- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 January 2018 17:16
- Hits: 8001
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ยืนเหนือ 1800 ได้...เลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : SRICHA (จากขายเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ปัจจัยภายนอก ประเทศขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น เยอรมนี, จีน, เกาหลีใต้ ฯลฯ ออกกฎควบคุมเงินดิจิตอล (ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์) โดยทางเยอรมนีเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกันในเรื่องนี้ เพราะมองว่ากฎระเบียบของประเทศและภูมิภาคไม่เพียงพอ สำหรับเงินเฟ้อเดือนธ.ค.60 ของสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น อยู่ในระดับที่ยังไม่สูง ทำให้รัฐบาลแต่ประเทศจะออกจากนโยบายการเงินผ่อนคลาย (ปรับขึ้นดอกเบี้ย) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนน้ำมันดิบ BRENT ยังขยับขึ้นต่อ แต่ก็ควรระวังการแกว่งจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น
ส่วนปัจจัยภายใน ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นต่อ 12.47 จุดปิด 1822.66 (สูงสุดในวัน 1830.68) นำโดยกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี แบงค์ใหญ่ สื่อสารนิคม ท่องเที่ยว+สนามบิน ซึ่งมี Catalyst จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โครงการ EEC และท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง แต่กลุ่มส่งออกทรงๆ เพราะแม้ว่าจะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกขยายตัวดีขึ้น แต่เงินบาทแข็งก็กดดันกลุ่มนี้ นักลงทุนสถาบันในปท.นำซื้อสุทธิ 3.8 พันลบ. ส่วนอีก 3 กลุ่มรวมถึงต่างชาติขายสุทธิ (ต่างชาติขายสุทธิสะสม 8.7 พันลบ. สถาบันในปท.ซื้อสุทธิสะสม 1.2 หมื่นลบ. ในช่วง 1-15 ม.ค.61)
หุ้นแนะนำวันนี้เป็น BBL ซึ่งเป็น Value play ที่น่าสนใจ เพราะราคาหุ้นปัจจุบันยังต่ำกว่า BVS ที่ 222 บาท นอกจากนั้น P/E ปี 61 ยังต่ำเพียง 11 เท่าขณะที่การเติบโตในปี 61 จะดีขึ้นทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการจับมือเป็นพันธมิตรขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้กับ AIA และการส่งออกที่ดีขึ้นก็ช่วยให้รายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นด้วย ด้านปันผล ให้ Dividend yield ปีละประมาณ 3% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 222 บาท ซึ่งอิงกับ P/BV ปี 61 เพียง 1.0 เท่า
กลยุทธ์ทางพื้นฐาน : แนะเลือกซื้อเป็นรายบริษัท โดยธีมเด่นหุ้นดีจาก DBS รอบนี้เลือก 1. Investment recovery play (หุ้นเด่น AMATA ราคาพื้นฐาน 30 บาท), 2. Dividend play (หุ้นเด่น KKP ราคาพื้นฐาน 88 บาท) และ 3. Growth play (หุ้นเด่น IVL ราคาพื้นฐาน 65 บาท)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ระยะสั้นมากตลาดเป็นบวก แต่ก็ควรระวังการแกว่งตัว ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวกหุ้นและตลาด แนวต้าน SET ให้ไว้ที่ 1830,1840-1850 ถ้าหลุด 1800 ควร Stop loss
หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ได้แก่ BBL, AMATA, BANPU, ERW, MINT, MEGA, STPI, JMART ส่วนหุ้นที่หาจังหวะ Take profit เป็น GLOBAL, KTB, HMPRO, WHA หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ INTUCH, CK, SUSCO, PTTGC, MONO, ROJNA, M, BLA, SEAFCO หุ้นที่หลุด List คือ TU
ปัจจัยต่างประเทศ
• ญี่ปุ่นเผยดัชนี PPI เดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.1%YoY ต่ำกว่าคาด
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ของญี่ปุ่นป +3.1%YoY ในเดือนธ.ค.60 ชะลอตัวลงหลังจาก +3.5%YoY ในเดือนพ.ย.60 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +3.4%YoY
+ บุนเดสแบงก์หนุนทั่วโลกร่วมมือออกกฎควบคุมสกุลเงินดิจิทัล
