- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 January 2018 18:23
- Hits: 12556
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“มีแกว่ง...เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อไม่หลุด 1800”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นสหรัฐพักเล็กๆจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว และกังวลปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการรับคนเข้าเมือง ซึ่งทรัมป์อยากจะยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) แต่ผู้พิพากษาศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่าการยกเลิกผิดต่อหลักกฎหมาย และรัฐบาลสหรัฐควรดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป ส่วนตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นต่อ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่เติบโตดี และเศรษฐกิจเติบโตดีขึ้น ส่วนค่าเงิน US$ ยังคงแข็งต่อเมื่อเทียบ 6 สกุลหลัก และทำให้เงินบาทอยู่ในทิศทางแข็งค่า แต่ทางการไทยก็ได้เข้ามาดูแลให้เงินบาทเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการค้าระหว่างประเทศ
ส่วนปัจจัยภายใน การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยยังคงคึกคัก นักลงทุนสถาบันในปท.ซื้อสุทธิอีก 3.5 พันลบ. ต่างชาติขายสุทธิต่อ 530 ลบ. อย่างไรก็ดีดัชนีผันผวนมากขึ้น วานนี้ SET บวกขึ้นไปสูงสุด 1831.45 แต่ปิดค่อนมาทางต่ำของวันที่ 1821.83 (-0.83 จุด) ในวันแกว่ง 14.55 จุด กลุ่มที่มีการขายทำกำไรเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นในวันสองวันก่อน คือ แบงค์ พลังงาน ปิโตรฯ สื่อสาร ท่องเที่ยว แต่กลุ่มที่ขึ้นดีเป็นรับเหมาฯ จะเห็นได้ว่าในตลาดมีการเล่นรอบแบบเวียนตัวเวียนกลุ่มมากขึ้น สำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เริ่มมีการเลือกซื้อมากขึ้น ที่เด่นเมื่อวานนี้เป็น IHL (หุ้นเติบโต) , HANA & DELTA (หุ้นปันผลดี) ซึ่งเป็นหุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์ที่เราได้กล่าวถึงไปเมื่อวานนี้ด้วย โดยในส่วนของ IHL เรามองว่าราคายังมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ ในทางเทคนิคให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 12, 12.5-13 บาท และ Stop loss ถ้าหลุด 10.80 บาท
หุ้นแนะนำวันนี้เป็น SENA ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นปันผลสูงที่เราชอบ โดยคาดการณ์ว่ากำไร 4Q60 จะออกมาแข็งแกร่งมากที่ 407 ลบ. (+297%YoY, 168%QoQ) เพราะช่วงที่โอนคอนโดมาก ส่วนเงินปันผล ประเมินว่าจะจ่าย 2H60 สูงขึ้นเป็น 0.1818 บาท/หุ้น (ให้ Payout ratio 40%) หลังจ่ายสำหรับ 1H60 ไปแล้ว 0.05455 บาท/หุ้น ณ ราคาหุ้น 4.16 บาท คิดเป็น Remaining dividend yield 4.4% ส่วนปี 61 คาดการณ์กำไรโต 15% และให้ Dividend yield ประมาณ 7% (บางปีจะมีจ่ายปันผลเป็นหุ้น) แนะนำซื้อ ให้ TP 4.78 บาท (อิงกับ P/E ปี 61 ที่ 7 เท่า)
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นลบเล็กๆ ควรระวังการแกว่งตัว ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1830, 1840-1850 ถ้าหลุด 1800 ควร Stop loss หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ SENA, DELTA, IHL, BLA, UNIQ, QH, AMATAV, PTL ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น CK, PTTGC, MONO, BBL, AMATA, ERW หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, SEAFCO, BANPU, MINT หุ้นที่หลุด List คือ SUSCO, ROJNA, M, MEGA, STPI, JMART
ปัจจัยต่างประเทศ
• ญี่ปุ่น : ดัชนี PPI เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.1%YoY ต่ำกว่าคาด
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ของญี่ปุ่นป +3.1%YoY ในเดือนธ.ค.60 ชะลอตัวลงหลังจาก +3.5%YoY ในเดือนพ.ย.60 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +3.4%YoY
• อังกฤษ : ดัชนี CPI อ่อนลงเป็น 3.0% ในธ.ค.60
# สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงเป็น 3.0% ในเดือนธ.ค. จาก 3.1% ในเดือนพ.ย.60 เพราะราคาตั๋วเครื่องบินและสินค้าสันทนาการลดลง ส่วน Core CPI อ่อนลงเป็น 2.5% ในเดือน ธ.ค.
