- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 19 January 2018 18:00
- Hits: 30523
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เลือกซื้อ/ถือ เมื่อ SET เหนือ 1810”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก – ตลาดหุ้นสหรัฐพักฐานเพราะกังวลเรื่องการผ่านร่างกม.งบประมาณชั่วคราว ซึ่งวุฒิสมาชิกจะพิจารณาในคืนนี้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่ามีโอกาสผ่านเพื่อให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐอีกรอบ ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษร่วงเพราะผลประกอบการบริษัทใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นจากการที่ GDP ในปี 60 ของจีนเติบโต 6.9% ดีกว่าเป้าหมายรัฐบาลที่ 6.5% และมีแรงซื้อหุ้นเซมิคอนดัคเตอร์เข้ามาอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็น Sentiment บวกกับหุ้น HANA (แนะนำซื้อ ให้ TP 55 บาท) ของไทยด้วย
ส่วนปัจจัยภายใน – วานนี้ดัชนีอ่อนลงจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล. ส่วนต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 244 ลบ.เท่านั้นปิดตลาด SET Index -9.56 จุด ที่ 1819.32 โดยราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างร่วงแรง จากกังวลว่าต้นทุนค่าแรงงานที่เพิ่มจะกระทบมาร์จิ้น และเม็ดเงินลงทุนที่ทยอยเข้ามาไม่ได้มีการเติบโต YoY มากนัก
สำหรับวันนี้ ควรระวังการแกว่งหรืออ่อนตัวของตลาดต่อ เพราะกำไร 2 แบงค์ใหญ่ต่ำกว่าคาด คือ SCB (กำไรลด 9%YoY, ต่ำกว่าคาด 3%), KBANK (กำไรลด 15%YoY, ต่ำกว่าคาด 9%) เนื่องจากตั้งสำรองฯ & ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีและดิจิตอลเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อวานนี้ราคาหุ้นทั้ง 2 ธนาคารร่วง 2-3% ไปล่วงหน้าบ้างแล้ว ส่วน BBL กำไรปี 60 โต 4%YoY และ TMB กำไรเพิ่ม 6%YoY เป็นไปตามคาด ด้าน NPL ratio ของแบงค์ใหญ่ยังเพิ่มขึ้นต่อ แต่ของ TMB & แบงค์เล็กลดลง ในเชิงกลยุทธ์เรายังคงให้ BBL (TP 222 บาท) & TMB (TP 3.20 บาท) เป็นหุ้น Top picks ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ส่วน BANPU ผู้บริหารกล่าวว่าศาลฯนัดรับฟังคำตัดสินขั้นฎีกากรณีโรงไฟฟ้าหงสาวันที่ 6 มี.ค.61 นี้ ซึ่งต้องลุ้นกันว่าผลจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ถ้าไม่รวมผลกระทบจากคดีความ นักวิเคราะห์ประเมินราคาพื้นฐานเฉลี่ยไว้ที่ 26.50 บาท
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดกลับมาเป็นลบ ควรระวังการแกว่ง ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1825-1830, 1840-1850 ถ้าหลุด 1810 ควร Stop loss สำหรับหุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ STPI, SUSCO, GLOBAL, MEGA, BCH, PRINC, KAMART ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น BANPU, IHL, ASAP, AP, COM7 หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SEAFCO, SENA, ESSO, RS, WHA หุ้นหลุด List คือ UNIQ, AMATAV, PTL, IVL
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : สภาผู้แทนสหรัฐผ่านร่างกม.งบประมาณชั่วคราวแล้ว และจะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
# สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อคืนนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้วุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
# แต่...ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า วุฒิสภาสหรัฐจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้หรือไม่ เนื่องจากมีวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนกล่าวว่า พวกเขาจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้
+/• สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานรายสัปดาห์แข็งแกร่ง แต่การก่อสร้างบ้านธ.ค.ชะลอตัวลง
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41,000 ราย สู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2516
# ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้าน -8.2%MoM ในเดือนธ.ค.60 สู่ระดับ 1.192 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 1 ปี
+ จีน : GDP growth ปี 60 ออกมา 6.9%YoY ดีกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 6.5%
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า GDP ของจีนตลอดปี 2560 ขยายตัว 6.9%YoY สูงกว่าเป้าหมายของทางการจีนที่ระดับ 6.5% นอกจากนี้จีนยังเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมตลอดปี 2560 ขยายตัว 6.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ขยายตัว 6.0%
-/+ ภาวะตลาดหุ้น : ในสหรัฐรอดูว่าร่างกม.งบประมาณชั่วคราวจะผ่านวุฒิสภาวันนี้หรือไม่ ตลาดยุโรปยังบวกต่อ
# นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐกังวลเกี่ยวกับการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพราะสมาชิกสภาคองเกรสมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องนโยบายรับคนเข้าเมือง ซึ่งจะส่งผลให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาล รวมถึงมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่บางบริษัทด้วย ปิดตลาดดัชนี DJIA -97.84 จุด หรือ -0.37% ดัชนี S&P500 ปิด -4.53 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิด -2.23 จุด หรือ -0.03%
# ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,700.96 จุด -24.47 จุด หรือ -0.32% เพราะการแข็งค่าของเงินปอนด์กระทบหุ้นที่เป็นบริษัทข้ามชาติ และกำไรบริษัทขนาดใหญ่ต่ำกว่าคาด สำหรับเรื่อง Brexit ทางสภาสามัญชนของอังกฤษ (House of Commons) มีมติผ่านร่างกฎหมายเมื่อ 16 ม.ค.61 และสภาขุนนาง (House of Lords) ของอังกฤษจะพิจารณาเนื้อหาในร่างกฎหมายอย่างละเอียดต่อไป
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น นำโดย DAX ของเยอรมนีที่ +0.7% ปัจจัยหนุนคือ การเติบโตที่ดีเกินคาดของเศรษฐกิจจีนในปี 60 และยอดขายเซมิคอนดัคเตอร์ในสหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มนี้