# นายโจอาคิม เวอร์เมลลิ่ง กรรมการของธนาคารกลางเยอรมนี (บุนเดสแบงก์) ระบุว่า ความพยายามในการกำหนดกฎระเบียบควบคุมสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ จะต้องมีการดำเนินการร่วมกันในระดับโลก
# สำหรับทางการจีนได้ออกกฎห้ามการระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัล (ICO) หรือ Initial Coin Offering, ปิดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในหลายตลาด และจำกัดการขุดเหมืองเพื่อหาบิตคอยน์
# ส่วนเกาหลีใต้กำลังดำเนินการเพื่อยุติการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลของตลาดหลายแห่ง
# ทางด้านสหภาพยุโรปเตรียมออกกฎหมายเพื่อป้องกันการฟอกเงิน และการเป็นแหล่งเงินทุนให้กับกลุ่มก่อการร้ายโดยใช้บิตคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ
•/- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการ ตลาดหุ้นยุโรปและอังกฤษอ่อนตัวลง
# ตลาดหุ้นสหรัฐ ตลาดการเงิน และสินค้าโภคภัณฑ์ต่างปิดทำการเมื่อคืนนี้ (เวลาไทย) เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิงจูเนียร์
# ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนลง 0.1-0.3% ดัชนีตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลง 9.50 จุด หรือ -0.12% เพราะกังวลเรื่องการล้มละลายของบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ของอังกฤษ คือ คาริลเรียล และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ECB
+ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปิดเหนือ 70 US$/bbl
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดทำการเมื่อคืนนี้ ส่วน BRENT ปรับขึ้น 0.39 US$ ปิดที่ 70.26 US$/bbl ปัจจัยหนุน คือ อุปสงค์ที่คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้น ทำให้ตลาดจะเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
- เงินบาทแข็งกระทบกลุ่มส่งออก
# ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนยวบลงมาที่ 90.45 เมื่อเทียบกับ 6 สกุลหลัง ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นสู่ระดับ 31.9 Bt/US$ ซึ่งกระทบต่อผู้ส่งออก แม้ว่ายอดขายและกำไรรูป US$ จะมีการเติบโต แต่เมื่อแปลงเป็นบาทแล้วจะเติบโตน้อยลง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบของหลายสินค้าส่งออก โดยเฉพาะอาหาร ถูกกดดันจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนด้วย เราให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มส่งออกเป็น Neutral แม้ว่าส่งออกจะเป็นหนึ่งใน Key growth ของเศรษฐกิจไทยก็ตาม แต่ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มส่งออกที่จดทะเบียนในตลาดปี 61 อาจจะเติบโตได้จำกัดจากปัจจัยเสี่ยง/กดดันข้างต้น
# กลยุทธ์การลงทุน : ซื้ออ่อนตัว/ถือ ซึ่งหุ้นที่มีจ่ายปันผลสูงในกลุ่มส่งออก ได้แก่ HANA, DELTA (ให้ Dividend yield ประมาณ 4-5% ต่อปี) เป็นต้น
+ IHL (ราคาปิด 10.90 บาท) : แนวโน้มเติบโตดีในปี 61-62
# มีโอกาสที่ยอดขายจะเติบโตได้ต่อเนื่อง จาก 1. การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และรถยนต์ต่างๆ ใช้เบาะหนังมากขึ้น (บริษัทผลิตและจำหน่ายเบาะหนังรถยนต์) 2. ขยายกำลังการผลิตการฟอกหนังเพิ่มอีก 1.5 แสนตัว/ปี รวมเป็น 1 ล้านตัว/ปี ซึ่งเริ่มรับรู้กำลังการผลิตส่วนเพิ่มมาตั้งแต่ 4Q60 และจะรับรู้เต็มปี 61 รวมทั้งมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 2 ล้านตัว/ปีในสิ้นปี 62 และ 3. การปิดโรงฟอกหนังจำนวนมากในจีน เปิดโอกาสให้ IHL สามารถส่งออกได้มากขึ้น
# มาร์จิ้นในส่วนรับจ้างฟอกหนังวัวให้กับ GLI จะไม่สูงมาก (คิดเป็นประมาณ 25-30% ของยอดขาย) แต่ในส่วนที่เหลือจะได้มาร์จิ้นดีกว่า โดยรวมแล้วอัตรากำไรขั้นต้นบริษัทอยู่ที่ 22-23% ในปี 60 ซึ่งดีขึ้นจากปี 59 ที่ต่ำกว่า 20% เพราะสัดส่วนรายได้จากงานบริการย้อมหนังวัวที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น และต้นทุนหนังดิบลดลง
# บริษัทพ้นข้อกล่าวหาเรื่องชำระภาษีศุลกากรไม่ครบแล้ว (ศุลกากรกล่าวหาและเรียกค่าปรับ 15.9 ล้านบาท) หลังจากที่ได้อุทธรณ์ไป ซึ่งกรมศุลกากรได้แจ้งกลับมาว่าบริษัทได้เพียงแต่สำแดงพิกัดของสินค้าไม่ถูกต้องแต่ไม่มีผลกระทบต่ออากร จึงถือว่าบริษัทได้ปฏิบัติถูกต้องและพ้นจากข้อหา
# การวิเคราะห์ทางเทคนิค แนะนำ Follow buy ค่าบวกของราคาหุ้น โดยมีแนวต้านระยะสั้น 11.50-12, 13 บาท Stop loss ถ้าหลุด 10.5 บาท
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO4536