# การปรับตัวลงของดัชนี CPI ในเดือนธ.ค. ช่วยลดแรงกดดันของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
• สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิตม.ค.61 ชะลอตัวลง
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่าดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ชะลอตัวลงในเดือนม.ค.61 โดยอยู่ที่ระดับ 17.7 หลังจากแตะระดับ 18.0 ในเดือนธ.ค.
• ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA และ FTSE 100 อ่อนลงเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น
# ดัชนี DJIA เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,792.86 จุด ลดลง 10.33 จุด หรือ -0.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,223.69 จุด ลดลง 37.38 จุด หรือ -0.51% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,776.42 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.35% เพราะการลดลงของราคาน้ำมันฉุดหุ้นกลุ่มพลังงาน และกังวลปัญหาการเมืองที่เกี่ยวกับนโยบายการรับคนเข้าเมือง ซึ่งทรัมป์อยากให้ยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) แต่ผู้พิพากษาศาลรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่าการยกเลิกผิดต่อหลักกฎหมาย และรัฐบาลสหรัฐควรดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น 0.1-0.4% หนุนโดยกลุ่มรถยนต์ แต่ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอน -0.2%
•/- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันพักฐานเล็กๆ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 63.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากแรงขายทำกำไร ติดตามตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐว่าเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 752 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ ภาวะตลาดทองคำ : เงินดอลล์อ่อนหนุนราคาทองปรับขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ระดับ 1337.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ธุรกิจเดินเรือคอนเทนเนอร์ : ค่าระวางเรือปรับขึ้น 4-5% ก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน...เป็นข่าวบวกกับ RCL
# นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่าขณะนี้สายเดินเรือต่าง ๆ ได้ปรับเพิ่มอัตราค่าระวางเรืออีก 4-5% จากปัจจุบันเส้นทางไทย-ยุโรป เก็บอยู่ที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ขนาด 40 ฟุต, ไทย-ญี่ปุ่น 500 ดอลลาร์, ไทย-ดูไบ 1,300 ดอลลาร์, ไทย-อเมริกาตะวันตก 1,500 ดอลลาร์ และ ไทย-อเมริกาตะวันออก 2,100 ดอลลาร์ เป็นต้น เนื่องจากใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนทำให้ผู้ผลิตสินค้ามีคำสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการใช้สินค้าของคนเชื้อสายจีนที่อาศัยตามประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ส่งผลให้ปริมาณตู้คอนเทนเนอร์อยู่ในภาวะตึงตัวมาก
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV : นับเป็นข่าวบวกกับ RCL ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเดินเรือคอนเทนเนอร์ ที่จะมีอัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น และเราเห็นว่าการฟื้นตัวและการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก & ปริมาณการค้าโลกก็ช่วยหนุนธุรกิจในปี 61 ด้วย นอกจากนั้นในช่วง 2H60 ที่ผ่านมา เริ่มเห็นการแข่งขันในธุรกิจน้อยลง เพราะมีการควบรวมกิจการกันในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้อุตสาหกรรมมีเสถียรภาพมากขึ้น เราประเมินในเบื้องต้นว่าปี 61 มีโอกาสที่ RCL จะกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานปกติได้ (Core profit)
- PSL & TTA : ธนาคารกลางนอร์เวย์ประกาศถอด 2 บริษัทออกจากพอร์ตกองทุนบำนาญรัฐบาล
# ธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norges Bank) ระบุในเว็บไซต์ว่า Norges Bank ได้ตัดสินใจถอดบริษัท 9 แห่งออกจากพอร์ทการลงทุนของ Government Pension Fund Global (GPFG) ซึ่งเป็นกองทุนบำนาญของรัฐบาลนอร์เวย์ โดยกองทุนฯ มีเม็ดเงินภายใต้การบริหารจัดการมากถึง 1.07 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัท 2 ใน 9 แห่งที่ถูกตัดออก คือ PSL และ TTA
# Norges Bank ระบุว่า PSL, TTA, บริษัท Evergreen Marine Corp (Taiwan) Ltd และบริษัท Korea Line Corp ถูกถอดออกจากพอร์ตกองทุนฯ โดยอิงจากการประเมินความเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ ขณะที่บริษัท Atal SA ถูกถอดออกเนื่องจากมีความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง สำหรับบริษัท AECOM, BAE Systems, Fluor Corp และ Huntington Ingalls Industries Inc ถูกถอดออกเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
• กลุ่มน้ำตาล : ใช้ม.44 ลอยตัวราคาน้ำตาล คาดราคาหน้าโรงงานจะลดลง 1-3 บาท/กก.
# นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่าคสช.ใช้ม.44 ลอยตัวราคาน้ำตาลให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ส่งผลให้ราคาหน้าโรงงานจะลดลง 1-3 บาท/กก. จากเดิม 19-20 บาท/กก. จะเป็น 17-18 บาท/กก. สำหรับราคาขายปลีกคาดว่าจะลดลงในสัปดาห์หน้าหลังปริมาณที่อยู่ระหว่างขนส่งจากโรงงานจำนวน 3 แสนตันหมดไปในสัปดาห์นี้
# เป็นข่าวลบกับกลุ่มผู้ประกอบการน้ำตาล เช่น KSL, KBS, KTIS, BRR อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมารับข่าวไปพอควรแล้ว เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้าว่าจะมีการลอยตัวราคา นักลงทุนจึงมีการลดพอร์ตการลงทุนลงก่อน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
“มีแกว่ง...เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อไม่หลุด 1800”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : --
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ตลาดหุ้นสหรัฐพักเล็กๆจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว และกังวลปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการรับคนเข้าเมือง ซึ่งทรัมป์อยากจะยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) แต่ผู้พิพากษาศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่าการยกเลิกผิดต่อหลักกฎหมาย และรัฐบาลสหรัฐควรดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป ส่วนตลาดหุ้นยุโรปขยับขึ้นต่อ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่เติบโตดี และเศรษฐกิจเติบโตดีขึ้น ส่วนค่าเงิน US$ ยังคงแข็งต่อเมื่อเทียบ 6 สกุลหลัก และทำให้เงินบาทอยู่ในทิศทางแข็งค่า แต่ทางการไทยก็ได้เข้ามาดูแลให้เงินบาทเป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการค้าระหว่างประเทศ
ส่วนปัจจัยภายใน การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยยังคงคึกคัก นักลงทุนสถาบันในปท.ซื้อสุทธิอีก 3.5 พันลบ. ต่างชาติขายสุทธิต่อ 530 ลบ. อย่างไรก็ดีดัชนีผันผวนมากขึ้น วานนี้ SET บวกขึ้นไปสูงสุด 1831.45 แต่ปิดค่อนมาทางต่ำของวันที่ 1821.83 (-0.83 จุด) ในวันแกว่ง 14.55 จุด กลุ่มที่มีการขายทำกำไรเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นในวันสองวันก่อน คือ แบงค์ พลังงาน ปิโตรฯ สื่อสาร ท่องเที่ยว แต่กลุ่มที่ขึ้นดีเป็นรับเหมาฯ จะเห็นได้ว่าในตลาดมีการเล่นรอบแบบเวียนตัวเวียนกลุ่มมากขึ้น สำหรับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก เริ่มมีการเลือกซื้อมากขึ้น ที่เด่นเมื่อวานนี้เป็น IHL (หุ้นเติบโต) , HANA & DELTA (หุ้นปันผลดี) ซึ่งเป็นหุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์ที่เราได้กล่าวถึงไปเมื่อวานนี้ด้วย โดยในส่วนของ IHL เรามองว่าราคายังมีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ ในทางเทคนิคให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 12, 12.5-13 บาท และ Stop loss ถ้าหลุด 10.80 บาท
หุ้นแนะนำวันนี้เป็น SENA ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นปันผลสูงที่เราชอบ โดยคาดการณ์ว่ากำไร 4Q60 จะออกมาแข็งแกร่งมากที่ 407 ลบ. (+297%YoY, 168%QoQ) เพราะช่วงที่โอนคอนโดมาก ส่วนเงินปันผล ประเมินว่าจะจ่าย 2H60 สูงขึ้นเป็น 0.1818 บาท/หุ้น (ให้ Payout ratio 40%) หลังจ่ายสำหรับ 1H60 ไปแล้ว 0.05455 บาท/หุ้น ณ ราคาหุ้น 4.16 บาท คิดเป็น Remaining dividend yield 4.4% ส่วนปี 61 คาดการณ์กำไรโต 15% และให้ Dividend yield ประมาณ 7% (บางปีจะมีจ่ายปันผลเป็นหุ้น) แนะนำซื้อ ให้ TP 4.78 บาท (อิงกับ P/E ปี 61 ที่ 7 เท่า)