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาทรงๆ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 63.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 69.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
# EIA รายงานว่าการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 258,000 บาร์เรล แตะระดับ 9.75 ล้านบาร์เรล/วันซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 9.789 ล้านบาร์เรล/วัน ส่วนสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 412.7 ล้านบาร์เรล
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองร่วงหลังดอลลาร์แข็งขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 12 ดอลลาร์ หรือ 0.90% ปิดที่ 1327.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้น และขายทำกำไรหลังราคาปรับขึ้นมาหลายวัน
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
• ธปท.ยืนยันเงินเฟ้อปี 60 ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย แต่ยังไม่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินฝืด
# นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำหนังสือถึงนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ชี้แจงเรื่องเงินเฟ้อปี 60 ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปีอยู่ที่ 0.6% ต่ำกว่ากรอบล่างที่เป็นเป้าหมายนโยบายการเงิน เพราะปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก (ราคาอาหารสดลดลง) แต่ไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเกิดเงินฝืดและไม่เป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทย
# แนวโน้มเงินเฟ้อระยะต่อไป กนง.มองว่าปี 61 อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เฉลี่ยทั้งปีประเมินไว้ที่ 0.8% โดยจะเข้าสู่กรอบล่างเงินเฟ้อได้ใน 1H61 ซึ่งเป็นผลจากราคาอาหารสดขยับขึ้น และราคาน้ำมันสูงขึ้น
# กนง.จะยังคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง (สำหรับ DBS เราประมาณการว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวที่ 1.5% ตลอดปี 61)
• ดร.ศุภชัย มองในอีก 10 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่โลกจะเผชิญวิกฤตรอบใหม่...เหตุหนึ่งอาจมาจาก Cryptocurrency
# ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ กล่าวในงานสัมมนา INSIGHT ON THE EMERGING FRONTIER : EMERGING MARKET OUTLOOK 2018 ซึ่งจัดโดย KBANK ว่า หากมองโลกไปข้างหน้าในอีก 10 ปีหลังจากนี้ มีเหตุการณ์สำคัญ 10 ประการที่เป็นความเสี่ยงสำคัญ และมีโอกาสเกิดขึ้น ประกอบด้วย
1. วิกฤตที่เกิดจากสกุลเงินดิจิตอล หรือ Cryptocurrency หรือเกิดขึ้นจาก ดอทคอม แอฟเฟค (.com affect) เนื่องจากปัจจุบัน ธุรกิจที่เกี่ยวกับ E-commerce ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และทำให้มูลค่าหุ้นของธุรกิจที่เกี่ยวข้องปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงมาก เช่นเดียวมูลค่าของเงินสกุลดิจิตอล
2. จากความไม่เท่าเทียมกัน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้
3. การเชื่อมต่อทางการค้าของโลกที่เกิดขึ้นน้อยลง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกเช่นกัน
4. การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยเฉพาะบทบาทของ AI ที่จะเข้ามา disrupt ธุรกิจดั้งเดิม
5. การเปลี่ยนศูนย์กลางอำนาจของโลก จากกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐ มาอยู่ในประเทศเกิดใหม่ อย่าง จีน และเอเชีย
6. ประเด็นเรื่องของความยั่งยืน ที่จะเข้ามาเปลี่ยนเศรษฐกิจโลก
7. ภัยธรรมชาติ ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวได้ดี กลับมาได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร
8. ประเด็นทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ยังเป็นประเด็นปัญหาที่ต้องติดตาม เพราะขณะนี้ เกิดปัญหาอยู่ในหลายๆ ประเทศ
9. ค่าเงินภูมิภาคเอเชีย จะยังคงเป็นสกุลเงินที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากสภาพคล่องทั่วโลกไหลเข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประเด็นนี้จะไม่สร้างผลกระทบหรือปัญหามากนัก โดยมองว่ากลับเป็นโอกาสในการซื้อกิจการ หรือคืนหนี้มากกว่า
10. ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องของ aging Society ที่จะเป็นอีกหนึ่ง ประเด็นสำคัญที่อาจจะเข้ามาเปลี่ยนเศรษฐกิจโลกไปเลย
ที่มา: www.moneychannel.co.thต
• BANPU : ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหงสา 6 มี.ค.61
# นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU เปิดเผยว่าศาลแพ่งได้มีหมายนัดมายังบริษัท ให้ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 6 มี.ค.61 ซึ่งเป็นคดีแพ่งที่นายศิวะ งานทวี กับพวกฯ เป็นโจทก์ฟ้องบริษัท กับพวกฯ เป็นจำเลย โดยกล่าวอ้างว่าบริษัท กับพวกฯ ทำการหลอกลวงโดยเข้าร่วมทำสัญญาร่วมทุนกับนายศิวะ กับพวกฯ เพื่อประสงค์จะได้ข้อมูลสัมปทานเหมืองถ่านหิน รวมทั้งรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ ที่เมืองหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (โครงการหงสา) และได้ใช้สิทธิไม่สุจริตในการรายงานเท็จทำให้รัฐบาลลาวยกเลิกสัมปทานของนายศิวะกับพวกฯ เพื่อที่บริษัทจะได้เข้าทำสัญญากับรัฐบาลลาวเอง
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4675