ไทยเกินดุลการค้าของสหรัฐฯ ในปี 2560 เบื้องต้นอยู่ที่ $1.16 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งต่ำกว่าปี 2560 ที่ $1.7 หมื่นล้านเหรียญ อันเป็นเหตุให้ปีก่อน สหรัฐฯขึ้น list ว่าไทย มีการได้เปรียบทางการค้าต่อสหรัฐฯมากกว่าปกติ เรามองว่าน่าจะถูกปรับมุมมองให้ดีขึ้น และจะไม่มีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าต่อประเทศไทย ทั้งนี้ event ที่สำคัญ ต่อการค้าระหว่างประเทศ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ คือ สหรัฐฯจะรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศ (25) และ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ งาน World Economic Forum ในวันที 25 ม.ค.ด้วย
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                               
 ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (22 ม.ค.) – ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,824.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.72 จุด หรือ +0.15% มูลค่าการซื้อขาย 59,793.78 ล้านบาท ตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบ ปริมาณการซื้อขายเบาบางกว่าวันก่อนๆ คาดนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนถึงปัจจัยต่างประเทศ เช่น การชัตดาวน์องค์กรรัฐ และ มาตรการปรับลด QE
ปัจจัยต่างประเทศ
  (+) วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกม.งบประมาณรอบแรก – สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติ ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯมีโอกาสปิดสั้นกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตนที่ราว 9 วันทำการ
  (+/-) ติดตามความชัดเจนมาตรการปรับลด QE  การประชุม ECB จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. นี้ ติดตามการส่งสัญญาณหยุดใช้ QE โดยการประชุมในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีการปรับประมาณการเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและแนวโน้มที่จะหยุดการใช้มาตรการ QE ตลาดประเมิน การลด QE จะเกิดหลังจาก เดือน ก.ย.61
  (+) IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจโลก – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และปีหน้า สู่ระดับ 3.9% โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.2%
ปัจจัยในประเทศ
  (0 ตัวเลขส่งออกยังอยู่ในระดับสูงแต่ต่ำกว่าตลาดคาด – กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค.17  ขยายตัว 8.6% ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 16.6% .... ตัวเลขส่งออกยังอยู่ในระดับสูงแต่อยู่ในระดับที่ต่ำที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 11.1%
  (+/-)  ติดตามตัวเลขยอดขายรถยนต์ในวันนี้ – ในวีนนี้จะมีการประกาศตัวเลขยอดขายรถยนต์ ซึ่งเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 78,082 คัน …. คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ YoY แต่ลดลง MoM เนื่องจากเดือน ธ.ค. ไม่ใช่ช่วง high season
 
 Analyst
Mongkol Puangpetra
License No: 001937  
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447  
+662 648 1127
[email protected]
OO4768

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!