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นลบเล็กๆ ควรระวังการแกว่งตัว ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1830, 1840-1850 ถ้าหลุด 1800 ควร Stop loss หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ SENA, DELTA, IHL, BLA, UNIQ, QH, AMATAV, PTL ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น CK, PTTGC, MONO, BBL, AMATA, ERW หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, SEAFCO, BANPU, MINT หุ้นที่หลุด List คือ SUSCO, ROJNA, M, MEGA, STPI, JMART
ปัจจัยต่างประเทศ
• ญี่ปุ่น : ดัชนี PPI เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.1%YoY ต่ำกว่าคาด
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ของญี่ปุ่นป +3.1%YoY ในเดือนธ.ค.60 ชะลอตัวลงหลังจาก +3.5%YoY ในเดือนพ.ย.60 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +3.4%YoY
• อังกฤษ : ดัชนี CPI อ่อนลงเป็น 3.0% ในธ.ค.60
# สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลงเป็น 3.0% ในเดือนธ.ค. จาก 3.1% ในเดือนพ.ย.60 เพราะราคาตั๋วเครื่องบินและสินค้าสันทนาการลดลง ส่วน Core CPI อ่อนลงเป็น 2.5% ในเดือน ธ.ค.
# การปรับตัวลงของดัชนี CPI ในเดือนธ.ค. ช่วยลดแรงกดดันของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
• สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิตม.ค.61 ชะลอตัวลง
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานว่าดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ชะลอตัวลงในเดือนม.ค.61 โดยอยู่ที่ระดับ 17.7 หลังจากแตะระดับ 18.0 ในเดือนธ.ค.
• ภาวะตลาดหุ้น : ดัชนี DJIA และ FTSE 100 อ่อนลงเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้น
# ดัชนี DJIA เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,792.86 จุด ลดลง 10.33 จุด หรือ -0.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,223.69 จุด ลดลง 37.38 จุด หรือ -0.51% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,776.42 จุด ลดลง 9.82 จุด หรือ -0.35% เพราะการลดลงของราคาน้ำมันฉุดหุ้นกลุ่มพลังงาน และกังวลปัญหาการเมืองที่เกี่ยวกับนโยบายการรับคนเข้าเมือง ซึ่งทรัมป์อยากให้ยกเลิกโครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ (DACA) แต่ผู้พิพากษาศาลรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่าการยกเลิกผิดต่อหลักกฎหมาย และรัฐบาลสหรัฐควรดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อไป
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น 0.1-0.4% หนุนโดยกลุ่มรถยนต์ แต่ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอน -0.2%
•/- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันพักฐานเล็กๆ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 57 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 63.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 69.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากแรงขายทำกำไร ติดตามตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐว่าเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 752 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา
+ ภาวะตลาดทองคำ : เงินดอลล์อ่อนหนุนราคาทองปรับขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.2 ดอลลาร์ หรือ 0.16% ปิดที่ระดับ 1337.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ ธุรกิจเดินเรือคอนเทนเนอร์ : ค่าระวางเรือปรับขึ้น 4-5% ก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน...เป็นข่าวบวกกับ RCL
# นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่าขณะนี้สายเดินเรือต่าง ๆ ได้ปรับเพิ่มอัตราค่าระวางเรืออีก 4-5% จากปัจจุบันเส้นทางไทย-ยุโรป เก็บอยู่ที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ขนาด 40 ฟุต, ไทย-ญี่ปุ่น 500 ดอลลาร์, ไทย-ดูไบ 1,300 ดอลลาร์, ไทย-อเมริกาตะวันตก 1,500 ดอลลาร์ และ ไทย-อเมริกาตะวันออก 2,100 ดอลลาร์ เป็นต้น เนื่องจากใกล้เข้าสู่เทศกาลตรุษจีนทำให้ผู้ผลิตสินค้ามีคำสั่งซื้อจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการใช้สินค้าของคนเชื้อสายจีนที่อาศัยตามประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ส่งผลให้ปริมาณตู้คอนเทนเนอร์อยู่ในภาวะตึงตัวมาก
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSV : นับเป็นข่าวบวกกับ RCL ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเดินเรือคอนเทนเนอร์ ที่จะมีอัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้น และเราเห็นว่าการฟื้นตัวและการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก & ปริมาณการค้าโลกก็ช่วยหนุนธุรกิจในปี 61 ด้วย นอกจากนั้นในช่วง 2H60 ที่ผ่านมา เริ่มเห็นการแข่งขันในธุรกิจน้อยลง เพราะมีการควบรวมกิจการกันในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้อุตสาหกรรมมีเสถียรภาพมากขึ้น เราประเมินในเบื้องต้นว่าปี 61 มีโอกาสที่ RCL จะกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานปกติได้ (Core profit)
- PSL & TTA : ธนาคารกลางนอร์เวย์ประกาศถอด 2 บริษัทออกจากพอร์ตกองทุนบำนาญรัฐบาล
# ธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norges Bank) ระบุในเว็บไซต์ว่า Norges Bank ได้ตัดสินใจถอดบริษัท 9 แห่งออกจากพอร์ทการลงทุนของ Government Pension Fund Global (GPFG) ซึ่งเป็นกองทุนบำนาญของรัฐบาลนอร์เวย์ โดยกองทุนฯ มีเม็ดเงินภายใต้การบริหารจัดการมากถึง 1.07 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัท 2 ใน 9 แห่งที่ถูกตัดออก คือ PSL และ TTA
# Norges Bank ระบุว่า PSL, TTA, บริษัท Evergreen Marine Corp (Taiwan) Ltd และบริษัท Korea Line Corp ถูกถอดออกจากพอร์ตกองทุนฯ โดยอิงจากการประเมินความเสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ ขณะที่บริษัท Atal SA ถูกถอดออกเนื่องจากมีความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง สำหรับบริษัท AECOM, BAE Systems, Fluor Corp และ Huntington Ingalls Industries Inc ถูกถอดออกเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
• กลุ่มน้ำตาล : ใช้ม.44 ลอยตัวราคาน้ำตาล คาดราคาหน้าโรงงานจะลดลง 1-3 บาท/กก.
# นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยว่าคสช.ใช้ม.44 ลอยตัวราคาน้ำตาลให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ส่งผลให้ราคาหน้าโรงงานจะลดลง 1-3 บาท/กก. จากเดิม 19-20 บาท/กก. จะเป็น 17-18 บาท/กก. สำหรับราคาขายปลีกคาดว่าจะลดลงในสัปดาห์หน้าหลังปริมาณที่อยู่ระหว่างขนส่งจากโรงงานจำนวน 3 แสนตันหมดไปในสัปดาห์นี้
# เป็นข่าวลบกับกลุ่มผู้ประกอบการน้ำตาล เช่น KSL, KBS, KTIS, BRR อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมารับข่าวไปพอควรแล้ว เนื่องจากมีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้าว่าจะมีการลอยตัวราคา นักลงทุนจึงมีการลดพอร์ตการลงทุนลงก่อน
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4583